Empathy Skill การเข้าใจพนักงาน ทักษะจำเป็นที่ CEO ต้องมี ถ้าอยากให้องค์กรโตขึ้น

TEXT: ภัทร เถื่อนศิริ

Main Idea

  • CEO 150 คน ยอมรับว่ากว่า 80% กุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จคือ empathy skill การเข้าใจพนักงาน

 

  • จากผลสำรวจข้อมูลของ com และ businessolver.com พบว่า 20% ของนายจ้างในสหรัฐฯ มีการเสนอการฝึกอบรมเรื่อง empathy สำหรับพนักงานระดับผู้จัดการ

 

     ปัญหาหลักในการเติบโตขยายตัวต่อของ SME คือ การปั้นพัฒนาพนักงานเพื่อแตกกิ่งก้าน ขยับขยายกิจการให้ใหญ่ขึ้น ซึ่งก็มีหลากหลายปัจจัยที่ทำให้การพัฒนานั้นเกิดขึ้นได้ยากและมีปัญหาในหลายๆ มิติ โดยในวันนี้ผมอยากหยิบหยกปัญหาสำคัญที่ส่วนตัวผมพบเจอบ่อยๆ ในการทำงานพัฒนาทีมงาน Gen Z ในปัจจุบัน นั้นคือเรื่อง “Mental Health” ซึ่งอาจจะเป็นเพราะความเข้าใจพนักงาน Gen Z ของผมน้อยก็เป็นได้ หรืออาจเพราะ Generation Gap ที่เกิดขึ้นจากอายุที่เริ่มห่างกับพนักงานก็ได้

     โดยประเด็นที่ผมพบเจอความไม่เข้าใจ คือ  ผมได้รับฟังเรื่องราวถึงการที่น้องๆ พนักงานรุ่นใหม่มีแนวโน้มในการเป็นโรคทางสุขภาพจิตมากขึ้น โดยที่ผลสำรวจที่ผมได้รับฟังจาก สสส.ได้บอกว่า Gen Z ในประเทศไทยมีแนวโน้มที่จะมีปัญหา Mental Health มากขึ้น โดยที่เรื่องที่เป็นแกนความคิดของน้องๆ Gen Z คือ “ฉันไม่ดีพอ” โทษตัวเอง จมอยู่กับความรู้สึกนั้น และไม่สามารถระบายกับคนใกล้ชิดได้ทำให้ยิ่งตกอยู่ห้วงมหาสมุทรที่ลึกหาทางออกไม่ได้เลย

     ผมย้อนกลับมาถามตัวเองว่าถ้าเป็นตัวผมอยู่ในสถานการณ์แบบนั้น และถามเพื่อนในรุ่นเดียวกัน [Gen Yค่อนไปทาง Gen X] ส่วนใหญ่ให้ให้คำตอบไปในทิศทางเดียวกัน คือ เราจะไม่คิดว่าตัวเราไม่ดีพอ แต่เราจะคิดว่า “ฉันจะทำอย่างไรให้ตัวเองดีพอ” ไม่ได้จมอยู่กับความคิดแต่พยายามหา How To พัฒนาตนเองต่อไปมากกว่า

     ดังนั้น เมื่อผมเห็นความแตกต่างในจุดสำคัญนี้จึงได้ดึงสติตัวเอง พยายามปรับความคิด เรียนรู้พยายามที่จะเข้าใจน้องๆ พนักงานมากขึ้น เพราะถ้าเราเป็นหัวหน้าแล้วพยายามผลักดันเค้าให้เติบโตขึ้นพัฒนาสกิลต่างๆ ให้เก่งขึ้น บางทีถ้าเค้าไม่พร้อมจะกลายเป็นทำร้ายเค้ามากกว่าด้วยซ้ำ ซึ่งจะทำให้เค้าคิดว่าตัวเองดีไม่พอมากยิ่งขึ้นไปอีก

     ทักษะสำคัญที่ผมอยากหยิบยกขึ้นมาจากเรื่องนี้คือ Empathy : ซึ่ง  Empathy คือ ความสามารถในการเข้าใจคนอื่นในมุมมองที่พวกเขาเป็น

     จากผลสำรวจข้อมูลของ wsj.com และ businessolver.com พบว่า 20% ของนายจ้างในสหรัฐฯ มีการเสนอการฝึกอบรมเรื่อง empathy สำหรับพนักงานระดับผู้จัดการ และจากการพูดคุยกับ CEO 150 คน พบว่า มากกว่า 80% ยอมรับว่าการ empathy เป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จ และ 80% ของพนักงานในกลุ่ม Millennials ลาออกจากงาน เพราะที่ทำงานที่ขาด empathy

Empathy ไม่เหมือน Sympathy

     ทำความเข้าใจความแตกต่างระหว่าง Empathy และ Sympathy หลายคนมักสับสนระหว่าง empathy กับ sympathy ที่ในภาษาไทยอาจมีความหมายคล้ายกัน แต่ความแตกต่างของมันคือ

  • Empathy คือ ความเห็นอกเห็นใจ ซึ่งอาจทำให้เราอยากเข้าใจสภาวะอารมณ์ หรือความยากลำบากในเหตุการณ์ที่เขาต้องเผชิญ

 

  • Sympathy คือ ความรู้สึก กังวล เกี่ยวกับคนอื่นในลักษณะที่อยากจะให้เขามีความสุขมากขึ้น

 

     นอกจากนั้นความแตกต่างของ empathy และ sympathy คือ การมี sympathy ไม่ได้จำเป็นที่จะต้องมีความเข้าใจคนอื่นในมุมมองของพวกเขา หรือรับรู้ถึงความรู้สึกของคนอื่นก็ได้

ทำไม Empathy จึงเป็นสิ่งสำคัญในที่ทำงาน?

     เพราะทุกคนต้องการมีความสัมพันธ์ที่ดี ได้รับความรัก และความเข้าใจ โดยตามทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของมาสโลว์แล้วการได้รับความรักและการเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มถือว่าเป็นความต้องการลำดับที่สาม Empathy จึงเป็นส่วนสำคัญที่จะช่วยทำให้แต่ละคนเข้าใจกันในมุมมองที่หลากหลาย ซึ่งจำเป็นในการสร้างบรรยากาศของความเป็นกลุ่ม หรือการสร้างความสัมพันธ์ที่ดี

ประโยชน์ขององค์กรที่มี Empathy 

     ⁃ ทำงานร่วมกันได้ดีขึ้น: การทำงานเป็นทีมที่มีประสิทธิภาพ ที่เต็มไปด้วยพลัง เต็มไปด้วย Creativity นั้น จะถูกสร้างขึ้นภายใต้การบริการจัดการความขัดแย้งของทีมที่ดี และการจะทำแบบนั้นได้ หัวหน้าทีม และคนในทีมจะต้องมี empathy ก่อน

     ⁃ การขายและบริการที่ดีขึ้น: ต้องบอกว่ายิ่งในตลาดทุกวันนี้ที่มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด คู่แข่งพร้อมที่จะเข้ามาแทนที่เราเสมอ empathy ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญมากในการแข่งขัน เพราะการเอาใจลูกค้ามาใส่ใจเรา การมีความสามารถในการเข้าใจความต้องการของลูกค้า การไม่ยัดเยียดสินค้าหรือบริการมากจนเกินไป ก็ถือเป็นการขายรูปแบบหนึ่งเช่นกัน

     ⁃ Design Thinking | มีกระบวนการคิดเชิงออกแบบที่ดีขึ้น: Design Thinking เป็นหนึ่งในวิธีคิดที่สำคัญสำหรับการทำธุรกิจที่ถูกพูดถึงกันอย่างมาก ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เพราะวิธีคิดนี้สามารถทำให้เกิดนวัตกรรม เกิดสินค้า หรือบริการที่ตรงใจผู้บริโภคมากขึ้น ด้วยหลักคิดในการพยายามทำความเข้าใจปัญหาต่าง ๆ อย่างลึกซึ้ง โดยพยายามคิดจากมุมมองผู้ใช้ หรือลูกค้าเป็นหลัก และแน่นอนว่าคนที่มีความ empathy จะสามารถทำสิ่งเหล่านี้ได้ดีกว่าอย่างไม่ต้องสงสัย

ทางแก้ปัญหาการพัฒนาความเข้าใจผู้อื่นในองค์กร

     ⁃ เริ่มจากผู้นำก่อนเป็นอันดับแรก:

     ไม่ว่าองค์กรของคุณต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงเรื่องอะไร ควรที่จะต้องเริ่มที่ตัวผู้นำก่อนเสมอครับ เพราะเมื่อผู้นำได้ทำให้เห็นแล้วว่าสิ่งนี้มันสำคัญ เราให้ความสำคัญกับสิ่งนี้ และสื่อสารออกไปอย่างสม่ำเสมอ ความเปลี่ยนแปลงถึงจะค่อย ๆ เกิดขึ้นครับ

     ⁃ ฝึกฝนทักษะ Empathy:

     Empathy Mapping ซึ่งเป็นการสมมุติตัวเองในบทบาทของคนอื่น ในจุดที่คนอื่นเป็น Deep Listening การฝึกฝนทักษะการรับฟังอย่างลึกซึ้ง จะช่วยให้เข้าใจคนอื่นว่าเขารู้สึกอย่าไรจากการฟัง และสร้างบรรยากาศของการเป็นผู้ฟังที่ดี การฟังคนอื่นไม่ใช่เป็นเพียงการทำความเข้าใจคนอื่นเท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยทำให้คนที่มีความทุกข์ใจได้รับการเยียวยา และระบายออกมาด้วย Intrapersonal Skills เมื่อได้เรียนรู้ทักษะเรื่องภายในกันกับสมาชิกในทีม จะช่วยทำให้เราและสมาชิกในทีมเข้าใจกันและกันได้ง่ายขึ้น เห็นใจเพื่อนมนุษย์ได้ง่ายขึ้น เข้าใจความแตกต่างและปัญหาว่าเพื่อนร่วมงานของเราเองก็มีช่วงเวลาที่ยากลำบากไม่แตกต่างจากเรา Interpersonal Skills คือการเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการปฏิสัมพันธ์กันระหว่างมนุษย์ การเข้าใจมุมมองที่แตกต่างกันในแต่ละคน

     ⁃ หา “Connector” และร่วมสร้างไปกับพวกเขา:

     เป็นปกติในทุกๆ ที่ทำงาน ทุกๆ ทีม จะมีคนๆ หนึ่งที่คอยทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมตัวประสานคนอื่นๆ เข้าด้วยกัน เปรียบเสมือนแม่เหล็กที่คอยดึงดูดคน รอบๆ ข้าง หาคนกลุ่มนี้ให้เจอและดึงเขาเข้ามาร่วมสร้าง empathy ให้เกิดขึ้นกับองค์กร คือ ถ้าจะจัดฝึกอบรมรอบแรกให้เริ่มจากคนกลุ่มนี้เป็นอันดับแรก

     ⁃ Personalize:

     พนักงานแต่ละคนมีจุดแข็งจุดอ่อนไม่เหมือนกัน เราต้องคิดวิธีการพัฒนาและแก้ไขปัญหาไม่เหมือนกันไม่สามารถสร้าง Process One Fit All ได้ ต้องพัฒนากระบวนการสร้างคนและทีมแต่ละทีมแยกกันเพื่อเสริมจุดแข็ง กลบจุดอ่อนของทีมให้เติบโตได้อย่างยั่งยืนต่อไป

     ⁃ Mini Win:

     ผูกความรู้สึกประสบความสำเร็จของตัวเค้าไปกับทีม/ลูกค้า/ผลงาน เหมือนเวลาเราติดตามศิลปินหรือทีมฟุตบอล ถ้าทีมได้แชมป์เราก็รู้สึกเหมือนได้แชมป์ไปด้วย ดังนั้นต้องมีเวทีที่ได้แสดงออกเพื่อสร้าง Mini Win ให้เกิดขึ้นอยู่เสมอๆ และถ้ามองลึกลงไปและเข้าใจมากขึ้นต้องทำให้เค้าแชร์ให้โลกรับรู้ได้ด้วย

     สุดท้ายต้องบอกว่าการพัฒนาปรับเปลี่ยนอะไรบางอย่างกับพนักงานและองค์กร ต้องใช้เวลาและความอดทน โดยเฉพาะในเรื่องของความ Empathy เพราะสิ่งนี้ไม่ใช่เพียงแค่คำพูด แต่เป็นการกระทำที่สะท้อนได้ผ่าน การทำงานร่วมกัน การบริการลูกค้า หรือการขาย

Ref : https://www.urbinner.com/post/what-is-empathy-how-does-it-important-in-the-workplace

https://www.krungsri.com/th/plearn-plearn/why-empathy-important-for-work

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MANAGEMENT

พลังของ Introvert ! ศักยภาพเงียบที่ธุรกิจไม่ควรมองข้าม

Introvert ไม่ได้แค่ “อยู่เงียบๆ” แต่คือพลังสำคัญในโลกการทำงาน ทั้งคิดลึก ฟังเก่ง สร้างสรรค์ และนิ่งภายใต้แรงกดดัน มาดูกันว่าทำไมธุรกิจถึงไม่ควรมองข้ามพลังเงียบนี้

Quiet cracking เทรนด์ใหม่มนุษย์เงินเดือน เมื่อคนเก่งเริ่มหมดใจกับงานที่รัก

Quiet Cracking อาการแตกสลายแบบเงียบๆ ของคนรักงาน ที่ยังชื่นชอบในงานที่ทำอยู่ แต่เริ่มไปต่อไม่ไหว จากงานที่หนักเกินไป ทำเท่าไหร่ก็ไม่พอ เมื่อคนรักงาน หมดใจกับงานที่ทำอยู่ เราจะเยียวยาพวกเขายังไงดี อะไร คือต้นตอสาเหตุ ไปหาคำตอบกัน

Pet Friendly Workplace สูตรลับรักษาคนเก่ง ขององค์กรยุคใหม่

เมื่อก่อนใครพูดว่า “อยากพาน้องหมาน้องแมวมาทำงานด้วย” อาจโดนมองว่าแปลก แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว เพราะหลายองค์กรทั่วโลกหันมาจริงจังกับ Pet Friendly Workplace ซึ่งช่วยลดอัตราการลาออก และรักษาคนเก่งให้อยู่ในองค์กร