Text : Wipawan In.
โลกที่การทำการตลาดด้วยอินฟลูเอนเซอร์ ไม่ได้เป็นเพียงเทรนด์ชั่วคราว แต่กลายเป็นหนึ่งในกลยุทธ์หลักของแบรนด์ การเลือกอินฟลูเอนเซอร์ที่ “ใช่” จึงสำคัญไม่แพ้การสร้างคอนเทนต์ที่ “โดน” เพราะทุกการสื่อสารวันนี้ต้องเริ่มจาก “ความเข้าใจผู้บริโภค” แบรนด์จึงต้องมองให้ลึกกว่าแค่ยอด follower แต่ต้องมองถึง “ตรงกลุ่มเป้าหมาย” และ “ความจริงใจในการสื่อสาร” ที่สามารถสะท้อนตัวตนของแบรนด์ออกมาได้อย่างกลมกลืน
เทรนด์ของการตลาดอินฟลูเอนเซอร์ในปัจจุบันกำลังเปลี่ยนจากการเน้นภาพลักษณ์หรูหรา มาเป็น ความเรียล ความสัมพันธ์ และคาแรกเตอร์เฉพาะตัว มากขึ้น เพราะอินฟลูเอนเซอร์ไม่ใช่แค่ผู้บอกเล่า แต่เป็นผู้ส่งต่อความตั้งใจแบรนด์ ที่มีอิทธิพลต่อความคิดและความรู้สึกของผู้บริโภคโดยตรง
วันนี้เราจะพาไปดู 5 เทรนด์อินฟลูเอนเซอร์มาแรง ที่ช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้แบรนด์เป็นที่จดจำ
1. Human Trust แม้ว่าในปัจจุบัน AI จะเข้ามาเป็นตัวช่วยของเหล่าอินฟลูเอนเซอร์ทั้งการช่วยคิดคอนเทนต์ ช่วยตัดต่อ เขียนสคริปต์ หรือแม้แต่การพูดแทน ที่บางทีจะเน้นการขายมากจนเกินไป ทำให้ขาดความเป็นมนุษย์ ที่เน้นความเรียล เพราะในยุคปัจจุบัน ลูกค้าอยากฟัง คนจริง มากกว่า ระบบอัจฉริยะ ต้องการรับรู้ถึงความรู้สึกของผู้พูดมากกว่าการจัดเรียงของ AI
ตัวอย่าง : Eyeta เจ้าของช่องพิอายตาค้าบ
2. CreatorPreneur การรวมกันของ Creator และ Entrepreneur ต่อยอดจากการทำคอนเทนต์สู่การเป็นผู้ประกอบการ บอกเล่าเรื่องราวของสินค้าผ่านช่องทางของตัวเอง สร้างความเชื่อมั่น จากความรู้ลึกรู้จริง ของการเป็นเจ้าของแบรนด์ สร้างแต้มต่อด้วยเข้าใจคอนเทนต์ เข้าใจคนดู และเข้าใจแพลตฟอร์ม
ตัวอย่าง : อิ๊ง ชยธร เจ้าของแบรนด์ INGU / อูน ชนิสรา เจ้าของแบรนด์ Diamond Grain
3. Easy But Unique การสร้างคอนเทนต์ที่ดีอินฟลูเอนเซอร์ไม่จำเป็นต้องลงทุนเยอะ ทั้งโปรดักส์ แสง สี เสียง แต่เพียงแค่สร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัว ที่ไม่เหมือนใคร หาสไตล์ที่ใช่ของตัวเองให้เจอ ง่ายต่อการเข้าถึงของทั้งลุกค้าและแบรนด์ พร้อมปรับคอนเทนต์ให้เข้ากับทุกสินค้า
ตัวอย่าง : มอส - มายด์ เจ้าของช่อง Mosjookqs / ท่านเปา
4. Power of Micro ปัจจุบันความเปลี่ยนแปลงของคอนเทนต์ทำให้ลูกค้าอยากฟัง คนที่เข้าถึงง่าย ตอบโต้ได้ ใกล้ชิดกับแบรนด์ ไม่ใช่ คนดังผู้ติดตามหลักแสนหลักล้าน ทำให้หลายแบรนด์เน้นการใช้กลุ่ม Micro Influencer หรือผลักดันให้พนักงานหรือลูกค้ามาเล่าเรื่องแทนแบรนด์ สร้างความเชื่อใจ และความใกล้ชิดกับแบรนด์
ตัวอย่าง : แบรนด์ Janebeauty
5. Life Review การรีวิวยุคก่อนๆที่ผ่านอาจะเน้นไปที่ตัวสินค้า ใช้ดีไหม คุ้มไหม แต่สำหรับยุคนี้กลับให้ความสำคัญที่ “ชีวิตเป็นยังไงตอนใช้สินค้า” เน้นการแชร์ประสบการณ์จริง ใช้จริง กินจริง ใช้ระยะเวลาในการทดลอง ค่อยๆเห็นความเปลี่ยนแปลง กล้าแชร์ความผิดพลาด เพราะความจริงขายได้เสมอ
ตัวอย่าง : แบรนด์ Kio
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี