8 บททดสอบแห่งภาวะความเป็นผู้นำ

 



เรื่อง เจษฎา ปุรินทวรกุล

    หลายคนอาจเกิดมาพร้อมกับบุคลิกของผู้นำ แต่บางคนอาจไม่ใช่ อย่างไรก็ตามสิ่งนี้ทุกๆ คนสามารถเรียนรู้กันได้ ไม่เกี่ยวว่าคุณจะเป็น CEO กรรมการผู้จัดการ ผู้จัดการสาขา หรือหัวหน้าทีม ก็สามารถปรับปรุงตัวเองให้มีภาวะผู้นำที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้นได้ ซึ่งสุดท้ายแล้วจะทำให้องค์กรเข้มแข็งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และนี่คือบททดสอบ 8 ข้อ ที่ผู้นำควรก้าวข้ามไปให้ได้

1. การมีวิสัยทัศน์ที่ชัดเจนว่าจะก้าวเดินต่อไปอย่างไรในอนาคต 
    คนที่เป็นผู้นำ ต้องมีวิสัยทัศน์ที่กว้างพอจะมองสิ่งที่ใหญ่กว่าและดีกว่า เพื่ออนาคตที่สดใสขององค์กร พร้อมกันนั้นเขายังต้องกล้าพอที่จะยึดมั่นในวิสัยทัศน์เมื่อถูกใครๆ ตั้งข้อสังเกต (แต่ก็ไม่ใช่รั้นจนไม่ฟังใคร) 


2. มีเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างชัดเจน
    วิสัยทัศน์มักเป็นสิ่งที่ใหญ่มากๆ ดังนั้น เราต้องระบุเป้าหมายลงไปเพื่อให้ลูกทีมสามารถทำงานให้บรรลุเป้าหมายรายทาง และสามารถตอบโจทย์วิสัยทัศน์ที่ตั้งเอาไว้ได้ ซึ่งผู้นำที่ดีจะไม่ใช้เพียงแค่การคาดเดาว่าองค์กรจะทำสิ่งนั้นสิ่งนี้ แต่ต้องตั้งเป้าหมายและคิดว่าจะทำอย่างไรให้ประสบผลสำเร็จ


3. คุณมักมองหาผลลัพธ์ที่ดีกว่า มากกว่าที่จะทำอะไรย่ำอยู่กับที่หรือเปล่า
    ความคิดของคนที่เป็นผู้นำคือ พวกเขามักมองหาสิ่งใหม่ๆ ที่จะทำให้การทำงานดีขึ้น สะดวกขึ้น ให้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น มากกว่ายอมรับในสิ่งที่เป็นอยู่ ที่สำคัญพวกเขามักชอบเผชิญหน้ากับความท้าทายเมื่อมีคนพูดประมาณว่า “เราไม่เคยทำแบบนั้นมาก่อน”


4. ใช้เวลาสื่อสารกับคนรอบตัวบ้าง และพัฒนาทักษะด้านการสื่อสารของตัวเองอย่างต่อเนื่อ
    ผู้นำที่มีประสิทธิภาพจะคิดก่อนพูดเพื่อให้เกิดสิ่งต่างๆ ตามที่ต้องการเสมอ และพวกเขามักสื่อสารกับทุกคนในองค์กรเท่าที่เป็นไปได้ ซึ่งทุกครั้งที่เกิดการสนทนา ผู้นำจะหยุดทึกทักว่าเขาเข้าใจในสิ่งที่คู่สนทนากำลังพูด แต่จะเริ่มตั้งคำถามในใจออกมาถามเพื่อให้แน่ใจว่าเขาเข้าใจถูกต้องตรงกันจริงๆ


5. มีทัศนคติเชิงบวก
    พวกเขามักเป็นคนคิดบวก และไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ ซึ่งเมื่อลูกทีมเห็นเข้าก็จะกลายเป็นแรงกระตุ้นให้คนอื่นๆ เกิดความรู้สึกไม่ยอมแพ้และมีแรงบันดาลใจในการทำงานมากกว่าคนที่มีหัวหน้าทีมที่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ  


6. ทำงานอย่างตั้งใจเพื่อพัฒนาบุคลากรรอบๆ ตัว
    คนที่มีภาวะผู้นำ มักมองหาโอกาสในการพัฒนาศักยภาพความเป็นผู้นำในคนที่เขามองเห็นว่าเป็นไปได้ และมักมองหาโอกาสดีๆ ให้กับคนอื่น เช่น ไปฝึกอบรมที่ต่างประเทศ พัฒนาทักษะด้านต่างๆ ให้กับลูกน้องมากกว่ามองหาโอกาสเหล่านี้ให้กับตัวเอง


7. มองหาบทเรียนจากความผิดพลาด
    ความผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งของการทำงาน ซึ่งคนที่เป็นผู้นำจะยอมรับความผิดพลาดไม่ว่าสาเหตุจะมาจากตัวเองหรือจากคนในทีมก็ตาม ผู้นำที่ดีจะออกรับด้วยคำว่า “พวกเราเป็นฝ่ายผิดพลาด” (พวกเรา = ผู้นำ + ลูกทีม) ไม่ใช่ “พวกเขาเป็นฝ่ายผิดพลาด” (พวกเขา = ลูกทีม) ซึ่ง 2 คำนี้ใกล้เคียงกัน แต่เมื่อพูดไปแล้วความหมายจะต่างกันอย่างมหาศาล พร้อมกันนั้นผู้นำก็มักเรียนรู้จากความผิดพลาดและหาทางป้องกัน หรือแก้ไขเพื่อไม่ให้สิ่งเหล่านั้นกลับมาเกิดขึ้นได้อีก


8. ให้รางวัลลูกน้องบ้าง
    ความสำเร็จของผู้นำ เกิดขึ้นได้เพราะมีลูกน้องที่มีฝีมือดีทำงานให้ หรืออาจมีลูกค้าชมเชยว่าพนักงานพูดจาดีและเอาใจใส่กับลูกค้ามากๆ หรือเห็นวัฒนธรรมองค์กรที่ผู้ที่มีอายุน้อย ยกมือไหว้ผู้อาวุโส แม้ผู้อายุน้อยจะเป็นหัวหน้าฝ่าย ขณะที่ผู้อาวุโสคือแม่บ้าน แต่นั่นก็อาจสร้างความประทับใจให้ผู้พบเห็นวัฒนธรรมองค์กรที่มีความเป็นไทยแท้ และเมื่อมีคำชื่นชมเกิดขึ้น ผู้นำที่ดีมักมอบรางวัลให้กับลูกน้องเพื่อเป็นกำลังใจอยู่เสมอ


    ไมใช่เรื่องยากเลยใช่ไหม ถ้าวันนี้เราจะเริ่มสร้างภาวะความเป็นผู้นำเพื่อสร้างให้ทีมและองค์กรเข้มแข็งยิ่งๆ ขึ้นไป 


Create by smethailandclub.com


 

RECCOMMEND: MANAGEMENT

พลังของ Introvert ! ศักยภาพเงียบที่ธุรกิจไม่ควรมองข้าม

Introvert ไม่ได้แค่ “อยู่เงียบๆ” แต่คือพลังสำคัญในโลกการทำงาน ทั้งคิดลึก ฟังเก่ง สร้างสรรค์ และนิ่งภายใต้แรงกดดัน มาดูกันว่าทำไมธุรกิจถึงไม่ควรมองข้ามพลังเงียบนี้

Quiet cracking เทรนด์ใหม่มนุษย์เงินเดือน เมื่อคนเก่งเริ่มหมดใจกับงานที่รัก

Quiet Cracking อาการแตกสลายแบบเงียบๆ ของคนรักงาน ที่ยังชื่นชอบในงานที่ทำอยู่ แต่เริ่มไปต่อไม่ไหว จากงานที่หนักเกินไป ทำเท่าไหร่ก็ไม่พอ เมื่อคนรักงาน หมดใจกับงานที่ทำอยู่ เราจะเยียวยาพวกเขายังไงดี อะไร คือต้นตอสาเหตุ ไปหาคำตอบกัน

Pet Friendly Workplace สูตรลับรักษาคนเก่ง ขององค์กรยุคใหม่

เมื่อก่อนใครพูดว่า “อยากพาน้องหมาน้องแมวมาทำงานด้วย” อาจโดนมองว่าแปลก แต่เดี๋ยวนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แล้ว เพราะหลายองค์กรทั่วโลกหันมาจริงจังกับ Pet Friendly Workplace ซึ่งช่วยลดอัตราการลาออก และรักษาคนเก่งให้อยู่ในองค์กร