​4 ทริคดันFacebook Fanpageให้ดัง



แปลและเรียบเรียง : เมธาวี ทัศนาเสถียรกิจ

        สภาวะFacebookลดยอดOrganic Reach การทำตลาดผ่านFacebookต้องวางกลยุทธ์ให้ยืดหยุ่นและพลิกแพลงได้ง่ายเพื่อตอบรับการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมของคนและตอบรับการเปลี่ยนแปลงของFacebookได้ทันท่วงที


        1.ตั้งเป้าหมายชัดเจน ระบุชัดเจนว่าหน้าpageตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์อะไร เพื่อขายสินค้าหรือบริการอะไร คนยุคใหม่ชอบอะไรชัดเจนไม่ต้องคิดนาน เมื่อตั้งเป้าหมายชัดเจนเนื้อหาในpageต้องสอดคล้องกับเป้าหมาย เนื้อหาอาจเป็นการบอกเล่าข่าวสาร การให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์หรือการนำเสนอสินค้าใหม่ ทุกเนื้อหาต้องกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อ่านเกิดอาการงง
 

        2.โพสถูกเวลา เนื้อหาดีแต่โพสผิดเวลามีค่าเท่ากับศูนย์เพราะแทบไม่มีคนเห็น การโพสเนื้อหาพยายามโพสในเวลาที่คนเข้าดูเป็นจำนวนมากเช่นช่วงก่อนเวลาทำงาน ช่วงหลังเลิกงาน หรือช่วงเวลากลางคืน ลองทดสอบโพสหลายๆเวลาและหาเวลาที่เหมาะสมกับpageของเรามากที่สุด
 

        3.ทดลองโพสเนื้อหาหลากหลาย ในช่วงแรกลองทดลองโพสเนื้อหาหลายๆรูปแบบและสังเกตว่ารูปแบบไหนเหมาะกับกลุ่มเป้าหมายของเรามากที่สุด ลองใช้รูปที่แตกต่าง ลองโพสคลิป โพสอินโฟกราฟฟิค ลองเล่าเรื่องหลากหลายสไตล และค่อยๆตัดสิ่งที่ไม่ได้ผลทิ้งจนเหลือรูปแบบที่ดีที่สุด
 

        4.กระตุ้นการแชร์ ยิ่งมีคนแชร์โพสของเรามากยิ่งเปิดโอกาสให้คนเห็นโพสของเรามากขึ้น แต่การแชร์จะเกิดขึ้นได้ต่อเมื่อเนื้อหาของเรามีคุณภาพ เขียนได้ถูกใจ จากสถิติคนส่วนมากจะแชร์ในสิ่งที่ตัวเองสนใจ สิ่งที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อตัวเองและสิ่งที่แชร์แล้วทำให้ตัวเองดูดี

        แม้ยอด Organic Reach ของFacebookจะลดลงแต่หากนักการตลาดตั้งใจสร้างเนื้อหาให้มีความแตกต่างและน่าสนใจพอเชื่อว่าจะดัน Facebook Fanpage ให้เป็นที่รู้จักได้ไม่ยาก

 ที่มา : http://www.creativeguerrillamarketing.com/

RECCOMMEND: MARKETING

เทรนด์ Emotional Spending โอกาสทองธุรกิจ เมื่อคนลงทุนกับความสุขใจมากขึ้น

เมื่อผู้บริโภคไทยเริ่มให้ความสำคัญกับ ความสุขใจมากกว่าสิ่งจำเป็น การใช้จ่ายเพื่อเติมเต็มชีวิต (Emotional Spending) กำลังกลายเป็น โอกาสทองของธุรกิจ ผู้ประกอบการที่เข้าใจเทรนด์นี้ มีโอกาสสร้างรายได้และความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง

Tiny Tattoo: เทรนด์ใหม่ที่สอนให้แบรนด์หรูคิดต่าง สิ่งเล็กๆ กำลังเปลี่ยนเกมตลาด Luxury

รอยสักขนาดจิ๋ว (tiny tattoo) และเส้นบาง (fine-line tattoo) ไม่ใช่แค่ศิลปะ แต่เป็น “การลงทุนด้านรสนิยม” ที่อยู่กับเจ้าของตลอดชีวิต ส่งผลให้จำนวนผู้ทำงานในธุรกิจร้านสักสหรัฐฯ เพิ่มจาก 150,000 เป็น 180,000 (2020–2024)

นี่ไม่ใช่แท่งสี แต่คือไอเดีย มัทฉะบาร์ พร้อมทาน 6 เฉดสี เจ้าแรกของไทย

ที่เห็นเรียงเป็นแท่งๆ ไล่เฉดเขียวจนถึงน้ำตาลในกล่องนี้ ไม่ใช่พาเลตต์สีน้ำหรือแท่งสีแต่อย่างใด แต่คือ “มัทฉะบาร์”