มงคล ลีลาธรรม ประกาศอำลาตำแหน่งเอ็มดี SME D BANK ย้ำส่งไม้ต่อยึดบทบาทสถาบันการเงินเพื่อคนตัวเล็ก

นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ประกาศอำลาพ้นจากตำแหน่ง เน้นย้ำยึดบทบาทสถาบันการเงินเพื่อคนตัวเล็ก พาผู้ประกอบการไทยก้าวสู่ความสำเร็จ ทุกท้องถิ่น ทุกพื้นที่ ทุกเวลา



 
     นายมงคล ลีลาธรรม กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank ประกาศอำลาพ้นจากตำแหน่ง เนื่องด้วยวาระเกษียณอายุราชการ โดยได้กล่าวสรุปถึงผลการดำเนินงานในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ ซึ่งจะครบวาระในวันที่ 8 มีนาคม 2562 นี้ “ในงาน “เรื่องเล่าจากใจ ก้าวต่อไปของ SME D BANK” ว่าสถานการณ์ก่อนที่จะเข้ารับตำแหน่งนั้นธนาคารมีหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ 3.7 หมื่นล้านบาท หรือประมาณ 40% ในช่วงกลางปี 2557 โดยหลังจากนั้นได้เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ เพื่อปรับปรุงระบบการทำงานต่างๆ ที่เคยเป็นปัญหา และสร้างให้เกิดความยั่งยืนขึ้นในอนาคต จึงส่งผลให้ผลการดำเนินงานดีขึ้นโดยลำดับ จนกระทั่งวันที่ 19 มกราคม 2561 คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือซูเปอร์บอร์ด มีมติให้ ธพว. เป็นหน่วยงานแรกออกจากแผนฟื้นฟูสำเร็จ


     โดยผลจากการปรับปรุงการทำงานดังกล่าว ทำให้ตั้งแต่ต้นปี 2558 ถึงมกราคม 2562 ที่ผ่านมา ธนาคารสามารถอำนวยสินเชื่อเบิกจ่ายให้ผู้ประกอบการได้กว่า 5.2 หมื่นราย วงเงินกว่า 1.44 แสนล้านบาท รักษาการจ้างงานได้กว่า 5.2 แสนคน สร้างผู้ประกอบการใหม่มากกว่า 1 พันราย ก่อให้เกิดเงินทุนหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 7.2 แสนล้านบาท สร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ 2.5 แสนล้านบาท และมีหนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้จากสินเชื่อใหม่นับถึงสิ้นเดือน ธ.ค.2561 เพียง 3.6%

 
     นายมงคลกล่าวต่อว่าสิ่งที่ได้วางแผนไว้และจะส่งมอบภารกิจให้แก่ผู้บริหาร ตลอดจนพนักงานธนาคารได้ยึดถือต่อไป  คือ การมุ่งมั่นยึดบทบาทสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการรายย่อย “จุลเอสเอ็มอี” หรือที่เรียกว่า “คนตัวเล็ก” ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มผู้ค้า-แผงค้าในตลาด, กลุ่มรถจำหน่ายอาหารเคลื่อนที่ Food Truck + รถพุ่มพวง, โชห่วย และผู้ประกอบอาชีพอิสระเป็นต้น ซึ่งมีจำนวนกว่า 3 ล้านรายทั่วประเทศ เนื่องจากมองว่าเป็นกลุ่มผู้ประกอบการที่มีความสามารถในการเข้าถึงความช่วยเหลือจากรัฐได้ยาก โดยเฉพาะเงินทุนในระบบสถาบันการเงิน

 


     นอกจากนี้ยังได้มุ่งเน้นยกระดับการทำงานสู่ดิจิทัลแบงก์กิ้งอย่างสมบูรณ์แบบ นำเทคโนโลยีทันสมัยสนับสนุนให้ผู้ประกอบการเข้าถึงบริการของธนาคารได้ง่าย สะดวก และรวดเร็วมากขึ้น โดยกำหนดยุทธศาสตร์การทำงาน “3 เติม” ได้แก่ 1.เติมทักษะให้ความรู้เพิ่มขีดความสามารถธุรกิจ  2.เติมทุนด้วยสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ และ 3.เติมคุณภาพชีวิต โดยผ่าน 3D ได้แก่ 1.D-Development   = ช่วยพัฒนาธุรกิจด้วยความรู้คู่เงินทุน  2.D-Digital = บริการทันสมัยรวดเร็วสามารถเข้ามายื่นขอสินเชื่อ และหาความรู้ผ่านออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง และ 3.D-Delivery = บริการถึงถิ่นทั่วไทย เช่น หน่วยบริการเคลื่อนที่ “รถม้าเติมทุน ส่งเสริมSMEs ไทยฉับไวไปถึงถิ่น” จำนวน 1,000 คัน  ให้บริการครอบคลุม 7,255 ตำบลทั่วประเทศ


     โดยจากผลการดำเนินงานดังกล่าว ตลอดไตรมาสที่  1 - 4 ประจำปี 2561 ที่ผ่านมา ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย พบว่าลูกค้า ธพว. ที่ได้รับ 3 เติม และ 3D จะมีดัชนีความสามารถธุรกิจ สูงกว่าค่าเฉลี่ยของเอสเอ็มอีทั่วไป ดังนั้นธนาคารจึงเดินหน้าตามแนวทางดังกล่าวต่อไป โดยตั้งเป้าปีนี้จะสนับสนุนผู้ประกอบการให้สามารถเข้าถึงบริการสินเชื่อมูลค่า 5.7 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นสำหรับเอสเอ็มอีทั่วไป วงเงินเกิน  1 ล้านบาทต่อราย ประมาณ 3.5 หมื่นล้านบาท และสำหรับรายย่อย วงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาทต่อราย ประมาณ 2.2 หมื่นล้านบาท อันจะก่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ และเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 2.86 แสนล้านบาท

 
     “จากแนวทางให้ 3 เติม ผ่านกระบวนการ 3D และยกระดับองค์กรสู่ดิจิทัลแบงก์กิ้งของ SME D Bank จะก่อประโยชน์แก่ทุกฝ่าย ช่วยผู้ประกอบการคนตัวเล็ก อยู่รอด ตลาดเติบโต ก้าวไปสู่ธุรกิจขนาดกลางและใหญ่ในอนาคต ซึ่งความสำเร็จของผู้ประกอบการ คือ ความสำเร็จของ SME D Bank ด้วย” นายมงคล ทิ้งท้าย



www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
 

NEWS & TRENDS