วิธีสร้างประสบการณ์เชิงบวกให้กับลูกค้า





เรื่อง เจษฎา ปุรินทวรกุล

    การที่ธุรกิจขนาดเล็กจะเจริญเติบโตได้ ต้องมีทั้งความตั้งใจของผู้ประกอบการและการที่ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่ดีจากการใช้ผลิตภัณฑ์หรือบริการของเราควบคู่กันไป ดังนั้น ไม่ว่าเราจะทำธุรกิจอะไรก็ตาม ต้องแน่ใจว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการของเราสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพ เพื่อดึงดูดและสร้างแรงจูงใจให้ลูกค้ากลับมาหาเราอีกครั้ง และนี่คือเคล็ดสำหรับธุรกิจขนาดเล็กที่จะช่วยสร้างความประทับใจพร้อมกับทำให้ลูกค้ากลับมาหาเราอีกครั้ง

    1. พนักงานดี มีชัยไปกว่าครึ่ง

    จะมีใครอธิบายคุณสมบัติหรือจุดเด่นของผลิตภัณฑ์ได้ดีกว่าพนักงานของเรา เพราะฉะนั้น เราควรคัดเลือกคนที่ต้องพบปะพูดคุยกับลูกค้าให้เหมาะสม พยายามฝึกอบรม หรือให้คำแนะนำพนักงานว่าควรบริการอย่างไร สามารถพูดเพื่อสร้างความน่าสนใจให้กับสินค้าได้อย่างไร โทรติดต่อหรืออีเมล์แจ้งข้อเสนอและรายละเอียดอย่างไรให้น่าสนใจ หากพนักงานทราบข้อมูลและมีหัวใจในการบริการด้วยรอยยิ้ม โอกาสสร้างความประทับใจก็จะสูงตามไปด้วย เพราะในทางกลับกัน หากลูกค้าเกิดความรู้สึกในเชิงลบกับพนักงานคนใดคนหนึ่ง ก็อาจถ่ายภาพร้าน โพสเรื่องราวลงในโซเชียลมีเดีย บอกเพื่อนบอกคนในครอบครัว ซึ่งจะส่งผลลบกับธุรกิจได้ในระยะยาว


    2. ตั้งคำถามกับลูกค้า

    หนึ่งในวิธีที่ดีซึ่งจะทำให้เราทราบว่าลูกค้าสนใจหรือมีความต้องการอะไรคือการ “ถาม” โดยการสำรวจความคิดเห็นเกี่ยวสินค้าและบริการ วิธีนี้จะช่วยให้เราได้ข้อมูลไปวางแผนธุรกิจและปรับปรุงการให้บริการได้โดนใจลูกค้ามากยิ่งขึ้น หรืออาจรบกวนให้ลูกค้าช่วยตอบแบบสอบถามเพื่อแลกกับของที่ระลึกก็ได้เช่นกัน


    3. เสนอโปรโมชั่น และสิทธิพิเศษ  

    ในช่วงที่ธุรกิจกำลังเติบโต เราต้องคอยสังเกตดูว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการประเภทใดกำลังอยู่ในความต้องการของลูกค้า จากนั้นนำไปผสมผสานเข้ากับโปรโมชั่น เช่น ซื้อ 1 แถม 1 หรือซื้อครบ 300 บาท รับของที่ระลึกฟรี หรืออาจใช้วิธีอื่นในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีร่วมกับลูกค้าขาประจำ โดยมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าคนสำคัญ อาจเป็นบัตรสมาชิก สะสมแต้มแลกของพรีเมี่ยม มอบของสมนาคุณหรือคูปองส่วนลดต่างๆ เนื่องในโอกาสพิเศษ  ทั้งนี้ทั้งนั้น ต้องระมัดระวังด้วยว่าจะทำอย่างไรไม่ให้ลูกค้าทั่วๆ ไป เกิดความรู้สึกว่าตัวเองถูกแบ่งแยกกับลูกค้าระดับพิเศษ จนหันไปใช้สินค้าหรือบริการจากคู่แข่งแทน


    4. อย่าลืมโซเชียลมีเดีย

    วิธีที่จะช่วยให้เราเชื่อมต่อกับลูกค้าได้สะดวกและรวดเร็วก็คือ การใช้โซเชียลมีเดีย โดยลูกค้าจะสามารถแชร์ข้อมูลผ่านคำพูด รูปภาพ และวีดิโอได้ภายในอึดใจเดียว ซึ่งถ้าลูกค้ามีประสบการณ์ที่ดีร่วมกับแบรนด์ของเราก็จะได้ผลในเชิงบวก ถ้าเป็นคอมเมนต์เชิงบวก ให้เข้าไปแสดงความเห็นในเชิงขอบคุณ แต่หากเจอคอมเมนต์ในเชิงลบจากลูกค้า ให้แสดงความคิดเห็นด้วยคำขอโทษพร้อมเสนอวิธีการแก้ปัญหาเพื่อเปลี่ยนจากความรู้สึกที่แย่ให้กลายมาเป็นประสบการณ์ที่ดี หรือจะขอเบอร์ติดต่อทาง Inbox เพื่อโทรไปสอบถามเหตุการณ์และแสดงความรับผิดชอบอย่างสุดความสามารถก็เป็นวิธีที่จะเรียกความรู้สึกดีๆ จากลูกค้าได้เช่นกัน เพราะเมื่อปัญหาได้รับการแก้ไข ลูกค้ามักโพสขอบคุณแบรนด์หรือเจ้าของที่พยายามช่วยแก้ปัญหาให้อย่างสุดความสามารถ ซึ่งจะถือเป็นการแสดงความรับผิดชอบ และส่งผลเชิงบวกต่อแบรนด์ในอนาคต 

     เคล็ดลับเหล่านี้จะช่วยให้เราสามารถทำธุรกิจไปพร้อมๆ กับสร้างแบรนด์ที่ดูดีในสายตาของลูกค้าไปพร้อมๆ กัน เพราะยิ่งเรามอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้ามากเท่าไร ธุรกิจยิ่งมีโอกาสเติบโตมากขึ้นเท่านั้น

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี





               

RECCOMMEND: MARKETING

เทรนด์ Emotional Spending โอกาสทองธุรกิจ เมื่อคนลงทุนกับความสุขใจมากขึ้น

เมื่อผู้บริโภคไทยเริ่มให้ความสำคัญกับ ความสุขใจมากกว่าสิ่งจำเป็น การใช้จ่ายเพื่อเติมเต็มชีวิต (Emotional Spending) กำลังกลายเป็น โอกาสทองของธุรกิจ ผู้ประกอบการที่เข้าใจเทรนด์นี้ มีโอกาสสร้างรายได้และความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง

Tiny Tattoo: เทรนด์ใหม่ที่สอนให้แบรนด์หรูคิดต่าง สิ่งเล็กๆ กำลังเปลี่ยนเกมตลาด Luxury

รอยสักขนาดจิ๋ว (tiny tattoo) และเส้นบาง (fine-line tattoo) ไม่ใช่แค่ศิลปะ แต่เป็น “การลงทุนด้านรสนิยม” ที่อยู่กับเจ้าของตลอดชีวิต ส่งผลให้จำนวนผู้ทำงานในธุรกิจร้านสักสหรัฐฯ เพิ่มจาก 150,000 เป็น 180,000 (2020–2024)

นี่ไม่ใช่แท่งสี แต่คือไอเดีย มัทฉะบาร์ พร้อมทาน 6 เฉดสี เจ้าแรกของไทย

ที่เห็นเรียงเป็นแท่งๆ ไล่เฉดเขียวจนถึงน้ำตาลในกล่องนี้ ไม่ใช่พาเลตต์สีน้ำหรือแท่งสีแต่อย่างใด แต่คือ “มัทฉะบาร์”