​ผู้ชาย 4.0 ตลาดนี้ที่ต้องจับตามอง

Text กองบรรณาธิการ
 

     เว็บไซต์ Ecomdash เปิดเผยว่าในปี 2560 ตลาดผลิตภัณฑ์เฉพาะสำหรับผู้ชายเป็น 1 ในเทรนด์ของธุรกิจที่จะมาแรงและไปได้สวย เนื่องจากผู้ชายในยุคปัจจุบันหันมาใส่ใจดูแลตัวเองกันมากขึ้น ทั้งในเรื่องของสุขภาพและรูปลักษณ์ภายนอก




     นอกจากนี้ ข้อมูลจากงานสัมมนา Men Marketing 4.0 ปรับจุดคลิก พลิกจุดขาย ผู้ชาย 4.0 โดยวิทยาลัยการจัดการมหาวิทยาลัยมหิดล ยังพบว่า สินค้าสำหรับผู้ชายที่มาแรงที่สุดมีอยู่ด้วยกัน 2 กลุ่มคือ ผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย และผลิตภัณฑ์อาหารเสริม ซึ่งทั้งสองกลุ่มนี้เป็นผลิตภัณฑ์ที่จับกลุ่มผู้ชายโดยเฉพาะ

 
    ที่น่าสนใจสำหรับ SME คือ ปัจจุบันประเทศไทยมีกลุ่มผู้ชายวัย 25-35 ปี หรือผู้ชายยุค 4.0 อยู่ราวๆ 5 ล้านคน มีรายได้ 15,000-45,000 ต่อเดือน และมีไลฟ์สไตล์ในการนำ 45 เปอร์เซ็นต์ของเงินรายได้มาใช้ในการกิน ดื่ม เที่ยว และซื้อของ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผลิตภัณฑ์ดูแลตัวเองเพื่อเสริมสร้างบุคลิกในการเข้าสังคม


     โดยภาพรวมกำลังซื้อผู้ชาย 4.0 นี้มีมูลค่าอยูที่ 76,000 -  200,000 ล้านบาท ต่อเดือน ซึ่งสอดคล้องกับมูลค่าในตลาดของสินค้าสำหรับผู้ชาย โดยจะเห็นว่ามีธุรกิจหลายแบรนด์ที่หันมาเล่นในตลาดนี้ซึ่งจะเห็นได้ว่าผู้ชายกลุ่มนี้มีโอกาสทางการตลาดสูง โดยผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายสำหรับผู้ชายมีอัตราการเติบโตสูงถึง 15 เปอร์เซ็นต์ ต่อปี โดยปี 2560 จะแตะหลักหมื่นล้านบาท ในขณะที่อาหารเสริมสำหรับผู้ชายมีอัตราการเติบโตถึง 30 เปอร์เซ็นต์ต่อปี


    นั่นหมายความว่า SME ที่กำลังมองตลาดกลุ่มนี้ จะมีลูกค้าอยู่ทั้งสิ้นราวๆ 5 ล้านคน ที่มีกำลังซื้อสูงถึง 2 แสนล้านบาทต่อเดือน และนิยมซื้อสินค้าผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกายเช่น สบู่ ครีมอาบน้ำ กับสินค้าอาหารเสริมต่างๆ เช่น เวย์โปรตีน เป็นต้น

 



www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

 

RECCOMMEND: MARKETING

Tiny Tattoo: เทรนด์ใหม่ที่สอนให้แบรนด์หรูคิดต่าง สิ่งเล็กๆ กำลังเปลี่ยนเกมตลาด Luxury

รอยสักขนาดจิ๋ว (tiny tattoo) และเส้นบาง (fine-line tattoo) ไม่ใช่แค่ศิลปะ แต่เป็น “การลงทุนด้านรสนิยม” ที่อยู่กับเจ้าของตลอดชีวิต ส่งผลให้จำนวนผู้ทำงานในธุรกิจร้านสักสหรัฐฯ เพิ่มจาก 150,000 เป็น 180,000 (2020–2024)

นี่ไม่ใช่แท่งสี แต่คือไอเดีย มัทฉะบาร์ พร้อมทาน 6 เฉดสี เจ้าแรกของไทย

ที่เห็นเรียงเป็นแท่งๆ ไล่เฉดเขียวจนถึงน้ำตาลในกล่องนี้ ไม่ใช่พาเลตต์สีน้ำหรือแท่งสีแต่อย่างใด แต่คือ “มัทฉะบาร์”  

โอกาสชาไทย สู่เวทีโลก ในวิกฤต matcha ขาดตลาด

กระแสมัทฉะพุ่งแรงตั้งแต่ปี 2568 ขณะที่ปริมาณผลผลิตลดลงจากการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ เกิดภาวะของขาดตลาดในหลายภูมิภาค สำหรับผู้ประกอบการไทย นี่คือโอกาสทอง