คนรุ่นใหม่เลือกช้อปแบบไหน..พฤติกรรมการซื้อสไตล์ Millennials SME ต้องรู้

Text : เจษฎา


 
กลุ่ม Millennials (มิลเลียนเนียล) หรือคน Gen Y คือกลุ่มคนที่มีอายุประมาณ 18-34 ปี โดยเกิดในช่วงปี พ.ศ. 2523-2540 คนกลุ่มนี้จะมีพฤติกรรมการซื้อสินค้าที่ค่อนข้างสูง ซึ่งผู้ประกอบการร้านค้าปลีก ร้านค้าส่ง และร้านค้าออนไลน์ควรทำความเข้าใจกับผู้ซื้อกลุ่มนี้เพื่อสร้างโอกาสในการเจาะตลาด โดยเฉพาะการตลาดบนโทรศัพท์มือถือ เพราะคนกลุ่ม Millennials จะมีความรู้ในด้าน IT ค่อนข้างสูง ทันโลก และกล้าซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์ โดยบริษัท Blackhawk Engagement Solutions จากสหรัฐอเมริกา ได้ศึกษาพฤติกรรมการซื้อสินค้าของคนกลุ่ม Millennials เพื่อให้ผู้ประกอบการปรับตัวให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนกลุ่ม Millennials ได้ง่ายๆ ดังนี้
 
1. สมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์หลักในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
คนกลุ่ม Millennials ใช้สมาร์ทโฟนเป็นอุปกรณ์ในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตสูงถึง 89 เปอร์เซ็นต์ ใช้แล็ปท็อปหรือโน๊ตบุ๊คในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต 75 เปอร์เซ็นต์ ใช้แท็บเล็ตในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต 45 เปอร์เซ็นต์ และใช้คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต 37 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้น ร้านค้าทั้งหลายต้องมีการตลาดบนโทรศัพท์มือถือ เพื่อเข้าถึงและเจาะตลาดผู้บริโภคกลุ่มนี้โดยเฉพาะ
 
2. โซเชียลมีเดียคือแหล่งข้อมูลของนักชอปปิง
เมื่อพวกเขาใช้สมาร์ทโฟนในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต การใช้โซเชียลเพื่อหาข้อมูลสินค้าหรือโปรโมชั่นใหม่ๆ จึงเป็นเรื่องปกติมากๆ สำหรับคนกลุ่ม Millennials สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าการโฆษณาผ่านทางสื่อโทรทัศน์และสื่อสิ่งพิมพ์ มีโอกาสถูกโฆษณาในรูปแบบดิจิตอลนำหน้าไปเรื่อยๆ
 
3. กลุ่ม Millennials อ่อนไหวกับราคาอย่างแรง 
ช่วงที่เว็บไซต์หรือร้านค้าออนไลน์จัดโปรโมชั่นโดนใจ เช่น ลดราคาต้อนรับปีใหม่ หรือลดล้างสต็อก ผู้บริโภคกลุ่ม Millennials จะให้ความสนใจและส่งอิทธิพลต่อการชำระเงินสูงมากๆ ซึ่งหากเป็นสินค้าที่มีคุณภาพ มีแบรนด์ มีภาพตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน เป็นสินค้าที่มีความต้องการอยู่แล้ว คนกลุ่มนี้จะสามารถเปรียบเทียบราคาปกติและราคาพิเศษเพื่อตัดสินใจได้ทันทีว่าคุ้มค่าหรือไม่ และควรซื้อหรือเปล่า
 
4. ชื่นชอบการไปรับสินค้าเอง แล้วมีส่วนลดให้
กลุ่มคน Millennials กว่า 88 เปอร์เซ็นต์ จะมีแรงจูงใจในการซื้อสินค้าออนไลน์สูงขึ้น เมื่อพบว่าร้านค้าหรือผู้ขายระบุว่า หากไปรับสินค้าเองมีส่วนลดเพิ่มให้ เช่นราคาสินค้า 500 บาท ไปรับของด้วยตัวเองลดให้ทันที 100 บาท ซึ่งผลดีของร้านค้าก็คือขายของได้ และไม่เปลืองค่าจัดส่ง ส่วนผู้ซื้อก็ได้ประโยชน์จากการซื้อสินค้าที่มีราคาถูกลง เรียกได้ว่า Win กันทั้ง 2 ฝ่าย
 
5. บางครั้งส่วนลดเพียงอย่างเดียวอาจไม่ใช่คำตอบ
ในบางครั้ง กลุ่มคน Millennials จะมองหาการได้ส่วนลดที่คุ้มค่ากว่าส่วนลดเพียวๆ ยกตัวอย่างให้เห็นภาพคือ สินค้า 1,000 บาท ได้ส่วนลด 100 บาท กับสินค้า 1,000 บาท แต่ได้ Cash Back คืน 5 เปอร์เซ็นต์ในภายหลัง แถมการบริการหลังการขาย หรือการให้บริการที่พิเศษ หรือสะสมแต้มไปแลกของ ซึ่งผู้บริโภคในกลุ่ม Millennials จะสนใจอย่างหลังมากกว่า 
 
6. คำนึงถึงความปลอดภัยในการชำระเงินออนไลน์ 
  สำหรับกลุ่มคน Millennials จะค่อนข้างกังวลกับปัญหาด้านความปลอดภัยบนโลกไซเบอร์เป็นอย่างมาก การออกแบบเว็บไซต์ให้เข้ารหัส HTTPS หรือระบบ SSL หรือใช้ระบบการชำระเงินที่มีชื่อเสียงอย่าง เพย์แพล (PayPal) ก็จะช่วยสร้างความมั่นใจให้กับผู้ชำระเงินได้มากยิ่งขึ้น
 
ทั้งหมดนี้คือนิสัยที่เห็นได้อย่างเด่นชัดของผู้บริโภคกลุ่ม Millennials ซึ่งสำหรับแบรนด์ใหญ่อาจไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร แต่แบรนด์เล็กๆ ร้านค้าปลีก ร้านค้าส่ง และพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์รายใหม่ น่าจะได้เห็นไลฟ์สไตล์และวิเคราะห์วิธีการกระโจนเข้าสู่สมรภูมิการค้าดิจิทัลบ้างแล้วละ 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

เจาะอินไซด์ Beauty Business ไทย สงครามความงาม 7.5 หมื่นล้าน ใครจะครองบัลลังก์?

ธุรกิจความงามไม่ใช่แค่ “ความสวย” แต่คือ สนามรบแห่งกำไรและการเอาตัวรอด ตลาดหมื่นล้าน แต่ NPM ต่ำสุดในรอบ 10 ปี การแข่งขันดุเดือด ที่น่าสนใจคือ…ในสนามนี้ใครจะครองอยู่หรือใครจะไป?

SME ต้องรู้!  เคล็ดลับทำให้ “แบรนด์ใหญ่อยาก Collab ด้วย

ทุกวันนี้ Collaboration หรือการจับมือกับแบรนด์อื่น ไม่ใช่แค่กลยุทธ์ แต่คือ ทางลัด ที่ทำให้แบรนด์เล็กก้าวสู่สปอตไลต์ได้ในชั่วข้ามคืน แล้วแบรนด์เล็กจะทำอย่างไรให้แบรนด์ใหญ่หันมามองและยอม Collab ด้วย?