​5 คาถามหาเสน่ห์ เป่าแบรนด์ให้คนรักคนหลง

Text : ไศลธร เหมะสิขัณฑกะ
 

 
     แบรนด์ นับเป็นหน้าตาของธุรกิจ เวลาที่ลูกค้าจะนึกถึงสินค้า สิ่งแรกที่จะเข้ามาในความคิดคือ ชื่อของแบรนด์ ดังนั้น สิ่งสำคัญของการทำธุรกิจคือการสร้างแบรนด์ขึ้นมา แต่ประเด็นคือเมื่อมีแบรนด์แล้ว จะทำยังไงต่อ เมื่อถาม SME ที่ประสบความสำเร็จ หรือนักการตลาดเรามักจะได้ยินว่า การสร้างแบรนด์นั้นว่ายากแล้ว แต่การรักษาแบรนด์ให้ติดตลาดลูกค้ารักลูกค้าหลงนั้นยากยิ่งกว่า ที่สำคัญคือการปั้นและรักษาแบรนด์ให้ประสบความสำเร็จและอยู่รอดในตลาดได้ ไม่ได้ใช้เวลาแค่ชั่วข้ามคืน แต่ SME ต้องใช้ความพยายามและระยะเวลาในการจะเข็นแบรนด์ไปให้ถึงฝั่งฝันให้ได้ เมื่อเป็นเช่นนี้ เราจึงมี 5 คาถามหาสเน่ห์ ให้ SME ใช้เป่าใส่แบรนด์ให้ลูกค้ารักลูกค้าหลงแถมใช้ได้จริงขลังยิ่งกว่าไปลงนะหน้าทองอีกแน่นอน คาถาทั้ง 5 ข้อนี้ได้แก่
 






     1.บอกเล่าเรื่องราวมากกว่าโฆษณาตัวสินค้า


    จะเห็นว่ามีผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยให้ความสำคัญกับการลงรายละเอียดที่ตัวสินค้าและบริการว่าดีอย่างไร ทำอะไรได้บ้าง ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่ผิด เพียงแต่การทุ่มเทให้กับการโฆษณาอาจทำให้มองข้ามสิ่งสำคัญที่บ่งบอกถึงภาพลักษณ์และความเป็นตัวของเราเองได้ ประสิทธิ์ วรฉัตราวณิช ผู้เชี่ยวชาญด้านการทำตลาด e-Comerce กล่าวว่า แบรนด์ที่จะเกิดได้ต้องมีตัวตน มีเรื่องเล่า เพราะสมองมนุษย์ชอบเรื่องเล่า จากนั้นลูกค้าจะเกิด customer experience ขึ้นมาเอง
 

     2. เป็นตัวของตัวเอง  


    เมื่อแบรนด์มีเรื่องราวที่ประกาศความเป็นตัวตนขึ้นมา สิ่งที่ตามมาคือการรักษาตัวตนนั้นให้อยู่ในกรอบที่ควรจะเป็น ให้แบรนด์คงความเป็นตัวตนของตัวเองไว้ โดยดึงจุดแข็งของภาพลักษณ์ที่เราสร้างให้ลูกค้าเห็นว่าเราเป็นขึ้นมาชูโรง เช่น KFC ที่สร้างภาพลักษณ์ตัวตนแบบใหม่ขึ้นมาบนโลกออนไลน์ว่าเป็นแบรนด์ที่มีความน่ารักเป็นกันเองใกล้ชิดกับลูกค้าโดยการใช้ผู้ดูแลเพจที่มีมุขตลกอารมณ์ขันพูดคุยเป็นกันเองกับลูกค้า และยังสามารถโฆษณาฮาร์ดเซลลงไปแบบเนียนๆ ในการพูดคุยหยอกล้อได้อีก
 

     3. สร้างคุณค่าให้เป็นที่หนึ่งในใจลูกค้า


     การที่จะทำให้ลูกค้าเชื่อใจและเลือกแบรนด์ของเรา ซึ่งมีอยู่ด้วยกันหลายวิธีเช่น การนำเอาแบรนด์ไปอยู่ในจุดที่ลูกค้ากำลังต้องการ สมมุติว่าลูกค้ากำลังหิวรถติด หาข้อมูลร้านอาหารที่อยู่ใกล้สุด แล้วเจอร้านของเราที่ระบุว่า บริการส่งถึงประตูรถ ลูกค้าจะเลือกใครระหว่างร้านที่อยู่ห่างออกไป 200 เมตรแต่ต้องหาทางหลุดจากรถติดไปให้ถึงให้ได้ กับร้านที่บอกว่ามีบริการส่งอาหารถึงประตูรถ ทั้งนี้ กลยุทธ์หลักในข้อนี้คือการใข้คอนเทนต์เป็นเครื่องมือ ซึ่งเทคโนโลยีในยุคปัจจุบันทำให้เราสามารถสร้างคอนเทนต์ดีๆ และส่งตรงถึงกลุ่มลูกค้าของเราได้อย่างง่ายดาย ทวิตเตอร์ของ Adrienne Smith ได้ให้คำแนะนำว่า คอนเทนต์ที่จะทำให้แบรนด์เป็นที่รักของลูกค้าจะต้อง ทำให้คิด ทำให้หัวเราะ สร้างแรงบันดาลใจ สอนอะไรใหม่ๆ แล้ว ลูกค้าจะจำคุณได้ เวลาที่จะซื้อของที่พวกเขาต้องการ
 

     4. ลูกค้าคือศูนย์กลางแห่งจักรวาล


    กฎเหล็กของทุกๆ ธุรกิจว่าลูกค้าคือพระเจ้า เมื่อเป็นเช่นนี้การทำการตลาดก็ต้องสร้างความเป็นศูนย์กลางของจักรวาลให้กับลูกค้า สิทธิพงศ์ ศิริมาศเกษม ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการ บริษัท rgb72 จำกัด กล่าวว่า คนปัจจุบันนิยมยึดเอาตนเองเป็นศูนย์กลางด้วยกระแสของพฤติกรรมการซื้อที่เปลี่ยนไป ทุกวันนี้คนตัดสินใจซื้อสินค้าโดยยึดจากคำว่า ทำไม SME ต้องตอบโจทย์ให้ได้ว่าทำไมลูกค้าถึงต้องซื้อสินค้าชิ้นนี้ที่เป็นของเรา โดยดูจากโจทย์ว่าลูกค้าเขาจะซื้อสินค้านี้ไปเพื่ออะไร หากมองทะลุโจทย์ข้อนี้ได้ก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำให้ลูกค้าตัดสินใจเลือกเรา

 
     5. ไม่ทิ้งออฟไลน์


    
บางครั้งที่เรามุ่งมั่นกับอะไรซักอย่างก็อาจทำให้เราหลงลืมอะไรบางอย่างได้ ในกรณีของการที่เราใช้ช่องทางออนไลน์เป็นช่องทางหลัก เราก็ไม่ควรลืมว่าช่องทางออฟไลน์นั้นยังมีความจำเป็นเสมอ เนื่องจากออฟไลน์คือช่องทางที่จะทำให้ลูกค้าและคนในแวดวงได้พบเห็น ได้รู้จัก ตัวตนที่แท้จริงของเรา ไม่ใช่แค่แบรนด์ของเราเพียงอย่างเดียว การเดินสายพบปะผู้คน การเยี่ยมคู่ค้าหรือพันธมิตร หรือการปรากฏตัวตามงานอีเวนท์ต่างๆ คือรูปแบบที่น่าสนใจของการใช้ช่องทางออนไลน์สร้างเครดิต สร้างภาพลักษณ์ให้จดจำ และสร้างคอนเนคชั่นให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

 

RECCOMMEND: MARKETING

เทรนด์ Emotional Spending โอกาสทองธุรกิจ เมื่อคนลงทุนกับความสุขใจมากขึ้น

เมื่อผู้บริโภคไทยเริ่มให้ความสำคัญกับ ความสุขใจมากกว่าสิ่งจำเป็น การใช้จ่ายเพื่อเติมเต็มชีวิต (Emotional Spending) กำลังกลายเป็น โอกาสทองของธุรกิจ ผู้ประกอบการที่เข้าใจเทรนด์นี้ มีโอกาสสร้างรายได้และความได้เปรียบเหนือคู่แข่ง

Tiny Tattoo: เทรนด์ใหม่ที่สอนให้แบรนด์หรูคิดต่าง สิ่งเล็กๆ กำลังเปลี่ยนเกมตลาด Luxury

รอยสักขนาดจิ๋ว (tiny tattoo) และเส้นบาง (fine-line tattoo) ไม่ใช่แค่ศิลปะ แต่เป็น “การลงทุนด้านรสนิยม” ที่อยู่กับเจ้าของตลอดชีวิต ส่งผลให้จำนวนผู้ทำงานในธุรกิจร้านสักสหรัฐฯ เพิ่มจาก 150,000 เป็น 180,000 (2020–2024)

นี่ไม่ใช่แท่งสี แต่คือไอเดีย มัทฉะบาร์ พร้อมทาน 6 เฉดสี เจ้าแรกของไทย

ที่เห็นเรียงเป็นแท่งๆ ไล่เฉดเขียวจนถึงน้ำตาลในกล่องนี้ ไม่ใช่พาเลตต์สีน้ำหรือแท่งสีแต่อย่างใด แต่คือ “มัทฉะบาร์”