“ถ้าวันนี้คุณมีพนักงานใหม่ที่ทำงานได้ 24 ชั่วโมง ไม่มีวันหยุด คิดเร็ว ทำเร็ว แต่มักตัดสินใจเองโดยที่คุณไม่รู้ คุณจะจ้างเขาไหม?”
ในวันที่ AI เข้ามาช่วยงานทุกอย่างตั้งแต่ตอบแชทลูกค้า วิเคราะห์ยอดขาย ไปจนถึงเขียนคอนเทนต์แทนมนุษย์ คำถามสำคัญสำหรับเจ้าของกิจการ SME ไม่ใช่แค่ว่า "จะใช้ AI หรือไม่?" แต่คือ "คุณไว้ใจ AI ได้มากแค่ไหน?"
AI ช่วย SME ได้จริง เร็ว แรง ประหยัดต้นทุน
รายงานระดับโลกจาก KPMG ในหัวข้อ “Trust, Attitudes and Use of Artificial Intelligence: A Global Study 2025” เปิดเผยว่า
“ร้อยละ 58 ของพนักงาน ใช้ AI ในการทำงาน และกว่า ร้อยละ 48 ระบุว่า AI ช่วยให้พวกเขาทำงานที่สร้างรายได้ให้แก่องค์กรได้มากขึ้น”
รายงานฉบับนี้จัดทำขึ้นจากความร่วมมือระหว่าง ศาสตราจารย์นิโคล กิลเลสพี ดำรงตำแหน่ง Chair of Trust จาก Melbourne Business School มหาวิทยาลัยเมลเบิร์น และ ดร. สตีฟ ล็อกกีย์ นักวิจัยจากสถาบันเดียวกัน ร่วมกับ KPMG อินเตอร์เนชั่นแนล โดยเป็นการศึกษาที่สำรวจความคิดเห็นจากผู้คนกว่า 48,000 คน ใน 47 ประเทศ ระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2567 ถึงมกราคม 2568 ถือเป็นหนึ่งในงานศึกษาที่ครอบคลุมด้าน AI มากที่สุดในโลก
ไม่แปลกเลยที่หลาย SME เริ่มนำ AI มาใช้ในงานต่าง ๆ เช่น เขียนคอนเทนต์/โพสต์โปรโมทสินค้า วิเคราะห์พฤติกรรมลูกค้า ตอบแชทอัตโนมัติ ประมวลยอดขายและข้อมูลหลังบ้าน
AI กลายเป็นพนักงานคนใหม่ที่ไม่หยุดพัก ทำงานได้ตลอดเวลา และไม่ต้องจ่ายโอที ดูเหมือนจะลงตัว แต่…
ความเสี่ยงที่มาพร้อม AI ในที่ทำงาน: ระวังให้ดี ก่อนจะเชื่อหมดใจ
แม้ว่า AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและมีบทบาทชัดเจนในการเพิ่มรายได้ให้กับองค์กร แต่ในอีกด้านหนึ่ง ก็เริ่มปรากฏความเสี่ยงที่ซับซ้อนและยากจะมองข้าม
จากรายงานของ KPMG พบว่า พนักงานเกือบครึ่งหนึ่งยอมรับว่าเคยใช้ AI ในลักษณะที่ขัดต่อนโยบายของบริษัท เช่น การนำข้อมูลภายในที่มีความสำคัญ ไปใช้กับเครื่องมือ AI แบบเปิดที่เข้าถึงได้ง่ายโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย เช่น ChatGPT ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของข้อมูลในระดับองค์กรโดยตรง
นอกจากนี้ ร้อยละ 66 ของผู้ใช้งาน AI ยังพึ่งพาผลลัพธ์จากระบบ AI โดยไม่ตรวจสอบความถูกต้อง และ ร้อยละ 56 เคยทำงานผิดพลาด จากการเชื่อในผลลัพธ์ของ AI แบบไร้การกลั่นกรอง
อิทธิพัทธ์ ลิมป์มณีรักษ์ หุ้นส่วนและที่ปรึกษาทางด้าน Data, AI & Analytics จาก KPMG ประเทศไทย ชี้ว่า
“ผลการศึกษาชี้ให้เห็นว่า AI สร้างประโยชน์ให้กับประสบการณ์ของพนักงาน และเพิ่มโอกาสในการสร้างรายได้แต่ในขณะเดียวกันก็นำมาซึ่งความเสี่ยงที่ผู้นำธุรกิจต้องเตรียมพร้อมรับมือ”
เขาเน้นย้ำว่า การสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่ส่งเสริมการใช้ AI อย่างรับผิดชอบและโปร่งใส เป็นสิ่งจำเป็น“รวมถึงการวางกรอบการทำงานด้วยหลักธรรมาภิบาล และการให้ความรู้เพื่อเพิ่มขีดความสามารถของบุคลากรในการใช้ AI อย่างมีความรับผิดชอบถือเป็นกุญแจสำคัญในการนำ AI มาใช้งานในองค์กร”
แม้ AI จะสร้างโอกาสมากมายให้กับธุรกิจ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันมาพร้อมกับความเสี่ยงที่ผู้ประกอบการต้องรับมือให้ทัน ทั้งในแง่ของข้อมูล ความถูกต้อง และความรับผิดชอบ
นั่นจึงทำให้ภาครัฐเริ่มขยับอย่างจริงจัง
“ในประเทศไทย หน่วยงานกำกับดูแลได้เสนอร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ AI แล้ว 2 ฉบับ… เพื่อให้สอดคล้องกับความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี และแนวปฏิบัติสากล” ตรีนุช บุญเรืองถาวร กรรมการบริหาร ที่ปรึกษากฎหมาย KPMG ประเทศไทย
แม้ยังไม่มีกำหนดบังคับใช้ที่ชัดเจน แต่สาระสำคัญของกฎหมายชุดนี้คือการวางกรอบการใช้ AI อย่างมีจริยธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้ และยึด “มนุษย์เป็นศูนย์กลาง”
“การเตรียมความพร้อมสำหรับการใช้ AI อย่างมีจริยธรรมภายใต้กรอบกฎหมายนี้ จะเป็นส่วนสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ใช้งานในระยะยาวได้อย่างแน่นอน” ตรีนุช กล่าว
ขณะที่ คริสโตเฟอร์ ซอนเดอร์ส จาก KPMG ประเทศไทย กล่าวว่า “ศักยภาพสูงสุดของ AI จะเกิดขึ้นได้ ก็ต่อเมื่อผู้คนไว้วางใจในระบบที่ช่วยในการตัดสินใจ และ AI ต้องถูกพัฒนาบนพื้นฐานของ ‘ความไว้วางใจ’ ที่จับต้องได้”
ในโลกธุรกิจ SME ที่แข่งขันสูง ความเร็วสำคัญ แต่ “ความไว้ใจ” สำคัญไม่แพ้กัน เพราะถ้าพนักงาน AI ของคุณทำพลาดขึ้นมา คนที่รับผิดชอบคือคุณ
เพราะในวันที่ AI กลายเป็นพนักงานคนใหม่... ความไว้ใจต้องมาคู่กับการวางรั้วที่มั่นคง
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
