อะไรจูงใจคนทำงาน

 



เรื่อง : อภิวุฒิ พิมลแสงสุริยา
           กรรมการบริหาร สลิงชอท กรุ๊ป



    เคยรู้สึกหงุดหงิดไหมกับเพื่อนร่วมงานที่ตั้งคำถามตลอดเวลา ไม่ว่าจะทำอะไร...ทำไปทำไม ทำแล้วได้อะไร ทำแบบอื่นได้ไหม ทำไมไม่ทำอย่างนี้ ฯลฯ หรือรู้สึกหงุดหงิดกับคนที่ไม่ถามอะไรเลยมากกว่า? 

    เคยรู้สึกรำคาญพวกที่ต่อต้านทุกเรื่อง ไม่เคารพกฎกติกาและข้อตกลงใดๆ เลย ยกเว้นสิ่งที่ตนเองเห็นด้วย บ้างหรือเปล่า?

    บ่อยครั้งที่เราหาคำตอบไม่ได้ว่า “ทำไมคนพวกนี้ถึงเป็นอย่างนั้น”

    ในบทความ To Form Successful Habits-Know What Motivates You ของ Gretchen Rubin บอกว่า มนุษย์บนโลกใบนี้ล้วนมีความคิด ความเชื่อและทัศนคติต่อเรื่องต่างๆ ไม่เหมือนกัน และนี่คือเหตุผลสำคัญที่ทำให้คนมีอุปนิสัย และความสามารถที่ต่างกันออกไป 

    เขาเชื่อว่าแม้มนุษย์จะเกิดมาต่างกันร้อยพ่อพันแม่ แต่ในเชิงพฤติกรรมสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่มใหญ่ๆ ประกอบด้วย ผู้ยืนหยัด (Upholders) นักถาม (Questioners) ผู้เคร่งครัด (Obligers) และนักต่อต้าน (Rebelers) โดยดูจากวิธีการตอบสนองต่อความคาดหวังและแรงกดดันที่มีต่อเขา ซึ่งสามารถแบ่งออกได้เป็น “ความคาดหวังหรือแรงกดดันจากภายนอก” เช่น การทำงานให้เสร็จตามเวลาที่กำหนด หรือการปฏิบัติตามกฎกติกาขององค์กร เป็นต้น และ “ความคาดหวังหรือแรงกดดันจากภายใน” เช่น การหักห้ามใจตัวเองไม่ให้รับประทานช็อกโกแลต หรือการออกกำลังกายให้ได้ทุกวัน เป็นต้น

    หากเข้าใจลักษณะของคนแต่ละกลุ่มให้ชัดเจนและสามารถแยกแยะได้ว่าใครอยู่กลุ่มไหน จะช่วยให้เราสามารถบริหารจัดการและใช้เขาให้เป็นประโยชน์ได้อย่างเต็มที่ นอกจากนั้น ยังอาจช่วยตัวเองให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นได้อีกด้วย


• ผู้ยืนหยัด (Upholders)

    “ผู้ยืนหยัด” พร้อมเสมอที่จะตอบสนองต่อความคาดหวังหรือแรงกดดันทั้งจากภายในและภายนอก พวกเขายืนหยัดได้ด้วยตนเอง ปฏิบัติตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้ ตั้งใจทำงานและทำเสร็จตามกำหนดเวลา

    “ผู้ยืนหยัด” มักรู้สึกอึดอัดหากต้องอยู่ในสถานการณ์ที่ความคาดหวังไม่ชัดเจน พวกเขาจะรู้สึกแย่มากหากต้องแหกกฎกติกาที่กำหนดไว้ แม้สิ่ิงนั้นจะเป็นเรื่องไร้สาระและไม่มีประโยชน์อะไรที่ชัดเจนในสายตาคนอื่นก็ตาม ยกเว้นเขาจะหาเหตุผลมาอธิบายตนเองได้อย่างสมน้ำสมเนื้อเท่านั้น

    ‘ผู้ยืนหยัด” มักเป็นคนเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่ค่อยสุงสิงกับใครมากนัก ดังนั้น หากต้องทำงานกับคนแบบนี้ จำเป็นต้องชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่าความคาดหวังที่มีคืออะไร หากเขาเข้าใจและรับปากแล้ว “ผู้ยืนหยัด” จะทำอย่างสุดใจขาดดิ้นเพื่อรักษาคำสัญญาที่ให้ไว้


• นักถาม (Questioners)

    “นักถาม” มักมีคำถามกับทุกอย่างที่ขวางหน้า พวกเขาจะลงมือทำก็ต่อเมื่อได้รับคำตอบที่เหมาะสม มีตรรกะ มีเหตุผล แต่จะต่อต้านทุกอย่างที่มองไม่เห็นว่าประโยชน์ที่ชัดเจนคืออะไร พวกเขาจะไม่ทำเพียงเพราะมีความคาดหวังหรือแรงกดดันจากภายนอก “นักถาม” จะเปลี่ยนสิ่งเหล่านั้นมาเป็นความรู้สึกจากภายในเสมอ

    “นักถาม” มักคิดอย่างรอบครอบก่อนตัดสินใจ พวกเขาจึงผูกพันกับสิ่งที่ทำและพร้อมที่จะลงลึกในรายละเอียดเสมอ เมื่อใดก็ตามที่มองว่าความคาดหวังหรือแรงกดดันนั้นเหมาะสมและถูกต้อง พวกเขาจะทำอย่างเต็มใจ ในทางกลับกันหากมองว่าไม่เหมาะสมหรือไม่มีเหตุผลที่หนักแน่นเพียงพอ พวกเขาจะไม่สนใจทำมันเลย

    เนื่องจาก “นักถาม” เป็นผู้ให้ความสำคัญกับข้อมูลและรายละเอียด ดังนั้น หากต้องการจูงใจคนกลุ่มนี้ให้ทำงานอย่างเต็มที่ ต้องไม่ลืมที่จะเตรียมรายละเอียดและข้อมูลให้พร้อม รวมทั้งอธิบายเหตุผลและความจำเป็นที่จะต้องทำงานนั้นๆ ให้ชัดเจน


• ผู้เคร่งครัด (Obligers)

    “ผู้เคร่งครัด” พร้อมตอบสนองต่อความคาดหวังหรือแรงกดดันที่มาจากภายนอก แต่มักมีปัญหากับความคาดหวังหรือแรงกดดันจากภายใน พวกเขาทำได้ดีกับงานที่มีเป้าหมายและเงื่อนเวลาเป็นตัวกำหนดอย่างชัดเจน พร้อมเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดี เป็นสมาชิกของกลุ่มที่ไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง แต่ขาดพลังจากภายในและขาดวินัยในเรื่องของตัวเอง

    “ผู้เคร่งครัด” ต้องอาศัยความคาดหวังและแรงกดดันจากภายนอก เป็นตัวขับเคลื่อนการกระทำของเขา หากปล่อยให้ผลักดันตัวเองจากข้างใน มักไม่ค่อยประสบความสำเร็จเท่าที่ควร ตัวอย่างเช่น งานที่มีกำหนดเวลาส่งมอบอย่างชัดเจน และมีความคาดหวังจากผู้ที่เกี่ยวข้องว่างานต้องเสร็จตามที่ตกลงกัน “ผู้เคร่งครัด” จะส่งมอบงานได้ตรงตามเวลาที่กำหนดไว้อย่างไม่ต้องสงสัย แต่หากปล่อยให้ “ผู้เคร่งครัด” กำหนดระยะเวลาและบริหารจัดการทุกอย่างด้วยตนเอง มักพบว่าผลลัพธ์จะเละเทะไม่เป็นท่า เป็นต้น

    “ผู้เคร่งครัด” พร้อมตอบสนองความคาดหวังที่มาจากภายนอก โดยอาจไม่ได้คำนึงถึงความเหมาะสมหรือกำลังที่ตนเองมี เนื่องจากเป็นคนขี้เกรงใจ กลัวว่าจะทำให้ผู้อื่นผิดหวัง บ่อยครั้งมักพบว่าพวกเขารับปากมากกว่าที่จะสามารถทำได้จริง

    หากจำเป็นต้องทำงานกับ “ผู้เคร่งครัด” ให้ระมัดระวังความเครียดสะสมอันเนื่องมาจากการรับงานโดยไม่กล้าปฏิเสธ แต่เลือกที่จะอดทนทำจนถึงขีดสุด ก่อนถอดใจหรือโวยวายออกมา

    การบริหาร “ผู้เคร่งครัด” ให้มีประสิทธิภาพ ต้องอาศัยความคาดหวังและแรงกดดันจากภายนอกในการผลักดันให้เกิดผลงาน อย่างไรก็ตาม ต้องระวังอย่าให้มากจนเกิดพอดี เพราะด้วยความขี้เกรงใจและปฏิเสธคนไม่เป็น พวกเขาอาจเลือกที่จะไม่พูด!


• นักต่อต้าน (Rebels)

    “นักต่อต้าน” มักปฏิเสธที่จะทำงานเพียงเพราะมีแรงกดดัน ในทางกลับกัน อาจต่อต้านด้วยซ้ำ คนพวกนี้เลือกทำในสิ่งที่ตนเองอยากทำ พวกเขาไม่ค่อยสนใจกฎกติกาหรือข้อกำหนดมากนัก มีความเป็นตัวของตัวเองค่อนข้างสูง

    “นักต่อต้าน” มีวิธีการทำงานเพื่อไปให้ถึงเป้าหมายในแบบฉบับของตนเอง พวกเขาจะไม่ทำเพียงเพราะคนอื่นคิดว่าเป็นสิ่งที่ควรทำ แต่จะตัดสินใจด้วยตนเองและยึดมั่นผูกพันกับแนวทางที่เลือก บ่อยครั้งที่นักต่อต้านอาจสร้างปัญหาในการทำงานของทีม เพราะพวกเขาจะทำเฉพาะสิ่งที่อยากทำเท่านั้น

    หากต้องทำงานกับ “นักต่อต้าน” อาจใช้วิธีจูงใจแบบอ้อมๆ เข้าทำนอง “น้ำร้อนปลาเป็น น้ำเย็นปลาตาย” พวกเขาไม่ชอบการบังคับและจะไม่ทำเพียงเพราะรู้สึกว่าถูกกดดัน ลองใช้วิธีการพูดเชิงดูแคลนเล็กๆ อย่างเช่น “ผมไม่คิดว่างานนี้จะทำเสร็จได้ภายในวันศุกร์” แล้วคุณอาจประหลาดใจเมื่องานมาวางบนโต๊ะตอนเช้าวันศุกร์ เพียงเพราะต้องการพิสูจน์ให้เห็นว่า “เขาชนะ” เท่านั้น!

    คนแต่ละคนแตกต่างกัน หากไม่เอาตัวเองเป็นมาตรฐาน พยายามเข้าใจเขาอย่างที่เขาเป็นโดยไม่ตัดสินว่าถูกผิดดีเลว จากนั้นเรียนรู้วิธีการบริหารจัดการคนแต่ละแบบแล้วปรับแนวทางการพูดคุยให้เหมาะสม เท่านี้ความสัมพันธ์และผลการทำงานก็จะดีขึ้นได้อย่างไม่ยากเย็น



www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี


 

RECCOMMEND: MANAGEMENT

พลังของ Introvert ! ศักยภาพเงียบที่ธุรกิจไม่ควรมองข้าม

Introvert ไม่ได้แค่ “อยู่เงียบๆ” แต่คือพลังสำคัญในโลกการทำงาน ทั้งคิดลึก ฟังเก่ง สร้างสรรค์ และนิ่งภายใต้แรงกดดัน มาดูกันว่าทำไมธุรกิจถึงไม่ควรมองข้ามพลังเงียบนี้

Quiet cracking เทรนด์ใหม่มนุษย์เงินเดือน เมื่อคนเก่งเริ่มหมดใจกับงานที่รัก

Quiet Cracking อาการแตกสลายแบบเงียบๆ ของคนรักงาน ที่ยังชื่นชอบในงานที่ทำอยู่ แต่เริ่มไปต่อไม่ไหว จากงานที่หนักเกินไป ทำเท่าไหร่ก็ไม่พอ เมื่อคนรักงาน หมดใจกับงานที่ทำอยู่ เราจะเยียวยาพวกเขายังไงดี อะไร คือต้นตอสาเหตุ ไปหาคำตอบกัน

Pet Friendly Workplace สูตรลับรักษาคนเก่ง ขององค์กรยุคใหม่

เมื่อก่อนใครพูดว่า “อยากพาน้องหมาน้องแมวมาทำงานด้วย” อาจโดนมองว่าแปลก แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว เพราะหลายองค์กรทั่วโลกหันมาจริงจังกับ Pet Friendly Workplace ซึ่งช่วยลดอัตราการลาออก และรักษาคนเก่งให้อยู่ในองค์กร