โครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (T-VER) เป็นกลไกเดียวที่ให้การรับรองคาร์บอนเครดิตของไทยโดยองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. แต่ปัจจุบันมีการพัฒนา Premium T-VER ขึ้นมาอีกระดับ เราสรุป 5 ประเด็นสำคัญมาให้ว่ามาตรฐาน T-VER ที่มีอยู่เดิมกับ Premium T-VER มีความแตกต่างกันอย่างไร
จากภาวะยุคโลกร้อนเข้าสู่ยุคโลกเดือด ปัจจุบันจึงได้เห็นภาคส่วนต่างๆ ทั่วโลกใช้ “คาร์บอนเครดิต” เป็นกลไกมุ่งสู่เป้าหมาย Net Zero กันมากขึ้น เมื่อความต้องการคาร์บอนเครดิตมีแนวโน้มจะสูงขึ้นเรื่อยๆ โอกาสที่ SME จะพัฒนาตนเองเป็นผู้ผลิตหรือผู้ขายคาร์บอนเครดิต หรือ Seller Carbon Credit ก็มากตามขึ้นไปด้วย
ในวันที่ผลกระทบจากปัญหาก๊าซเรือนกระจก รุนแรงและหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นพันธกิจร่วมที่ทั้ง ภาครัฐ เอกชน ภาคธุรกิจ หรือแม้แต่ระดับบุคคล ต้องกลับมาให้ความสำคัญ และร่วมมือกันกอบกู้โลก
กระแสโลกร้อนเอสเอ็มอีอาจคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว แต่จริงๆ รู้ไหมความกดดันนี้กำลังไหลหลั่งมาสู่เอสเอ็มอี ขณะเดียวกันก็มีโอกาสดีๆ ซ่อนอยู่ โดยเฉพาะกับอาวุธใหม่ที่ชื่อ “คาร์บอนเครดิต” ที่เอสเอ็มอีก็สร้างได้
เพื่อปลดล็อกงานวิจัยที่มักกองอยู่บนหิ้ง สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) นำผลงานวิจัยกว่า 300 ผลงาน ตอบรับเทรนด์การค้าโลกทั้ง การแพทย์และสุขภาพ เกษตรและอาหารมูลค่าสูง และ Net Zero Emissions
อย่างที่ผู้ประกอบการทุกคนรู้ดีว่าโลกของเราร้อนเพิ่มขึ้นทุกปี เนื่องจากหลายปัจจัยที่เกิดขึ้น อย่างเช่น การปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ของภาคอุตสาหกรรม ด้วยเหตุนี้ทำให้มีเทรนด์การค้าใหม่เกิดขึ้นนั้นก็คือ ตลาดซื้อ - ขายคาร์บอนเครดิต ซึ่งมีแนวโน้มว่าราคาการค้าคาร์บอนเครดิตในปีนี้เพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า
สิ่งแวดล้อมก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่คนทำธุรกิจต้องใส่ใจ ยิ่งหากต้องทำการค้ากับต่างประเทศด้วยแล้วยิ่งต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ขณะนี้มีกว่า 190 ประเทศทั่วโลกได้ให้การรับรองกับองค์การสหประชาชาติกำหนดเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน หรือ SDGs ในปี 2030