เติมหน้าเศร้า เขียนป้ายชวนซื้อ กลยุทธ์เพิ่มยอดขายกล้วย ช่วยลดขยะล้นโลกด้วยนะ

 Text: VaViz  


     ส่วนใหญ่แล้วเรามักจะเห็นคนไม่ซื้อผักหรือผลไม้ที่ดูไม่สวยงามตามมาตรฐาน จนต้องถูกทิ้งให้กลายเป็นขยะ แม้ว่าที่จริงแล้วจะยังกินได้และมีรสชาติดีเหมือนเดิมก็ตาม แต่รู้ไหมว่า “กล้วยลูกเดียว” ที่วางขายแบบเดี่ยวๆ ไม่ได้เป็นหวีๆ นั้น กำลังเป็นอีกหนึ่งปัญหาที่สุดท้ายแล้วก็สร้าง Food Waste ให้กับโลกใบนี้อย่างมหาศาล

     แม้ว่าบ้านเราอาจจะคุ้นชินกับการขายกล้วยแบบยกหวี แต่ก็มีหลายประเทศที่ให้ลูกค้าสามารถเด็ดกล้วยออกจากหวี แล้วเลือกเฉพาะลูกที่ตัวเองต้องการได้ ทำให้กล้วยที่เหลือเป็นลูกๆ นั้น ขายได้ยาก ส่งผลให้ห้างร้านต้องสูญเสียโอกาสสร้างยอดขายและเกิดขยะอาหารอย่างที่เกริ่นมา

     ด้วยเหตุนี้เอง นักวิชาการจากมหาวิทยาลัยบาธ, มหาวิทยาลัย RWTH Aachen และมหาวิทยาลัยเกอเธ่ แห่งแฟรงก์เฟิร์ต จึงได้ร่วมมือกับซูเปอร์มาร์เก็ตในเครือ REWE ของประเทศเยอรมนี คิดกลยุทธ์ “ใช้อารมณ์ + เขียนป้าย” เพื่อกระตุ้นให้คนหันมาซื้อกล้วยที่ขายแบบลูกเดียวมากขึ้น

     โดยทำการอิงจากงานวิจัยก่อนหน้านี้ที่พบว่า การทำให้ ผลไม้ที่ไม่สมบูรณ์แบบดู “มีความเป็นมนุษย์” มากขึ้น เช่น ใส่หน้าตาหรือรูปร่างคล้ายตัวการ์ตูนนั้น จะช่วยทำให้ดูน่าซื้อมากขึ้น ดังนั้น จึงทำป้ายขึ้นมาทั้งหมด 3 แบบ โดยจะติดไว้เหนือกล่องกล้วยที่ขายเป็นลูกเดี่ยวๆ

     - ป้ายแรก เป็นภาพกล้วยที่หน้าตาดู “เศร้า” มีปากคว่ำ พร้อมข้อความว่า: “พวกเราคือกล้วยโสดแสนเศร้า ที่อยากถูกซื้อเหมือนกันนะ”

     - ป้ายที่สอง เป็นภาพกล้วยหน้าตายิ้มแย้ม พร้อมข้อความ: “ถึงเราจะอยู่เดี่ยวๆ อยู่โสดแบบสุขๆ แต่ก็ยังอยากถูกซื้อเหมือนกันนะ”

     - ป้ายที่สาม เป็นภาพกล้วยไม่มีหน้าตา ไม่แสดงอารมณ์ มีแต่ข้อความเรียบๆ ว่า: “นี่คือกล้วยลูกเดียวที่อยากถูกซื้อเช่นกัน”

     ทั้งนี้ ได้ทำการทดลองในห้าง 2 แห่งของเครือ เป็นเวลา 8 วัน ครั้งละ 12 ชั่วโมง โดยทำการสลับหมุนเวียนป้ายทุกชั่วโมง ผลที่ได้ก็คือ ป้ายกล้วยหน้าเศร้าชนะไป โดยทำยอดขายได้เพิ่มขึ้น 58% ต่อชั่วโมง หรือจาก 2.02 ลูก (เมื่ออยู่กับป้ายที่ไม่มีการแสดงอารมณ์) เป็น 3.19 ลูก จากลูกค้าทั้งหมด 3,810 รายที่ซื้อกล้วย ในขณะที่ป้ายกล้วย “สุขใจ” ดันยอดขายขึ้นเป็น 2.13 ลูกต่อชั่วโมง (เพิ่มขึ้น 5.8%)   

     แสดงให้เห็นว่าภาพและข้อความที่ชวนสงสารแบบ “เศร้าๆ” มีประสิทธิภาพและกระตุ้นความรู้สึกเห็นใจของผู้คนมากกว่าภาพและข้อความแบบ “Feel Good สุขใจ” เกือบ 50%

     ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะว่า ความน่าสงสารของกล้วยหน้าเศร้านั้น เป็นสิ่งที่คนส่วนใหญ่เข้าใจและเข้าถึงได้ จนทำให้รู้สึกอยาก “ช่วยเหลือ” กล้วยที่ถูกทิ้งให้เดียวดาย และ “เห็นอกเห็นใจ” จนต้องเลือกซื้อผลไม้ที่ถูกละเลยและช่วยลดการสูญเสียอาหารไปพร้อมๆ กัน

     ซึ่งถ้าได้เห็นสถิติแล้ว คงไม่ต้องสงสัยว่า ทำไมเราถึงต้องหันมาจริงจังกับเรื่องนี้ แม้จะเป็นเพียงเรื่องกล้วยๆ (ลูกเดียว) ก็เถอะ นั่นเพราะในสหราชอาณาจักร มีผู้บริโภคถึง 30% ที่ทิ้งกล้วยเพียงเพราะมีรอยช้ำหรือจุดดำเล็กน้อย ขณะที่ 13% เลือกที่จะโยนทิ้งถ้ามีสีเขียวแม้แต่นิดเดียวติดอยู่ ทั้งนี้ ในแต่ละปี มีกล้วยที่ยังสามารถรับประทานได้ดีถึง 1.4 ล้านลูกต้องถูกโยนทิ้งลงถัง ซึ่งสร้างความสูญเสียทางเศรษฐกิจคิดเป็นมูลค่าประมาณ 80 ล้านปอนด์ หรือถ้าข้ามฟากไปยังสหรัฐอเมริกา ผู้คนก็พากันทิ้งกล้วยถึง 5 พันล้านลูกต่อปี

     ดังนั้น จึงไม่น่าแปลกใจที่ข้อมูลดัชนีขยะอาหารของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) ปี 2024 จะชี้ว่า ทั่วโลกมีขยะอาหารมากกว่า 1.05 พันล้านตัน และคาดว่าจะเพิ่มเป็นสองเท่าหรือ 2.1 พันล้านตัน ภายในปี 2030 ซึ่งทุกวันนี้เฉพาะในภาคค้าปลีกอย่างเดียวก็มีปริมาณมากถึง 131 ล้านตันแล้ว

     การใช้อารมณ์เศร้าบอกเล่าและเชิญชวนให้คนมาซื้อกล้วยลูกเดี่ยวๆ แบบนี้ ถือว่าเป็นเทคนิคที่ทำได้ง่าย ต้นทุนต่ำ และได้ผลจริง แม้ว่าจะเป็นรองกลยุทธ์การลดราคาอยู่ก็ตาม แต่ที่แน่ๆ สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับผลไม้ชนิดอื่นหรือสินค้าประเภทอื่นได้ ตราบใดที่ผู้คนยังไม่ชินชากับหน้าตาและข้อความเศร้าๆ ที่ได้เห็น  

    ที่มา: Psychology & Marketing, Green Queen, The Conversation

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: MARKETING

เจาะอินไซด์ Beauty Business ไทย สงครามความงาม 7.5 หมื่นล้าน ใครจะครองบัลลังก์?

ธุรกิจความงามไม่ใช่แค่ “ความสวย” แต่คือ สนามรบแห่งกำไรและการเอาตัวรอด ตลาดหมื่นล้าน แต่ NPM ต่ำสุดในรอบ 10 ปี การแข่งขันดุเดือด ที่น่าสนใจคือ…ในสนามนี้ใครจะครองอยู่หรือใครจะไป?

SME ต้องรู้!  เคล็ดลับทำให้ “แบรนด์ใหญ่อยาก Collab ด้วย

ทุกวันนี้ Collaboration หรือการจับมือกับแบรนด์อื่น ไม่ใช่แค่กลยุทธ์ แต่คือ ทางลัด ที่ทำให้แบรนด์เล็กก้าวสู่สปอตไลต์ได้ในชั่วข้ามคืน แล้วแบรนด์เล็กจะทำอย่างไรให้แบรนด์ใหญ่หันมามองและยอม Collab ด้วย?

ตีแผ่วงในธุรกิจร้านสะดวกซัก 18 อินไซต์ที่ต้องรู้ ถ้าไม่อยากขาดทุนและปวดหัว

เบื้องหลังร้านสะดวกซัก ไม่ง่ายเหมือนหยอดเหรียญแล้วจบ! นี่คือ 18 ความจริงที่เจ้าของร้านตัวจริงไม่เคยบอก อ่านให้รู้ก่อนลงทุน จะได้ “อยู่รอด” ไม่ใช่แค่ “เปิดร้าน”