4 แนวทางสร้างกำไรเพิ่ม ด้วย Upsell และ Downsell

Text : กองบรรณาธิการ

 
     “รับขนมจีบ ซาลาเปา เพิ่มไหมคะ” หรือ “เพิ่มเงิน 10 บาท เป็นโค้กแก้วใหญ่ไหมคะ” เป็นประโยคที่เรามักได้ยินเมื่อไปซื้อสินค้าหรือใช้บริการตามร้านอาหาร ซึ่งนี่คือพลังของการตลาดที่มีชื่อว่า Upsell ไม่ใช่เพียงเท่านั้น การตลาด Upsell ยังมีอยู่ทุกที่ ในร้านสะดวกซื้อ ร้านไอศกรีม ร้านขายของ Premium ทั้งหมดล้วนสามารถทำการตลาดประเภทนี้ได้หมด นอกจาก Upsell แล้วก็ยังมี Downsell ซึ่งมักจะใช้เมื่อลูกค้าสอบถามราคาแล้วรู้สึกสนใจ แต่ไม่อยู่ในสภาวะลังเลหรือไม่สามารถซื้อได้เนื่องจากมีเงินไม่พอ เราจึงต้อง Downsell เพื่อลดราคาให้สามารถขายได้นั่นเอง

            
   

     แม้จะดูเป็นเรื่องปกติ ที่เมื่อลูกค้ากำลังต้องการซื้อสินค้าแล้วเรานำเสนอสิ่งที่ตอบสนองความต้องการหรือสิ่งที่สร้างความสนใจเพื่อให้ลูกค้าจ่ายเงินให้ได้ แต่ถ้าใครที่ยังไม่ชำนาญ ลองมาดูกฎในการใช้ Upsell และ Downsell เพื่อสร้างยอดขายและสร้างกำไรให้กับธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพอย่างสูงสุดดีกว่า


1. ใช้ Upsell ให้เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์เดียวกัน        
               
     ไม่ว่าเราจะขายผลิตภัณฑ์ที่สามารถจับต้องได้ หรือเป็นธุรกิจการให้บริการ การใช้กลยุทธ์ Upsell ที่ดีควรใช้กับผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เกี่ยวข้องหรือใกล้เคียงกับสินค้าชนิดเดิมจะช่วยเพิ่มโอกาสขายได้ดีกว่า ไม่ใช่ลูกค้าซื้ออาหารแล้วเราไป Upsell ด้วยการขายสินค้าความงาม ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเราซื้อเตารีด และเราก็ควรใช้กลยุทธ์ Upsell ด้วยการขายพัดลมเพิ่มโดยลดราคา 50 เปอร์เซ็นต์ เพราะเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กเหมือนกัน
           

2. วิเคราะห์และเปรียบเทียบราคาสินค้าและผลกำไรที่จะนำมา
Upsell      
     
     อย่าคิดว่าเราจะสามารถสร้างกำไรได้เป็นกอบเป็นกำด้วยการเสนอสินค้าแพงๆ มาเป็นสินค้า Upsell ลองนึกภาพร้านขายรองเท้าที่ Upsell ด้วยการขายถุงเท้า หรือร้านขายของชำ Upsell ด้วยการขายลูกกวาดหรือช็อคโกแลต เพราะสินค้าเหล่านี้มีราคาไม่สูง ผู้ซื้อตัดสินใจจ่ายเงินได้ง่าย แต่ถ้า Upsell ด้วยรองเท้ากับรองเท้าที่มีราคาใกล้เคียงกัน ยอดขายย่อมต่ำลง แต่กำไรต่อชิ้นที่สามารถขายได้ก็จะสูงขึ้น ประเด็นนี้ผู้ประกอบการต้องพิจารณาและเปรียบเทียบให้รอบคอบเพื่อให้กลยุทธ์ Upsell เกิดประสิทธิภาพและสร้างรายได้ให้กับธุรกิจได้คุ้มค่าที่สุด
           

3. วิธีการใช้
Downsell อย่างมีประสิทธิภาพ
               
     สำหรับการใช้ Downsell สามารถแบ่งได้เป็น 2 วิธีด้วยกัน ดังนี้ 1) เสนอขายสินค้าที่แตกต่างกันและมีราคาต่ำกว่าหลังจากลูกค้าปฎิเสธการซื้อสินค้าชิ้นแรก 2) เสนอขายสินค้าเดียวกันในราคาที่ต่ำลงเล็กน้อยพร้อมโบนัสหรือของแถมเล็กๆ น้อยๆ ซึ่งผู้ประกอบการควรทดสอบทั้งสองวิธีเพื่อหาแนวทางที่เหมาะสมกับแบรนด์และธุรกิจต่อไป หรือจะใช้ทั้ง 2 วิธี และประชาสัมพันธ์ผ่านโซเชียลมีเดียเพื่อสร้างการรับรู้ก็ได้เช่นกัน
           

4. อย่ากลัวการขายสินค้าราคาสูง
               
     แม้จะบอกว่าการใช้สินค้าราคาต่ำจะทำให้ลูกค้าตัดสินใจจ่ายเงินได้ง่าย แต่การนำสินค้าราคาสูงระดับ High-End มาทำ Upsell และ Downsell ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เพราะปัจจัยต่างๆ ขึ้นอยู่กับกำลังซื้อของลูกค้า ทักษะในการนำเสนอ ความน่าสนใจของผลิตภัณฑ์หรือบริการ ซึ่งปัจจัยต่างๆ จะเป็นสิ่งที่กำหนดว่าลูกค้าจะซื้อหรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น ธุรกิจให้เช่าชุดแต่งงานแบบหรูหรา Upsell ด้วยการมอบถุงมือสีขาวแบบพิเศษที่มีความสวยงามและผลิตแบบ Hand Made ซึ่งลูกค้าที่มีกำลังซื้อยินดีที่จะจ่ายเงินเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุด
 

     อย่าลืมนำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้เพื่อสร้างรายได้และกำไรให้ธุรกิจอย่างต่อเนื่อง  


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี  

RECCOMMEND: MARKETING

เทรนด์ Emotional Spending โอกาสทองธุรกิจ เมื่อคนลงทุนกับความสุขใจมากขึ้น

เมื่อผู้บริโภคไทยเริ่มให้ความสำคัญกับ ความสุขใจมากกว่าสิ่งจำเป็น การใช้จ่ายเพื่อเติมเต็มชีวิต (Emotional Spending) กำลังกลายเป็น โอกาสทองของธุรกิจ ผู้ประกอบการที่เข้าใจเทรนด์นี้ มีโอกาสสร้างรายได้และความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง

Tiny Tattoo: เทรนด์ใหม่ที่สอนให้แบรนด์หรูคิดต่าง สิ่งเล็กๆ กำลังเปลี่ยนเกมตลาด Luxury

รอยสักขนาดจิ๋ว (tiny tattoo) และเส้นบาง (fine-line tattoo) ไม่ใช่แค่ศิลปะ แต่เป็น “การลงทุนด้านรสนิยม” ที่อยู่กับเจ้าของตลอดชีวิต ส่งผลให้จำนวนผู้ทำงานในธุรกิจร้านสักสหรัฐฯ เพิ่มจาก 150,000 เป็น 180,000 (2020–2024)

นี่ไม่ใช่แท่งสี แต่คือไอเดีย มัทฉะบาร์ พร้อมทาน 6 เฉดสี เจ้าแรกของไทย

ที่เห็นเรียงเป็นแท่งๆ ไล่เฉดเขียวจนถึงน้ำตาลในกล่องนี้ ไม่ใช่พาเลตต์สีน้ำหรือแท่งสีแต่อย่างใด แต่คือ “มัทฉะบาร์”