Text: VaViz
ใช้แก้วกระดาษดีต่อโลก แต่ดันมองไม่เห็นน้ำข้างใน vs. ใช้แก้วพลาสติกใสเห็นถึงความน่าลิ้มลองของเครื่องดื่มต่างๆ แต่ดันสร้างขยะมหาศาล ดังนั้น คงจะดีกว่าถ้าสามารถผสานจุดแข็งของทั้งสองอย่างที่ว่ามาได้ กลายเป็นที่มาของ “แก้วกระดาษแบบโปร่งใส” วัสดุตัวใหม่ที่คิดค้นขึ้นได้เป็นครั้งแรกของโลก!!
เจ้าของความสำเร็จนี้ไม่ใช่ใคร เป็นพี่ญี่ปุ่นคนดีคนเดิม ที่ครั้งนี้นำโดย อิโซเบะ โนริยูกิ รองหัวหน้าทีมวิจัยของสำนักงานวิทยาศาสตร์ทางทะเล-โลก และเทคโนโลยี (JAMSTEC) ซึ่งได้ใช้ความพยายามถึง 640 ครั้งในเวลากว่า 5 ปีในการพัฒนา จนได้กระดาษหนาที่ยังมีความโปร่งใส แข็งแรง และทนทานต่อความชื้นมากพอที่จะใช้เป็นแก้วหรือถ้วยได้ ที่สำคัญยังสามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพเหมือนกระดาษทั่วไปอีกด้วย
แล้วเขาทำแก้วนี้จากอะไร? ใครที่สงสัยทางทีมวิจัยได้เฉลยให้ฟังแล้วว่า ตัวเอกในเรื่องนี้ก็คือ เซลโลเฟน (Cellophane) หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อของกระดาษแก้ว ที่นิยมใช้ห่อของขวัญ ห่อลูกอม หรือห่ออาหารนั่นเอง ซึ่งแม้ว่าจะดูคล้ายกับพลาสติก แต่ในความเป็นจริงแล้ว เซลโลเฟนมีความใกล้เคียงกับกระดาษมากกว่า เพราะทำมาจากเซลลูโลส ซึ่งเป็นวัสดุที่ได้มาจากเส้นใยของพืช ซึ่งถือเป็นส่วนประกอบหลักของกระดาษ
อ้าว! แต่เซลโลเฟนก็มีมาตั้งนานแล้วนี่หนา? เป็นอย่างที่ว่า แต่จนถึงตอนนี้สามารถผลิตได้เป็นแผ่นบางๆ เท่านั้น จึงไม่สามารถผลิตเป็นถ้วยหรือแก้วที่แข็งแรงเพียงพอให้ใช้งานได้ นี่จึงเป็นครั้งแรกที่ญี่ปุ่นสามารถผลิตเซลโลเฟนที่มีความหนา 0.3 – 0.7 นิ้วขึ้นมาได้ ซึ่งหนากว่าที่คาดไว้ถึง 14 เท่าเลยทีเดียว
นับเป็นการจุดประกายความหวังให้ผู้ประกอบการรักษ์โลกและผู้บริโภคที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมได้มีทางเลือกใหม่ๆ ที่สามารถจะช่วย #SaveOcean #SavePlanet ได้ เพราะนอกจากจะโปร่งใสและขึ้นเป็นรูปทรงแบบ 3 มิติได้แล้ว ยังสามารถย่อยสลายในน้ำทะเลได้หากต้องกลายเป็นขยะในเวลาแค่ 4 เดือน
ทั้งนี้ ไม่ใช่แค่แก้วหรือถ้วยเท่านั้น แต่ทีมวิจัยยังนำกระดาษนี้มาทดลองขึ้นรูปเป็นหลอดดูดน้ำอีกด้วย ซึ่งโชว์ให้เห็นถึงศักยภาพของวัสดุนี้ว่า สามารถนำไปทำเป็นภาชนะหรือบรรจุภัณฑ์อื่นๆ ได้จริง เพื่อทดแทนการใช้พลาสติก (โดยเฉพาะที่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้ง) หรือแม้กระทั่งแทนการใช้กระดาษที่อาจทำให้อรรถรสในการกินเปลี่ยนไป เช่น หลอดกระดาษที่หลายคนบ่นว่ายุ่ย จนทำให้รู้สึกแหยะและไม่อยากกินต่อ
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น จึงทำให้วัสดุชนิดนี้มีต้นทุนในการผลิตที่สูงกว่าพลาสติกในปัจจุบันถึง 1,000 เท่า แต่ถึงอย่างนั้นทีมวิจัยก็ยังขอสู้ต่อ เพื่อหาวิธีผลิตเซลโลเฟนในปริมาณมากและพัฒนาการผลิตแบบต่อเนื่อง เพื่อลดต้นทุนและทำให้สามารถแข่งขันในตลาดได้จริงในอนาคต
ผลลัพธ์จะเป็นยังไง...คงต้องรอให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ ไม่แน่เราอาจจะได้เห็น New Material ที่ดีต่อโลกและเจ๋งต่อการทำธุรกิจทั้ง Ecosystem ก็เป็นได้
ที่มา: JAMSTEC, SoraNews24, The Asahi Shimbun
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี