ในวันที่หลายธุรกิจยังต้องตั้งรับกับแรงกดดันจากเศรษฐกิจผันผวน หนึ่งในไม่กี่อุตสาหกรรมที่กลับเดินหน้าทะยานสวนกระแสได้อย่างมั่นคง คือ “ธุรกิจกาแฟ” ซึ่งไม่ใช่แค่สินค้าสำหรับเริ่มเช้าวันใหม่อีกต่อไป แต่คือ “ไลฟ์สไตล์” และ “โอกาสทางธุรกิจ” ที่กำลังเปิดกว้างให้กับนักลงทุนรุ่นใหม่
อรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยว่าจากการวิเคราะห์ธุรกิจดาวเด่นประจำเดือนมิถุนายน 2568 พบว่า “ธุรกิจกาแฟไทย” ยังคงขยายตัวต่อเนื่อง คนไทยมีการบริโภคกาแฟเฉลี่ยสูงถึง 340 แก้วต่อคนต่อปี เพิ่มขึ้นจากระดับ 180 แก้วเมื่อไม่กี่ปีก่อน และแนวโน้มนี้ยังคงพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มูลค่าตลาดกาแฟภายในประเทศแตะระดับ 65,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 8.33% ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่สะท้อนความนิยมของกาแฟในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นกาแฟแก้วละ 30 บาทริมทาง ไปจนถึงกาแฟพิเศษ (Specialty) ราคาเกินร้อยในคาเฟ่ดีไซน์จัดเต็ม
ตลาดกาแฟไทยยังแรงไม่หยุด
นอกจากพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปสู่การดื่มกาแฟสดมากขึ้นแล้ว ผู้บริโภคยังหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องคุณภาพและประสบการณ์มากขึ้นด้วย กาแฟในปัจจุบันไม่ใช่แค่เรื่องของรสชาติ แต่รวมถึงที่มาของเมล็ด วิธีการชง และบรรยากาศของร้าน ทำให้ตลาดกาแฟพิเศษในไทยเริ่มมีบทบาทเด่นขึ้นในช่วงหลัง โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่และสาย “กาแฟจริงจัง”
ขณะที่ทั่วโลกก็กำลังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมกาแฟอย่างรวดเร็ว มูลค่าตลาดกาแฟโลกในปี 2567 อยู่ที่ประมาณ 269,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะพุ่งถึง 369,000 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2573 ประเทศไทยจึงมีโอกาสสูงในการเป็นหนึ่งในศูนย์กลางกาแฟคุณภาพของภูมิภาค หากสามารถรักษามาตรฐานและต่อยอดอุตสาหกรรมนี้ได้อย่างมีระบบ
ธุรกิจใหม่ทะลัก เปิดร้านกาแฟพุ่ง 8.92%
ท่ามกลางกระแสความนิยมนี้ การจัดตั้งธุรกิจใหม่ในกลุ่มกาแฟก็เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2568 มีธุรกิจใหม่จดทะเบียนในกลุ่มนี้ถึง 415 ราย เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 8.92% โดยทั้งหมดอยู่ในกลุ่มธุรกิจขนาดเล็ก (S) และเกินหนึ่งในสามตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ ซึ่งสะท้อนว่าความต้องการในตลาดยังมีพลังขับเคลื่อนสูง ทั้งในแง่ผู้บริโภคและผู้ประกอบการ
ภาพรวมของธุรกิจกาแฟในประเทศไทยปัจจุบัน มีนิติบุคคลในระบบรวมกว่า 6,361 ราย แบ่งเป็นกลุ่มผู้ผลิต (811 ราย) และกลุ่มขายส่ง/ขายปลีก (5,550 ราย) โดยรวมทุนจดทะเบียนทั้งหมดอยู่ที่กว่า 39,000 ล้านบาท ทั้งนี้ กว่า 78% ของผู้ประกอบการในกลุ่มนี้เป็นบริษัทจำกัด รองลงมาคือห้างหุ้นส่วน และมีบริษัทมหาชนจำนวนน้อยมาก ซึ่งชี้ให้เห็นว่า ธุรกิจนี้ยังเปิดกว้างสำหรับผู้เล่นรายย่อยและ SMEs อย่างแท้จริง
เทรนด์ผู้บริโภค-เทคโนโลยีหนุนตลาด
นอกเหนือจากรสนิยมที่เปลี่ยนแปลงแล้ว ปัจจัยสำคัญที่ทำให้ธุรกิจกาแฟเติบโตต่อได้คือ “พฤติกรรมผู้บริโภค” ที่ปรับไปในทิศทางของความสะดวกและการใช้เทคโนโลยี
ข้อมูลจากกรมฯ ชี้ว่า ปัจจุบันรายได้ของร้านกาแฟมาจาก เดลิเวอรีมากถึง 22% และมีการใช้ e-Payment มากกว่า 50% แสดงให้เห็นว่าร้านกาแฟยุคใหม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มดิจิทัลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะลูกค้าไม่ได้เดินเข้าร้านแบบเดิมอีกต่อไป แต่เข้าผ่านแอป และตัดสินใจซื้อด้วยความสะดวกเป็นหลัก
ด้วยองค์ประกอบทั้งหมดนี้ อุตสาหกรรมกาแฟในไทยจึงยังมีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยเฉพาะหากสามารถยกระดับคุณภาพเมล็ด การแปรรูป และโมเดลธุรกิจในทุกมิติให้ตอบโจทย์ความต้องการของทั้งผู้บริโภคและผู้ลงทุนในอนาคต
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี