​กรีซป่วนค่าเงินยูโรส่งออกไทยต้องเร่งหาทางรับมือ

 


    ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics พบความผันผวนของค่าเงินยูโรพุ่ง หลังกรีซประกาศยกเลิกนโยบายรัดเข็มขัด สร้างความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงินของยุโรป ซ้ำเติมเงินยูโรอ่อนค่า หลังธนาคารกลางยุโรป หรือ อีซีบีประกาศใช้มาตรการคิวอีก่อนหน้านี้ แนะผู้ส่งออกไปยุโรปบริหารจัดการความเสี่ยงค่าเงิน

    หลังจากพรรคซีริซา ซึ่งนำโดยนายอเล็กซิส ซีปราส ชนะการเลือกตั้งในกรีซเมื่อวันที่ 25 มกราคม ที่ผ่านมา ความกังวลว่ากรีซอาจต้องหลุดออกจากยูโรโซนก็โหมกระหน่ำขึ้นมาอีกครั้ง เนื่องจากนโยบายหลักที่พรรคของนายซีปราสใช้หาเสียงคือการยกเลิกมาตรการรัดเข็มขัด ซึ่งถึงแม้จะได้รับความนิยมอย่างถล่มทลายจากประชาชนชาวกรีก แต่เป็นนโยบายที่ผิดเงื่อนไขสำคัญที่เจ้าหนี้ของกรีซตั้งไว้ในปี 2553 เพื่อแลกกับการยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือไม่ให้ประเทศล้มละลายในตอนนั้น 

    ในปัจจุบันรัฐบาลกรีกก็ยังคงเป็นหนี้กว่า 3.16 แสนล้านยูโร (11.7 ล้านล้านบาท) คิดเป็นกว่าร้อยละ 170 ของจีดีพี โดยเจ้าหนี้รายใหญ่คือ European Financial Stability Facility (EFSF) ซึ่งก่อตั้งโดยบรรดาประเทศสมาชิกของยูโรโซน และบรรดาเจ้าหนี้ โดยเฉพาะเยอรมนี ก็ส่งสัญญาณชัดเจนว่ากรีซจะต้องดำเนินตามมาตรการรัดเข็มขัดต่อไป มิเช่นนั้นจะยุติการให้ความช่วยเหลือทางด้านสภาพคล่อง อันจะส่งผลให้กรีซล้มละลายในที่สุด 

    นี่จึงเป็นเกมระหว่างยุโรปและกรีซ ที่ต่างฝ่ายต่างก็ต้องพยายามต่อรองให้ผลลัพธ์เป็นไปตามข้อเรียกร้องของตนที่สุด หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งยอมอ่อนข้อ อีกฝ่ายก็พร้อมที่จะตักตวงตามที่ตัวเองต้องการในทันที ทั้งสองฝ่ายจึงต่างออกมาแสดงจุดยืนของตัวเองอย่างแข็งกร้าวในช่วงที่ผ่านมา 

    แต่ท้ายที่สุด ศูนย์วิเคราะห์ฯ คาดว่ากรีซและกลุ่มเจ้าหนี้จะสามารถประนีประนอม เนื่องจากหากต่างฝ่ายต่างดึงดันตามที่ตัวเองต้องการจนกรีซล้มละลาย ยูโรโซนจะมีแต่เสียกับเสีย ทั้งประเทศเจ้าหนี้และกรีซเองก็จะเจ็บตัวไปตามๆ กัน อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ของการต่อรองสามารถเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว วันนี้ทั้งสองฝ่ายอาจส่งสัญญาณพร้อมเจรจาหาทางออกร่วมกัน วันรุ่งขึ้น ความขัดแย้งอาจปะทุขึ้นมาอีกก็เป็นไปได้ 

    ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ในยุโรปจึงเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด และจะถูกสะท้อนออกมาผ่านความผันผวนของค่าเงินยูโร เมื่อสถานการณ์พัฒนาไปในทางบวก ยูโรก็มักจะแข็งค่าขึ้น ในทางตรงกันข้าม ถ้าข่าวที่ออกมาสื่อภาพเชิงลบ เช่น การแยกตัวของกรีซจากกลุ่มยูโรโซน ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพทางการเงินในกลุ่มมาก ก็จะทำให้เงินยูโรกลับไปมีแนวโน้มอ่อนค่าอีกครั้ง การเปลี่ยนแปลงของค่าเงินกลับไปกลับมานี้เองที่เราเรียกว่า “ความผันผวนของค่าเงิน”

    เมื่อเราศึกษาข้อมูลในอดีตจะพบว่า ในช่วงวิกฤตหนี้ยุโรปในช่วงปี 2554 ค่าเงินยูโรเมื่อเทียบกับเงินบาท มีความผันผวนเฉลี่ยร้อยละ 2.75 ต่อเดือน ซึ่งใกล้เคียงกับค่าความผันผวนของค่าเงินยูโรในปัจจุบัน หมายความว่า ค่าเงินยูโรที่ระดับประมาณ 37 บาทต่อหนึ่งยูโรในขณะนี้ (กุมภาพันธ์) น่าจะเคลื่อนไหวในกรอบ 36-38 บาทในช่วงเดือนมีนาคม

    อย่างไรก็ตาม ในระยะถัดไป ศูนย์วิเคราะห์ฯ ประเมินว่า ค่าเงินยูโรมีความเสี่ยงทางด้านอ่อนค่า มากกว่าแข็งค่า แน่นอนว่าสถานการณ์ของกรีซเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจทำให้เงินยูโรอ่อนค่าเป็นระยะๆ แต่ที่สำคัญกว่า คือการอัดฉีดสภาพคล่อง หรือ QE ของธนาคารกลางยุโรป ที่จะทำให้ค่าเงินยูโรมีทิศทางอ่อนค่าอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถ้าค่าความผันผวนยังคงยืนอยู่ในระดับปัจจุบัน จากความไม่แน่นอนของสถานการณ์ในยุโรป เราอาจจะได้เห็นค่าเงินยูโรแตะระดับ 35 บาทต่อยูโร ในช่วงกลางปีก็เป็นได้

    ผลกระทบโดยตรงจะเกิดกับผู้ส่งออกไปยุโรป เพราะเงินยูโรที่ได้รับจะแลกเป็นเงินบาทได้น้อยลง ทำรายได้หดหาย ผู้ส่งออกจึงควรบริหารความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน เช่น อาจลดธุรกรรมในรูปยูโรลงบ้าง พยายามเพิ่มธุรกรรมในเงินสกุลอื่นกับคู่ค้า หรือทำสัญญาขายยูโรล่วงหน้า (Forward contract) เอาไว้แต่เนิ่นๆ เพื่อลดผลกระทบด้านลบจากความผันผวนของค่าเงินดังกล่าว

RECCOMMEND: MARKETING

เจาะตลาด Kidult ผู้ใหญ่หัวใจยังเด็ก ลูกค้ากลุ่มเด็ดที่ SME ไม่ควรพลาด!

“ถึงตัวจะเป็นผู้ใหญ่ แต่หัวใจยังมีความเป็นเด็ก” เขาก็คือชาว Kidult หรือผู้ใหญ่ที่ชื่นชอบสิ่งที่พาให้นึกถึงความเป็นเด็ก ซึ่งเป็นกลุ่มที่กำลังมาแรงและเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญให้กับวงการของเล่นระดับโลก น่าสนใจขนาดนี้ ต้องลองไปทำความรู้จักกัน

จากร้านธรรมดาสู่แบรนด์ขวัญใจลูกค้า บทเรียนจากผู้ประกอบการที่พลิกเกมด้วย CRM

พบกับ 3 เรื่องราวจากร้านที่เริ่มต้นจากร้านธรรมดา แต่เติบโตเป็นแบรนด์ที่ลูกค้า “เลือกกลับมา” ด้วยพลังของ CRM

เจาะพฤติกรรม Gen Z 2025 ว่าที่ผู้กุมอำนาจซื้อในอนาคต

Gen Z กว่า 11.6 ล้านคนในไทย กำลังกลายเป็น ‘ผู้กุมอำนาจซื้อ’ รุ่นต่อไป ดังนั้น ธุรกิจและแบรนด์ต่าง ๆ จำเป็นต้องเข้าใจพฤติกรรม ความคิด และแรงผลักดันของพวกเขา เพื่อไม่ให้พลาดโอกาสทางตลาดจากผู้กุมกระเป๋าสตางค์ในอนาคตอันใกล้นี้