​เปลี่ยนง่ายๆ ให้กลายเป็น Eco friendly office





 

     เรากำลังเดินทางมาถึงในยุคที่การคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและการทำธุรกิจจะต้องดำเนินไปคู่กัน ไม่ใช่แค่การทำ ธุรกิจแบบ Eco friendly จะดีต่อสิ่งแวดล้อมเท่านั้นแต่ยังดีต่อตัวคุณเองในแง่ของภาพลักษณ์ ดูเป็นองค์กรที่ดีต่อสังคม  อีกทั้งยังส่งผลทำให้ลูกค้ามีความรู้สึกที่ดีต่อแบรนด์ของคุณอีกต่างหาก แต่การทำธุรกิจแบบ Eco friendly ไม่ใช่แค่การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์หรือการทำ CSR เท่านั้น แต่มันต้องเริ่มต้นตั้งแต่ฐานรากขององค์กร ทั้งวิสัยทัศน์ เป้าหมายไปจนถึง วัฒนธรรมองค์กร เช่น การเปลี่ยนพฤติกรรมของพนักงาน ทำออฟฟิศให้มีความ Eco ดูน่าอยู่ น่าทำงาน เมื่อองค์กรของ คุณมีจุดมุ่งหมายที่ดีแล้ว พนักงานก็จะเข้าใจและพร้อมที่จะปฏิบัติตามอย่างแน่นอน  
 

ลดของเสียจากงานพิมพ์  

     แน่นอนว่าการปริ้นท์งานในแต่ละออฟฟิศเป็นเรื่องที่สำคัญ บางทีต้องพิมพ์เอกสารการประชุมต่างๆ ปริ้นท์งานแล้วผิดพลาด มีจุดที่ต้องแก้ก็ต้องพิมพ์ใหม่ หลายองค์กรก็มีจำนวนของเสียจากงานพิมพ์เยอะเกินไป ใช้กระดาษ A4 กันเป็นว่าเล่น หมึกหมดแล้วหมดอีก ดังนั้นในแต่ละองค์กรอาจจะรณรงค์ให้พนักงานลดจำนวนการพิมพ์งานลง โดยเฉพาะงานที่ยังไม่แน่ใจว่าถูกต้องหรือยัง ปริ้นท์ออกมาเฉพาะงานที่จำเป็นต้องใช้จริงๆ
 

Paperless Office

     นอกจากที่จะลดการพิมพ์งานออกมาจากเครื่องปริ้นท์แล้ว การทำให้ออฟฟิศเป็น Paperless Office ก็เป็นแนวคิดที่น่าสนใจ เนื่องจากตอนนี้ทุกองค์กรก็เริ่มใช้ดิจิตอลเข้ามาทำงานในออฟฟิศ มีไวไฟ มีแท็บเล็ต มีอีเมล์ ดังนั้นการใช้กระดาษแทบจะไม่จำเป็นอีกต่อไปเมื่อเข้าสู่ดิจิตอลแบบนี้ เพราะการส่งงานให้กันก็สามารถส่งผ่านทางอีเมล์ได้ หากว่าจะประชุมงานก็อาจจะแจกข้อมูลการประชุมผ่านทางอีเมล์ไว้ก่อน จากนั้นในการนำเสนอเองก็ใช้การนำเสนอผ่านคอมพิวเตอร์ ทุกอย่างสามารถปรับมาอยู่บนโลกดิจิตอลได้หมดเพื่อลดการใช้กระดาษลง แต่หากว่าจำเป็นต้องใช้จริงๆ ก็อาจจะใช้กระดาษแบบ Reuse ให้คุ้มค่าที่สุด





 สร้างพื้นที่สีเขียวให้น่าทำงาน 

     อีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยลดการใช้พลังงานในออฟฟิศก็คือการสร้างพื้นที่สีเขียวนอกตัวออฟฟิศ จัดพื้นที่ทำงานกลางแจ้งให้พนักงาน เพื่อช่วยลดการใช้พลังงานภายในออฟฟิศลง อีกทั้งพนักงานยังสามารถยกแท็บเล็ตไปนั่งทำงานในสวนได้ รับลม รับแสงแดด ยิ่งในช่วงเช้าก่อนถึงเที่ยงเป็นช่วงที่แดดยังไม่ร้อนจัด การได้ออกไปนั่งทำงานในสวน ผ่อนคลายแบบนี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้


เปลี่ยนมาใช้ปากกาแบบ Reusable  

     รู้ไหมว่าแค่ในสหรัฐอเมริกา มีปากกาที่ถูกทิ้งถึง 4 ล้านแท่งต่อวัน ทั้งใช้แล้วทิ้ง หมึกหมดบ้าง ทำหายบ้าง ปากกาแจก ฟรีบ้าง แล้วถ้านับรวมทั้งโลกล่ะจะมากมายมหาศาลแค่ไหน! ลองมาประหยัดการใช้ปากกาลงด้วยการให้พนักงานของคุณใช้ปากกาแบบ Reusable เต็มหมึกได้ดูสิ โดยปากกาพวกนี้อาจจะราคาแพงสักหน่อย แต่รับรองว่าเมื่อปากกามีมูลค่า พนักงานของคุณจะต้องดูแลมันดีกว่าปากกาที่ได้ฟรีแน่นอน





มีฟรีเดย์ 1 วัน ทำงานที่ไหนก็ได้

     ไม่จำเป็นว่าพนักงานจะต้องเข้าออฟฟิศทุกวันถึงจะได้งาน ในต่างประเทศเริ่มใช้วิธีการทำงานที่ยืดหยุ่น ให้พนักงานสามารถทำงานที่ไหนก็ได้ วัดผลกันที่ปลายทาง อาจจะเข้าประชุมบ้างอาทิตย์ละ 1-2 วัน แต่สำหรับในประเทศไทย อาจจะเริ่มต้นแค่ 1 วันที่เป็นฟรีเดย์ ให้พนักงานสามารถทำงานจากที่บ้าน จากร้านกาแฟ จากต่างจังหวัดแล้วส่งงานผ่านทางออนไลน์ ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีช่วยลดการใช้พลังงานในออฟฟิศแถมยังได้ใจพนักงานไปเต็มๆ
 

ลดการใช้แล้วทิ้ง

     อันนี้อาจจะดูเป็นเรื่องส่วนตัวสักเล็กน้อย แต่ถ้าเริ่มเปลี่ยนได้รับรองว่าลดการใช้ถุงพลาสติก ขยะน้อยลงแน่นอน นั่นคือการที่ออฟฟิศเริ่มรณรงค์การใช้พวกสิ่งของใช้แล้วทิ้ง ลดการสร้างขยะ เช่น การสนับสนุนให้พนักงานมีแก้วน้ำพกพาของตัวเอง ไม่ว่าจะแวะซื้อกาแฟตอนเช้าก่อนเข้าออฟฟิศ หรือน้ำหวานช่วงกลางวันก็ให้ใช้แก้วใบเดิมใบใส่ ยิ่งถ้าใช้หลอดสแตนเลสได้ด้วยยิ่งดี ลองคำนวณดูคร่าวๆ ถ้าคุณซื้อกาแฟทุกวันเป็นเวลา 3 ปี คุณจะสร้างขยะถึง 1,095 ชิ้น แต่ถ้าเปลี่ยนมาใช้แก้วพกพา คุณก็จะลดการสร้างขยะได้ถึง 1,095 ชิ้นเลยทีเดียว
 

     ยังมีอีกหลากหลายวิธีที่องค์กรของคุณสามารถทำได้ เพียงแค่เริ่มเปลี่ยนวันละเล็กวันละน้อย ออฟฟิศของคุณก็จะกลายเป็น Eco friendly office ในที่สุด


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

เทรนด์ Emotional Spending โอกาสทองธุรกิจ เมื่อคนลงทุนกับความสุขใจมากขึ้น

เมื่อผู้บริโภคไทยเริ่มให้ความสำคัญกับ ความสุขใจมากกว่าสิ่งจำเป็น การใช้จ่ายเพื่อเติมเต็มชีวิต (Emotional Spending) กำลังกลายเป็น โอกาสทองของธุรกิจ ผู้ประกอบการที่เข้าใจเทรนด์นี้ มีโอกาสสร้างรายได้และความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง

Tiny Tattoo: เทรนด์ใหม่ที่สอนให้แบรนด์หรูคิดต่าง สิ่งเล็กๆ กำลังเปลี่ยนเกมตลาด Luxury

รอยสักขนาดจิ๋ว (tiny tattoo) และเส้นบาง (fine-line tattoo) ไม่ใช่แค่ศิลปะ แต่เป็น “การลงทุนด้านรสนิยม” ที่อยู่กับเจ้าของตลอดชีวิต ส่งผลให้จำนวนผู้ทำงานในธุรกิจร้านสักสหรัฐฯ เพิ่มจาก 150,000 เป็น 180,000 (2020–2024)

นี่ไม่ใช่แท่งสี แต่คือไอเดีย มัทฉะบาร์ พร้อมทาน 6 เฉดสี เจ้าแรกของไทย

ที่เห็นเรียงเป็นแท่งๆ ไล่เฉดเขียวจนถึงน้ำตาลในกล่องนี้ ไม่ใช่พาเลตต์สีน้ำหรือแท่งสีแต่อย่างใด แต่คือ “มัทฉะบาร์”