อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ เตรียมจัดงาน ‘Vitafoods Asia 2025’ ร่วมเป็นกลไกผลักธุรกิจเสริมอาหารไทยเติบโตปีละ 5.1%

     “อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์” เตรียมจัดงาน ‘Vitafoods Asia 2025’ ดันธุรกิจเสริมอาหารช่วยผู้ประกอบการไทยไปเวทีโลก ข้อมูลงานวิจัย Market Minds Advisory ชี้ตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเอเชียแปซิฟิกพุ่งแรง แตะ 1.76 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2577 ท่ามกลางกระแสรักสุขภาพ ความตระหนักรู้ด้านสุขภาพและความนิยมในโภชนาการเชิงป้องกัน ดันตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในเอเชียแปซิฟิกเติบโตต่อเนื่อง ขณะที่ทีมวิจัย Grand View Research เผยข้อมูลตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารประเทศไทยจะเติบโตด้วยอัตราเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) ที่ 5.1% ตั้งแต่ปี 2568-2573  ชวนผู้สนใจร่วมชมงาน ‘Vitafoods Asia 2025’ จัดระหว่างวันที่ 17 – 19 กันยายน 2568 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC)

     รุ้งเพชร ชิตานุวัตร์ ผู้อำนวยการกลุ่มโครงการ – ภูมิภาคอาเซียน อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ เปิดเผยว่า
อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ในฐานะผู้จัดงาน “ไวต้าฟู้ดส์ เอเชีย 2025” (Vitafoods Asia 2025) งานแสดงสินค้าเทคโนโลยีและนวัตกรรมสารสกัดและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารอันดับหนึ่งในภูมิภาคเอเชีย เปิดเผยว่า ตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ด้วยแรงผลักดันจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพและการป้องกันโรคมากขึ้น โดยเฉพาะโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) ที่มาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันที่ไม่เหมาะสมจนทำให้เกิดโรค เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ และโรคอ้วน จากข้อมูลบริษัทวิจัยเอกชน Market Minds Advisory คาดว่าตลาดเสริมอาหารในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีมูลค่าราว 9.15 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2567 และคาดว่าจะพุ่งสูงถึง 1.76 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2577 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) ที่ 8% ขณะที่ตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในประเทศไทยเอง ก็มีทิศทางการเติบโตที่สอดรับกัน โดยปี 2567 สร้างรายได้กว่า 133.6 แสนล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 179.9 แสนล้านบาท ภายในปี 2573 ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) ที่ 5.1% ตั้งแต่ปี 2568 ถึง 2573 (ข้อมูลจาก Grand View Research)

     ทั้งนี้มองปัจจัยส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมเสริมอาหารมาจาก ความตระหนักรู้ด้านสุขภาพที่เพิ่มขึ้น ผู้บริโภคหันมาให้ความสำคัญกับการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ควบคุมน้ำหนัก และดูแลสุขภาพองค์รวม ขณะเดียวกันภาครัฐและองค์กรต่าง ๆ ก็เร่งรณรงค์ให้ความรู้เรื่องโภชนาการที่สมดุล การเติบโตของเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ความนิยมในเครื่องดื่มประเภทพกพา เช่น โปรตีนเชค เครื่องดื่มโปรไบโอติก ฯลฯ กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มผู้บริโภครุ่นใหม่ นวัตกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ที่ผู้ผลิตเดินหน้าใช้เทคโนโลยีคิดค้นสูตรใหม่ที่ตอบโจทย์สุขภาพเฉพาะด้าน เช่น การชะลอวัย สุขภาพลำไส้ และการควบคุมน้ำหนัก พร้อมใช้ส่วนผสมจากธรรมชาติ เช่น ขมิ้น ชาเขียว พืชสมุนไพรต่าง ๆ เพื่อเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพเชิงองค์รวม

     นอกจากนั้น การเติบโตของช่องทางออนไลน์ อีคอมเมิร์ซกลายเป็นช่องทางหลักที่ช่วยขยายการเข้าถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร โดยเฉพาะการนำเสนอโปรโมชั่นและคำแนะนำเฉพาะบุคคล ช่วยกระตุ้นการซื้อซ้ำและเพิ่มยอดขายอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้ผู้ประกอบการรายใหม่ เข้ามาในตลาดค้าขายออนไลน์ หรือ อีคอมเมิร์ชมากขึ้น

     “การเติบโตอย่างต่อเนื่องของตลาดผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยเฉพาะประเทศไทยซึ่งมีแนวโน้มการบริโภคที่ให้ความสำคัญกับสุขภาพมากขึ้น การเติบโตของตลาดนี้สะท้อนถึงการเปลี่ยนผ่านสู่การดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน และความต้องการผลิตภัณฑ์ที่มีประโยชน์เชิงหน้าที่ โดยครอบคลุมทั้งอาหารเสริมและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพซึ่งตอบโจทย์การใช้ชีวิตสมัยใหม่ ส่งผลให้ภาคธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับอาหารสุขภาพ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเทคโนโลยีโภชนาการ มีโอกาสขยายตัวอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต” นางสาวรุ้งเพชร กล่าว

     การจัดงาน ‘Vitafoods Asia 2025’ ในปีนี้จึงถือเป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้ประกอบการไทย รวมถึงทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในอุตสาหกรรมที่จะช่วยกันยกระดับ เพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันให้เพิ่มมากขึ้น หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของงานในปีนี้ ยังมีพื้นที่จัดแสดงพิเศษ New Ingredients & New Products Zone นำเสนอผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ส่วนผสม และนวัตกรรมสุขภาพ ที่เพิ่งเปิดตัวจากทั่วทุกมุมโลก เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคยุคใหม่ ดังนั้น งานนี้จะเป็นเวทีสำคัญที่เชื่อมโยงทุกภาคส่วนของห่วงโซ่อุตสาหกรรมเสริมอาหาร ตั้งแต่วัตถุดิบส่วนผสม การพัฒนา ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปพร้อมจำหน่าย การบรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงผู้รับจ้างผลิต (OEM/ ODM) ที่มาจากกว่า 650 แบรนด์ โดยคาดว่าจะมีผู้เข้ามาร่วมงานมากกว่า 13,000 ราย จาก 38 ประเทศ ทั่วโลก

     ด้าน ศาสตราจารย์ (วิจัย) ดร. ชุติมา เอี่ยมโชติชวลิต ประธานกรรมการหน่วยบริหารและจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) และสำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (องค์การมหาชน) ให้มุมมองว่า การเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์เสริมอาหารด้วยงานวิจัยวัตถุดิบของไทยมีความสำคัญอย่างยิ่ง และถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศที่ยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ ซึ่ง บพข. มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนและผลักดันให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและยั่งยืน ผ่านการสนับสนุนงานวิจัยและพัฒนาด้าน Functional Ingredients และ Functional Foods เพื่อเป้าหมายสำคัญในการสร้างระบบนิเวศน์ที่แข็งแกร่ง ตั้งแต่ต้นน้ำจนถึงปลายน้ำ นอกจากนี้ บพข. ยังมีบทบาทในการผลักดันการขึ้นทะเบียนจัดทำรายชื่อสารสำคัญ (Positive List) สารประกอบฟังก์ชัน สารสกัดจากธรรมชาติ หรือ สมุนไพร การกล่าวอ้างทางสุขภาพให้เป็นตามมาตรฐานสากล ฯลฯ ซึ่งถือเป็นกลไกลสำคัญที่ยกระดับอาหารและสมุนไพรไทยให้ได้มาตรฐานและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ โดยงาน ไวต้าฟู้ดส์ เอเชีย 2025” เป็นอีกหนึ่งเวทีสำคัญที่เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทยได้ยกระดับองค์ความรู้และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันด้วย

     นอกจากนี้ การขึ้นทะเบียนกระบวนการจัดทำรายชื่อสารสำคัญ (Positive List) เป็นกลไกสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมอาหารเสริมและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ โดยช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ มูลค่า และขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการ พร้อมทั้งส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่มีคุณภาพและปลอดภัย และเป็นเครื่องมือสำคัญในการกำกับดูแลผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและปลอดภัย

     นาคาญ์ ทวิชาวัฒน์ ประธานกิตติมศักดิ์กลุ่มอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวเสริมว่า อุตสาหกรรมเพื่อสุขภาพและธุรกิจเสริมอาหารในประเทศไทยกำลังอยู่ในช่วงการเติบโตที่แข็งแกร่ง ด้วยแรงขับเคลื่อนจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่ใส่ใจสุขภาพมากขึ้น เทรนด์สินค้าที่หลากหลาย และการสนับสนุนจากหน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งงาน ไวต้าฟู้ดส์ เอเชีย 2025” ถือเป็นฟันเฟืองสำคัญและมุ่งมั่นในการยกระดับมาตรฐานและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยที่เสริมทัพ ส.อ.ท. ที่มีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนในการ “ส่งเสริมการพัฒนาอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารให้มีคุณภาพ มาตรฐาน และสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้บริโภค”

     ดร. พัชร์ เอกปัญญาสกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท นิวทรีชั่น เอสซี จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความสำคัญในการทำการตลาดและการสร้างแบรนด์ผ่านงาน ไวต้าฟู้ดส์ เอเชีย 2025” ว่าเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังสำหรับบริษัทฯ ในการเข้าถึงลูกค้าเป้าหมาย สร้างความน่าเชื่อถือ ขยายเครือข่ายธุรกิจ และขับเคลื่อนยอดขายทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของบริษัทที่ต้องการเป็นผู้นำและสร้างคุณค่าให้กับอุตสาหกรรมสุขภาพและโภชนาการ

     ขณะที่ Ms. Jeannie Kwa Senior HCP Marketing Manager, APAC, Representative from Kaneka Corporation กล่าวว่า อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่เน้นด้านการชะลอวัย (Healthy Ageing) และการยืดอายุขัย (Longevity) กำลังเติบโตอย่างก้าวกระโดด ผู้บริโภคมีความสนใจในการดูแลสุขภาพเชิงรุกและป้องกันความเสื่อมของร่างกายก่อนวัยอันควรมากขึ้น ทำให้เกิดการค้นคว้าวิจัยและพัฒนาส่วนผสมใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยส่วนผสมสำคัญที่กำลังมาแรงและเป็นที่จับตามอง อาทิ สารเพิ่มระดับ NAD+, สารกลุ่ม Senolytics, สารต้านอนุมูลอิสระประสิทธิภาพสูง (Potent Antioxidants), วิตามินและแร่ธาตุสำคัญ เช่น วิตามินดี แมกนีเซียม โอเมก้า 3 ฯลฯ รวมถึง คอลลาเจน เป็นต้น

     ทั้งนี้ ภายใน Vitafoods Asia 2025 ยังมีสัมมนาจากผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมที่จะเจาะลึกประเด็นสำคัญต่าง ๆ กว่า 50 หัวข้อ ไม่ว่าจะเป็น โภชนาการเฉพาะบุคคล (Personalized Nutrition) ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ไมโครไบโอม เทรนด์ส่วนผสมและสารสกัดเพื่อเสริมด้าน Healthy aging ไปจนถึงอัปเดตกฎระเบียบการจดทะเบียนผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่าง ๆ ให้ผู้ร่วมชมงานพร้อมก้าวนำในตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

     ดังนั้น ไม่ว่าผู้ประกอบการหน้าใหม่ ผู้สนใจเริ่มต้นแบรนด์สุขภาพของตัวเอง หรือ ตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์สุขภาพ งานนี้คือโอกาสสำคัญในการเข้าถึงโซลูชันล้ำสมัยจากซัพพลายเออร์ทั่วโลก พร้อมรับมุมมองและข้อมูลเชิงลึกที่จะช่วยขับเคลื่อนธุรกิจ ภายในงาน Vitafoods Asia 2025 จัดโดย อินฟอร์มา มาร์เก็ตส์ ระหว่างวันที่ 17 – 19 กันยายน 2568 ณ ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ (QSNCC)

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

NEWS & TRENDS