​​ต้นแบบมาร์เก็ตติ้งบ้านใต้ ผู้ปลุกกระแสแพ 500 ไร่

Text : ขวัญดวง แซ่เตีย






     
     แม้ช่วงเริ่มต้นของชีวิตวัยทำงาน อติรัตน์ ด่านภัทรวรวัฒน์ จะเคว้งคว้างกับการค้นหาตัวตนของตัวเองอยู่พักใหญ่ แต่เมื่อได้มีโอกาสมาทำหน้าที่ไกด์พาคนต่างถิ่นมาเที่ยวแพ 500 ไร่ แดนสวรรค์ของคนรักธรรมชาติ นั่นเองจึงทำให้ชีวิตหนุ่มเสเพลพลิกผันกลายมาเป็นนักธุรกิจเจ้าของรีสอร์ตดังที่รู้จักกันดีในหมู่นักเที่ยวไทย ด้วยเทคนิคการทำตลาดที่เป็นแบบฉบับไม่มีใครเหมือน เขาใช้ แพ 500 ไร่ ปลุกกระแสเชี่ยวหลานให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมแห่งใหม่ได้สำเร็จ ก่อนจะก้าวไปอีกขั้นสู่เป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ คือการผลักดันสุราษฎร์ธานี ให้เป็นเมืองท่องเที่ยวแห่งใหม่ของไทยที่ต่างชาติต้องมาเยือน




     


    หลังทำอาชีพไกด์อยู่ไม่นาน อติรักษ์ผลักดันตัวเองจนเปิดบริษัททัวร์ให้บริการนำเที่ยวอยู่ในจังหวัดสุราษฎร์ร่วมสามปีก็ได้รับโอกาสจากอุทยานแห่งชาติเขาสกให้ได้รับใบอนุญาตดำเนินกิจการแพบริเวณ 500 ไร่ได้ เขานำเงินที่ได้จากการทำทัวร์มาตั้งบริษัท รักษ์สุราษฎร์ จำกัด เพื่อดำเนินกิจการรีสอร์ตแพ 500 ไร่ ซึ่งในเวลานั้นยังเป็นดินแดน Unseen ที่ยังไม่มีใครเคยมาเยือนเนื่องจากระยะทาง และความยากลำบากในการเดินทาง 




     


    แม้ไม่มีความรู้ด้านมาร์เก็ตติ้งมาก่อน แถมซ้ำยังไม่เคยเรียนด้านการทำธุรกิจมาเลย แต่เพราะเชื่อว่าคนที่หลงใหลในธรรมชาติย่อมมีความต้องการไม่ได้ผิดแผกไปจากเขา ทำให้อติรัตน์เข้าถึงแก่นแท้ความต้องการของผู้บริโภค นี่เองเป็นหัวใจหลักที่ทำให้ แพ 500 ไร่ ขายแพ็คเก็จได้ในราคาแพง และกลายเป็นผู้นำในการกำหนดราคาตลาดของผู้ให้บริการแพในเชี่ยวหลาน 




   


    กลยุทธ์ที่อติรัตน์นำมาใช้คือการอนุรักษ์ความเป็นธรรมชาติของแพ 500 ไร่ไว้อย่างครบถ้วน ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกินที่เน้นเมนูของคนท้องถิ่น กิจกรรมที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และการนำเอาคนท้องถิ่นมาเป็นพนักงานคอยให้บริการ ซึ่งรวมถึงบริการเสริมจากผู้ประกอบการท้องถิ่น ที่สำคัญสุดคือการตั้งราคาแพ็คเก็จเริ่มต้นไว้ต่ำเพื่อกระตุ้นให้นักท่องเที่ยวรุ่นบุกเบิกมาสัมผัสบรรยากาศดีๆ จนมีความประทับใจและอยากนำไปบอกเล่าประสบการณ์ จนลูกค้าของแพ 500 ไร่ ขยายฐานะเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และต่อเนื่องแม้จะมีการปรับราคาเพิ่มขึ้นเป็นระยะๆ




     


    ในมุมมองของอติรัตน์การทำมาร์เก็ตติ้งมีหลากหลายวิธี ที่สำคัญคือต้องวิเคราะห์พฤติกรรมนักท่องเที่ยวให้ออก แล้วเลือกจับกลุ่มให้ตรงกับศักยภาพการบริการของตน เมื่อเปิดตลาดใหม่ๆ แพ 500 ไร่ ยังเป็นเหมือนเด็กฝึกงาน เขาจึงเลือกจับกลุ่มแบ็กแพ็คเกอร์ ซึ่งเน้นของถูก และไม่เรื่องมาก เพื่อให้คนกลุ่มนี้มาเปิดโอกาสพนักงาน และตัวเขาเองได้เรียนรู้การทำงานบริการ เมื่อมีประสบการณ์มากขึ้นจึงค่อยขยับมาจับตลาดกลาง ซึ่งเรื่องเยอะขึ้นมาหน่อยแต่ก็กล้าจ่ายมากขึ้น จนเมื่อทุกอย่างเป๊ะเข้าที่หมดแล้ว จึงค่อยขยับมาจับตลาดบน


 




    ปัจจุบัน แพ 500 ไร่ รองรับนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 100 กว่าคน และกำลังขยายจำนวนที่พักเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับแผนการขยายตลาดไปยังต่างประเทศ ซึ่งอติรัตน์บอกว่าคนไทยส่วนใหญ่เชื่อว่าการทำธุรกิจให้ประสบความสำเร็จต้องทำกับคนต่างชาติจึงจะได้ค่าตอบแทนสูง และเรื่องไม่เยอะ ก่อนหน้านี้แพของเชี่ยวหลานจึงเน้นต้อนรับต่างชาติเป็นหลัก ขณะที่เขาเน้นรับนักท่องเที่ยวไทยตั้งแต่แรกเพื่อพิสูจน์ให้เห็นว่าคนไทยไม่เรื่องเยอะก็มีแถมยังพร้อมจ่ายแพงแลกกับความคุ้มค่าด้วย  เมื่อทำสำเร็จแล้ว เขาจึงหวนกลับมามองนักท่องเที่ยวต่างชาติ




 


    หากแต่เป้าหมายไม่ใช่แค่จัดบ้านต้อนรับ แต่ออกไปจัดบูธเชิญชวนให้เข้ามาเยี่ยมชม โดยคาดหวังใช้แพ 500 ไร่ผลักดันให้สุราษฎร์เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวอันดามันอ่าวไทย เชื่อมโยงภูเก็ต กระบี่ และสมุย เพื่อเพิ่มเสน่ห์ทะเลเมืองใต้ให้มีจุดขายเพิ่มขึ้น ไม่ใช่การแย่งลูกค้าจากสามเมืองท่องเที่ยวเดิม ซึ่งเขามองว่าเป็นหน้าที่ที่ผู้ประกอบการการท่องเที่ยวควรทำ นอกเหนือจาการคำนึงถึงเรื่องชุมชน และสิ่งแวดล้อมที่ทำอยู่เดิม


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

เจาะอินไซด์ Beauty Business ไทย สงครามความงาม 7.5 หมื่นล้าน ใครจะครองบัลลังก์?

ธุรกิจความงามไม่ใช่แค่ “ความสวย” แต่คือ สนามรบแห่งกำไรและการเอาตัวรอด ตลาดหมื่นล้าน แต่ NPM ต่ำสุดในรอบ 10 ปี การแข่งขันดุเดือด ที่น่าสนใจคือ…ในสนามนี้ใครจะครองอยู่หรือใครจะไป?

SME ต้องรู้!  เคล็ดลับทำให้ “แบรนด์ใหญ่อยาก Collab ด้วย

ทุกวันนี้ Collaboration หรือการจับมือกับแบรนด์อื่น ไม่ใช่แค่กลยุทธ์ แต่คือ ทางลัด ที่ทำให้แบรนด์เล็กก้าวสู่สปอตไลต์ได้ในชั่วข้ามคืน แล้วแบรนด์เล็กจะทำอย่างไรให้แบรนด์ใหญ่หันมามองและยอม Collab ด้วย?