​เลือก Influencer แบบไหน แบรนด์ถึงจะปัง!





 
     เพราะ Influencer ถือเป็นคีย์แมนสำคัญ หรือเครื่องมือทางการตลาดที่กำลังมาแรง ดังนั้นการจะเลือกใครมาทำหน้าที่นี้ต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย เพราะยุคนี้ต้องบอกเลยว่าแบรนด์ไหนจะปัง หรือจะแป๊ก ต้องอาศัยผู้ทรงอิทธิพลโดยเฉพาะในโลกของออนไลน์เข้ามาช่วย
 

Influencer รายนั้นมีโพสต์ใหม่ๆ บ่อยแค่ไหน

     เพราะคุณต้องร่วมงานกับคนที่เป็นที่นิยมบนโลกออนไลน์ ดังนั้นจึงควรมองหาคนที่มีการโพสต์สิ่งใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ จากผลการวิจัยล่าสุดเผยว่า ความถี่ในการโพสต์ที่เหมาะสมบน พินเทอเรสต์ (Pinterest) ควรเป็น 5 ครั้งต่อวัน ทวิตเตอร์ (Twitter) 3 ครั้งต่อวัน เฟซบุ๊ก (Facebook) 2 ครั้งต่อวัน และ อินสตาแกรม (Instagram) 1 ครั้งหรือมากกว่าต่อวัน

 
ปฏิกิริยาของผู้ติดตาม

     เราจำเป็นต้องมีการเช็ครีแอคชั่นและฟีดแบคของผู้ติดตามเวลาที่ Influencer ทำการโพสต์รูปหรือข้อความต่างๆเพื่อให้เห็นถึงทิศทางและความเป็นจริง ควรเช็คดูว่าแฟนๆของเขาเหล่านั้นมีการแท็กถึงเพื่อนตัวเองไหม ถามถึงสินค้าในรูปที่โพสต์หรือเปล่า ผู้ทรงอิทธิพลที่ดีจะมีการเข้ามาตอบหรือสื่อสารอย่างรวดเร็ว
 




ความเข้มข้นของ engagement rate

     มีความเข้าใจผิดกันบ่อยครั้งว่าคนที่ยอดฟอลโลเวอร์เยอะคนนั้นจะเป็น Influencer ที่ดีและทำให้แบรนด์ประสบความสำเร็จได้ แต่เพราะทุกวันนี้มีสแปมหรือยอดผู้ติดตามตัวปลอมจำนวนมาก แบรนด์ต่างๆจึงควรพิจารณาถึงอัตราการมีส่วนร่วมของการกระทำทุกอย่างหรือที่เรียกว่า engagement rate โดยดูจากทั้งยอดไลค์ แชร์และคอมเมนต์เป็นส่วนประกอบต่อการตัดสินใจเลือก Influencer นั้นๆ
 

ความเหมาะสมต่อตัวแบรนด์ของคุณ

     การเลือกใช้ Influencer ให้ได้ประสิทธิภาพสูงสุดนั้น คนเหล่านั้นต้องมีความเหมาะสมกับแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นด้านภาพลักษณ์หรือไลฟ์สไตล์ เพราะจะช่วยเพิ่มน้ำหนักความน่าเชื่อให้กับตัวสินค้าหรือบริการของคุณได้
 

Influencer รายนั้นเคยโฆษณาให้แบรนด์ใด
   
     การทราบถึงประวัติของ Influencer ว่าเคยทำงานร่วมกับแบรนด์ใดจะทำให้คุณสามารถรู้ทิศทางหรืออิมแพคของเขาเหล่านั้นได้ว่ามีมากน้อยแค่ไหนและตรงกับกลุ่มเป้าหมายของคุณหรือไม่ หากพวกเขาเหล่านั้นได้รับฟีดแบคที่ดีถือเป็นการการันตีขั้นแรกที่จะช่วยส่งเสริมให้แบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จักมากขึ้น
 




www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

 

RECCOMMEND: MARKETING

เทรนด์ Emotional Spending โอกาสทองธุรกิจ เมื่อคนลงทุนกับความสุขใจมากขึ้น

เมื่อผู้บริโภคไทยเริ่มให้ความสำคัญกับ ความสุขใจมากกว่าสิ่งจำเป็น การใช้จ่ายเพื่อเติมเต็มชีวิต (Emotional Spending) กำลังกลายเป็น โอกาสทองของธุรกิจ ผู้ประกอบการที่เข้าใจเทรนด์นี้ มีโอกาสสร้างรายได้และความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง

Tiny Tattoo: เทรนด์ใหม่ที่สอนให้แบรนด์หรูคิดต่าง สิ่งเล็กๆ กำลังเปลี่ยนเกมตลาด Luxury

รอยสักขนาดจิ๋ว (tiny tattoo) และเส้นบาง (fine-line tattoo) ไม่ใช่แค่ศิลปะ แต่เป็น “การลงทุนด้านรสนิยม” ที่อยู่กับเจ้าของตลอดชีวิต ส่งผลให้จำนวนผู้ทำงานในธุรกิจร้านสักสหรัฐฯ เพิ่มจาก 150,000 เป็น 180,000 (2020–2024)

นี่ไม่ใช่แท่งสี แต่คือไอเดีย มัทฉะบาร์ พร้อมทาน 6 เฉดสี เจ้าแรกของไทย

ที่เห็นเรียงเป็นแท่งๆ ไล่เฉดเขียวจนถึงน้ำตาลในกล่องนี้ ไม่ใช่พาเลตต์สีน้ำหรือแท่งสีแต่อย่างใด แต่คือ “มัทฉะบาร์”