เจาะเคล็ด (ไม่) ลับ พัฒนาด้านการสนทนา

 



แปลและเรียบเรียง : เจษฎา ปุรินทวรกุล



    วิธีการแก้ปัญหาด้านความเข้าใจระหว่างการสนทนาที่ดีที่สุดคงหนีไม่พ้นการพัฒนาหรือไม่ก็ขัดเกลาทักษะการรับฟังให้ดียิ่งขึ้น เพราะถ้าคุณฟังไม่เข้าใจ ก็ยากที่จะสนทนาโต้ตอบกับคู่สนทนาได้ ยิ่งเป็นการเจรจาทางธุรกิจก็คงยิ่งมีความสำคัญและจะปล่อยให้มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นไม่ได้อย่างเด็ดขาด

    แม้ว่าคุณจะไม่ได้มีทักษะด้านการสนทนาที่ดีมาตั้งแต่แรก ทว่า Jacqueline Whitmore ผู้เชี่ยวชาญด้านมารยาทและเป็นผู้ก่อตั้ง The Protocol School of Palm Beach ได้ออกมาแนะนำเคล็ด (ไม่) ลับ ที่จะช่วยให้คุณสามารถพัฒนาทักษะด้านการสนทนาให้ดียิ่งขึ้นได้ และนี่คือ 6 เคล็ดลับที่จะทำให้คุณเป็นคู่สนทนาและผู้ฟังที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น ไม่ใช่การฟังเพื่อคาดหวังว่าเขาจะพูดสิ่งนั้นสิ่งนี้ตามที่คุณต้องการจะได้ยินเหมือนเช่นที่ผ่านมาอย่างแน่นอน 

    1. แสดงความสนใจอย่างจริงใจ  เมื่อคุณพูดคุยกับใครก็ตาม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานที่วุ่นวาย มีเสียงดังรอบด้าน คุณยิ่งต้องให้ความสนใจอย่างเต็มที่ ถ้าหากพยายามตั้งใจฟังแล้วยังไม่ค่อยเข้าใจ ลองชวนหรือแนะนำให้ย้ายไปคุยบริเวณอื่นที่เงียบสงบกว่านี้

    นอกจากนี้ต้องพยายามเข้าใจการสื่อสารทางสายตาและทางอารมณ์ด้วยว่า ขณะนั้นผู้พูดมีความรู้สึกอย่างไร หากผู้พูดรู้สึกแย่ ให้ถามคำถามเพื่อชวนพูดคุยพร้อมกับให้กำลังใจ ซึ่งแม้ว่าคุณจะไม่ได้ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกันกับผู้พูด แต่ลองยกตัวอย่างเรื่องที่คล้ายคลึงกันเพื่อบอกเขาบอกคุณรู้สึกอย่างไรและแก้ปัญหาเหล่านั้นได้อย่างไร
 


 

    2. ใช้ประโยคสุดวิเศษ “บอกฉัน” ผู้คนส่วนใหญ่มักชื่นชอบที่จะหาโอกาสแบ่งปันเรื่องเล่าและประสบการณ์ต่างๆ ให้คนอื่นรับรู้ ดังนั้น วิธีเริ่มต้นบทสนทนาเพื่อให้บรรยากาศผ่อนคลายและเป็นไปในทางที่ดีจึงควรเริ่มที่คำว่า “บอกฉัน” หรือ “เล่าให้ฟังนิดนึงได้ไหมว่า...” ทั้งนี้การพูดคุยเชิงสนทนาไม่ควรถามคำว่าให้ผู้ตอบตอบว่า “ใช่” หรือ “ไม่ใช่” แต่ควรเป็นคำถามปลายเปิดที่ทำให้การสนทนาดำเนินต่อไปได้

   ยกตัวอย่างเช่น “เล่าให้ฟังหน่อยได้ไหมว่าอะไรเป็นสิ่งที่กระตุ้นให้คุณเริ่มต้นทำธุรกิจ” เมื่อคุณเริ่มการสนทนาที่แสดงให้เห็นถึงความสนใจต่อคู่สนทนา ก็จะทำให้การพูดคุยเป็นไปอย่างราบรื่นมากยิ่งขึ้น

    3. พูดชื่อของคู่สนทนา การเจรจาทางธุรกิจจะดูน่าประทับใจมากยิ่งขึ้นหากคู่สนทนาจดจำชื่อของเราได้ ดังนั้น หากคุณมีปัญหาด้านการจดจำชื่อบุคคลอื่น ให้รีบพัฒนาและปรับปรุงซะ เพราะเมื่อคุณนัดพบกับใคร สิ่งแรกที่ควรทำเมื่อพบหน้ากันเป็นครั้งแรกคือการกล่าวทักทายเขาพร้อมกับชื่อ ยกตัวอย่าง “ยินดีที่ได้พบคุณครับ คุณแฟรงค์” จากนั้นก็หาโอกาสเรียกชื่อของคู่สนทนาอีกซัก 2 ครั้งในระหว่างการสนทนา ก่อนจะปิดท้ายการโบกมืออำลาด้วย “ผมดีใจจริงๆ ที่ได้มาพบคุณแฟรงค์ในวันนี้” เป็นต้น
 


 

    4. เห็นด้วยเต็มที่ ไม่เห็นด้วยเบาๆ ในการสนทนา เมื่อคู่สนทนาเห็นด้วยกับคุณ คุณจะรู้สึกว่าเขามีอะไรคล้ายๆ หรือค่อนข้างตรงกันกับคุณ

   อย่างไรก็ตามเมื่อเราอยู่ในโลกของการทำธุรกิจ ก็ควรมีความเป็นมืออาชีพ คุณจึงควรมีความเคารพและชื่นชมในความคิดเห็นของผู้อื่นแม้เขาจะเห็นต่างกับเรา เพราะความอดทนและเคารพต่อผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดของเรามีความสำคัญต่อความสำเร็จได้ด้วย

  ดังนั้น พึงระวังไว้ หากคุณไม่เห็นด้วยกับความคิดของใคร ค่อยๆ หาทางบอกเขาและถามถึงเห็นผลดู “รบกวนบอกผมทีได้ไหมครับ ว่าทำไมคุณถึงไม่เห็นด้วยกับ...” ดีกว่าที่จะพูดพร้อมกระชากอารมณ์ว่า “ไอเดียนี้มันดีแล้ว คุณไม่เห็นด้วยได้ยังไงกัน ?”  คงไม่ต้องถามแล้วกระมัง ว่าแบบไหนดีกว่ากัน
 

    5. พูดให้น้อยลง แต่ฟังให้มากขึ้น เมื่อมีใครมาคุยกับคุณ จงอย่าใช้หูเพื่อรับฟังเพียงอย่างเดียว แต่พยายามฝึกใช้ร่างกายของคุณในการรับฟังเขา เช่น พยักหน้า ตาสบตา (Eye Contact) และมีส่วนร่วมเต็มที่ในสิ่งที่คู่สนทนากล่าว

   การรับฟังด้วยความใส่ใจจะช่วยสร้างความไว้วางใจและสร้างความสัมพันธ์ระหว่างคู่สนทนาได้อย่างยอดเยี่ยม และเมื่อได้รับโอกาส จงพยายามถามคำถามที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อสนทนา สิ่งนี้จะแสดงให้เห็นว่าคุณสนใจการสนทนาครั้งนี้มากแค่ไหน

  และในกรณีที่คุณไม่เข้าใจหรือไม่แน่ใจให้ถามเจาะลึกลงไป เช่น “ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด คุณพูดว่า (หรือหมายความว่า) ... ถูกต้องไหมครับ” มันเป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่จะทำให้คุณเข้าใจเนื้อหาการสนทนาทั้งหมดอย่างแท้จริง ดีกว่าไปนั่งมโนเอาเองว่ามันคงเป็นแบบนั้นแบบนี้ละมั้ง

    6. อย่าขัดจังหวะหรือพยายามเปลี่ยนหัวข้อการสนทนา ระหว่างการสนทนา ถ้าคุณไปขัดประโยคของคู่สนทนาเข้า นั่นหมายความว่าคุณขัดขวางการแสดงความคิดเห็นของเขาอย่างเต็มที่เลยทีเดียว

   ถ้าคิดในแง่ดี คู่สนทนาอาจมองว่าคุณเจตนาดี คุณมีความรู้ที่จะบอกว่าสิ่งที่เขาพูดมันไม่ถูก จึงรีบขัดขึ้นมา (แต่เชื่อเถอะ น้อยคนมากๆ จะคิดในแง่ดี) แต่ถ้าคิดในแง่ร้าย เขาอาจคิดว่าคุณก็แค่พยายามขัดขวางการสนทนาเพื่อให้เขาเงียบ หรืออยากโชว์ว่าคุณมีความรู้มากกว่าเขา

  ดังนั้น พยายามให้คู่สนทนาแสดงความคิดเห็นให้จบเสียก่อน จึงเริ่มพูดคุยโต้ตอบ ความอดทนและความมีน้ำใจของคุณจะได้รับการชื่นชมจากคู่สนทนา         

Create by smethailandclub.com

RECCOMMEND: MANAGEMENT

Quiet cracking เทรนด์ใหม่มนุษย์เงินเดือน เมื่อคนเก่งเริ่มหมดใจกับงานที่รัก

Quiet Cracking อาการแตกสลายแบบเงียบๆ ของคนรักงาน ที่ยังชื่นชอบในงานที่ทำอยู่ แต่เริ่มไปต่อไม่ไหว จากงานที่หนักเกินไป ทำเท่าไหร่ก็ไม่พอ เมื่อคนรักงาน หมดใจกับงานที่ทำอยู่ เราจะเยียวยาพวกเขายังไงดี อะไร คือต้นตอสาเหตุ ไปหาคำตอบกัน

Pet Friendly Workplace สูตรลับรักษาคนเก่ง ขององค์กรยุคใหม่

เมื่อก่อนใครพูดว่า “อยากพาน้องหมาน้องแมวมาทำงานด้วย” อาจโดนมองว่าแปลก แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว เพราะหลายองค์กรทั่วโลกหันมาจริงจังกับ Pet Friendly Workplace ซึ่งช่วยลดอัตราการลาออก และรักษาคนเก่งให้อยู่ในองค์กร

สูตรลับจัดการเวลาฉบับ Pickle Jar Theory  

จะทำอย่างไรให้สามารถบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ปล่อยให้สิ่งเล็กๆ มาบดบังสิ่งใหญ่ที่เป็นหัวใจของธุรกิจ? เราเลยจะพาไปรู้จัก Pickle Jar Theory แนวคิดการให้ความสำคัญกับงานหลักที่มีผลต่อเป้าหมาย ขณะเดียวกันก็ยังจัดพื้นที่ให้กับงานรองที่จำเป็น แต่ไม่เร่งด่วนด้วย