Tech Startup

คุยกับ ยอด ชินสุภัคกุล เมื่อ LINE MAN WONGNAI ขึ้นแท่นยูนิคอร์น ด้วยมูลค่า 3.7 หมื่นล้านบาท

 

     หลังจากที่ LINE MAN WONGNAI ประกาศระดมทุนรอบซีรีส์บี มูลค่า 265 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (9,700 ล้านบาท) นำโดย GIC กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของสิงคโปร์ และบริษัท LINE CORPORATION ในการระดมทุนรอบนี้ยังมี BRV CAPITAL MANAGEMENT, บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) (OR), BUALUANG VENTURES และ TAIWAN MOBILE ร่วมลงทุนด้วย ซึ่งการระดมทุนครั้งนี้ทำให้บริษัทมีมูลค่าหลังระดมทุนมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (3.7 หมื่นล้านบาท) ขึ้นแท่นเป็นเทคสตาร์ตอัพที่ใหญ่ที่สุดของไทยเมื่อวัดจากมูลค่าบริษัท

     ยอด ชินสุภัคกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร LINE MAN WONGNAI ได้ให้สัมภาษณ์ถึงรายละเอียดการระดมทุน และแผนการเติบโตในครั้งนี้

 

นักลงทุนกลุ่มใดและนักลงทุนความคาดหวังอะไร 

     ธุรกิจเทค หรือสตาร์ทอัพในช่วงแรกอาจจะไม่ทำกำไร แต่การที่นักลงทุนอย่าง GIC กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติของสิงคโปร์ ที่ถือเป็นกองทุนระดับโลกและมีขนาดใหญ่มาก และนักลงทุนรายอื่นๆ เข้ามาลงทุนก็สะท้อนให้เห็นว่าธุรกิจของเรามีความชัดเจน น่าเชื่อถือ ตอนนี้ยังบอกกำหนดที่แน่ชัดไม่ได้ว่าจะสามารถทำกำไรได้เมื่อไหร่ แต่แนวโน้มมีการขาดทุนน้อยลงขึ้นเรื่อยๆ จากการบริหารต้นทุนที่ดีและมีผลการดำเนินงานที่เติบโตดีขึ้นเรื่อยๆ

     GIC เป็นกองทุนที่ใหญ่กว่ากองทุน Temasek ของสิงคโปร์ ส่วน Taiwan Mobile ที่เข้ามาลงทุนรอบนี้ก็ไม่ได้ให้โจทย์อะไรมาเป็นพิเศษ และเรายังไม่มีโปรเจกต์ที่จะขยายการลงทุนในไต้หวัน ส่วน OR เป็นบริษัทที่มีการลงทุนในบริษัทต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ที่ผ่านมา LINE MAN Wongnai มีการทำธุรกิจร่วมกับ OR อยู่แล้ว และสิ่งที่ OR จะเข้ามาช่วยสนับสนุนได้คือ Know-how ในการเข้าตลาดหุ้นเพราะมีประสบการณ์มาก่อนแล้ว

     นักลงทุนส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนเชิงการเงินเพียงอย่างเดียว (Financial Investor) จึงไม่มีความร่วมมือทางธุรกิจร่วมกัน แต่เป็นการให้คำแนะนำเรื่องการลงทุนและการเงิน ซึ่งการที่นักลงทุนมืออาชีพในระดับโลก และมีมาตรฐานสูงเข้ามาร่วมลงทุนเป็นเรื่องที่น่ายินดี

นักลงทุนมองเห็นอะไรในบริษัท และจุดที่ทำให้ระดมทุนได้สำเร็จ

     จุดเด่นของบริษัทมีหลายด้าน ได้แก่ LINE MAN กับ Wongnai มี Synergy ที่แข็งแกร่ง รวมถึงทีมงานที่พร้อมผลักดันธุรกิจอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมี Wongnal POS ที่มีร้านอาหารใช้บริการมากที่สุดและเชื่อมต่อกับบริการ Food Delivery ของ LINE MAN 

     LINE MAN Wongnai และ LINE ทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด โดย LINE ได้ให้สนับสนุนด้านเทคโนโลยีและการเข้าถึงผู้ใช้งาน LINE ในประเทศไทยจำนวน 50 ล้านคน เพื่อร่วมมือสร้างมูลค่าให้เพิ่มมากขึ้น ปัจจุบัน LINE เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่สุดของ LINE MAN Wongnai

     ข้อพิสูจน์ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา LINE MAN Wongnai โตเร็วที่สุดและมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นเรื่อยๆ จึงสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน

 

แผนที่วางไว้หลังจากได้รับเงินระดมทุนรอบใหม่

     LINE MAN Wongnai ได้วางเป้าหมายที่สำคัญใน 3 ด้านหลังระดมทุนคือ

     1.เสริมสร้างทีมงานให้แข็งแกร่ง โดยเฉพาะทีมงานด้าน Technology ได้แก่ Engineer, Product Manager และ UX/UI เพื่อร่วมสร้างเทคโนโลยีให้ทัดเทียมกับในโลก

     2.เพิ่มบริการและนวัตกรรมใหม่ออกมาต่อเนื่อง LINE MAN Wongnai รองรับตลาด Food Delivery ที่มีการเติบโตต่อเนื่องมากกว่า 15 เท่าในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งสัดส่วนการให้บริการจะเป็น Food Delivery มากที่สุด 80% โดยในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมาได้ขยายบริการ LINE MAN Mart สำหรับบริการรองรับการสั่งซื้อสินค้าต่างๆ ที่มีพันธมิตรร้านค้าร่วมมือแล้วกว่าหลาย 10,000 ร้านค้าทั่วประเทศ

     3.การขยายกลุ่มลูกค้าที่ใช้บริการ จากในปัจจุบันมีจำนวน 10 ล้านคน และมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่องทุกปี

ความสำเร็จในการก้าวสู่การเป็น Unicorn

     การเป็น Unicorn ไม่ใช่จุดสูงสุดของความสำเร็จ แต่เป็นเรื่องที่น่ายินดีและเป็น Milestone ที่สำคัญของบริษัท โดยเราจะเดินหน้าและขยายบริการในอีกหลายด้านเพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกครั้งใหญ่ให้กับประเทศ รวมถึงสร้างโอกาสในการจ้างงาน แต่เป้าหมายที่อยากให้คนไทยจดจำคือการเป็น National Champion ในธุรกิจ Food Delivery

เป้าหมายต้องการเข้าตลาดหุ้น ต้องการเข้าตลาด SET หรือ ตลาด MAI

     มีเป้าหมายหลัก (Plan A) ที่ต้องการเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย แต่ว่าตอนนี้ยังไม่กำหนดช่วงเวลาที่ชัดเจน ต้องดูปัจจัยภายในและภายนอก แต่ตอนนี้ผลการดำเนินงานดีขึ้นเรื่อยๆ Profitability ดีขึ้นเรื่อยๆ เป้าหมายใหญ่อยากเป็น SET50 และเป็นบริษัทเทคที่มีขนาดใหญ่สุดในประเทศไทย น่าจะใช้เวลาอีก 2-3 ปี และอยากสร้างบริษัทเทคที่สร้างแรงบันดาลใจให้แก่สตาร์อัพของไทย โดยการระดมทุนครั้งนี้น่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ใช้คำว่า “บริษัทสตาร์ทอัพ” ซึ่งเหตุผลที่เลือกที่จะ IPO ในประเทศไทย เนื่องจากมีความเชื่อมั่นในตลาดไทย และมองโอกาสที่จะสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ประเทศและสังคมไทย โดยตนเองจะถือหุ้นในบริษัทต่อไป ปัจจุบันเป็นผู้ถือหุ้นรายบุคคลที่มีสัดส่วนหุ้นมากที่สุด และไม่มีแผนที่จะขายออกมา

 

การวางเป้าหมายระยะยาวของ LINE MAN Wongnai

     การที่บริษัทได้ก้าวสู่การเป็นยูนิคอร์น มาจากการได้รับแรงสนับสนุนจากทุกภาคส่วน ทำให้ประเทศไทยมีบริษัทเทคโนโลยีที่แสดงถึงความภาคภูมิใจและเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนไทยทุกคน ในอนาคตได้วางเป้าหมายสู่การเป็น Decacorn หมายถึงธุรกิจสตาร์ทอัพที่มีมูลค่าบริษัทมากกว่า 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ

มองตลาด Food delivery เป็นอย่างไร และถือเป็นตลาด Red ocean

     ตลาด Food Delivery ในช่วงที่ผ่านมามีการแข่งขันสูง เหตุผลที่ทำให้ตลาดแข่งขันสูงเพราะเป็นตลาดที่ค่อนข้างดี ถือเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่และมีผู้ใช้บริการจำนวนมากเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าในปัจจุบันสภาพเศรษฐกิจโดยรวมอาจไม่ดีนัก แต่ Food delivery ไม่ค่อยได้รับผลกระทบ เพราะทุกคนยังต้องการบริโภคอยู่ แสดงถึงโอกาสและศักยภาพของบริษัทในการขยายธุรกิจ โดยการแข่งขันในตลาดปีนี้จะเห็นได้ว่าผู้เล่นในตลาดทุกรายเริ่มมีเหตุมีผลมากขึ้น จากปีที่แล้วที่แข่งขันกันอย่างรุนแรง สำหรับ LINE MAN Wongnai จะเดินเกมตามตลาด ถ้ามีการแข่งขันเข้มข้นเราก็ต้องเข้มข้นตาม โดยจุดเด่นของ LINE MAN Wongnai ที่ทำให้เติบโตในตลาดได้ต่อเนื่องคือการมีตัวเลือกร้านอาหารและร้านค้าจำนวนมากที่สุด และมีโปรโมชันที่ดึงดูดใจลูกค้า ในปีนี้มีผู้เล่นในตลาดจำนวนมาก แต่เชื่อว่าในปีหน้าอาจจะมีผู้เล่นหายไปจากตลาดบ้าง

หลังสถานการณ์โควิด ตลาดและเศรษฐกิจเป็นอย่างไร

     สถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันมีทั้งบริษัทที่ได้รับผลดีและบริษัทได้รับผลกระทบ รวมถึงมีร้านค้าที่สร้างยอดขายสูง และที่ผ่านมาร้านอาหารมีการปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อน เนื่องจากต้นทุนต่างๆ แต่ในภาพรวมลูกค้าก็ยังใช้บริการ Food delivery อย่างต่อเนื่องและกลายเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน แม้ว่าตอนนี้กลับมาเปิดประเทศแล้ว พบว่าการเติบโตของธุรกิจยังมีต่อเนื่อง แต่อาจจะไม่เติบโตเร็วกับช่วงโควิด-19

ตอนนี้ร้านอาหารกลับสู่ภาวะปกติแล้วมากกว่า 90% บรรยากาศการใช้จ่ายดีขึ้น คนกลับมาใช้ชีวิตปกติ โดยเฉพาะการขายหน้าร้าน แต่ถึงแม้คนจะกลับไปกินข้าวนอกบ้าน แต่ธุรกิจ Food Delivery ยังคงได้รับความนิยม เนื่องจากผู้บริโภคมีพฤติกรรมคุ้นชินกับความสะดวกสบายในการสั่งอาหารออนไลน์ไปแล้ว

 

ถอดบทเรียนการเติบโตของ LINE MAN Wongnai

     จุดแข็งของ LINE MAN Wongnai คือการปรับตัวตลอดเวลาและรวดเร็วทำให้สามารถสร้างการเติบโตได้ดี โดยนอกจากการมีทีมงาน Engineer คนไทยที่สามารถพัฒนาบริการให้ตอบโจทย์คนไทยได้รวดเร็วแล้ว ยังมีทีมงานต่างชาติเข้ามาช่วยทำให้สามารถขยายการเติบโตได้มากขึ้น

ช่วงเวลาไหนคือ ช่วงเวลาที่ยากสุดในการทำธุรกิจ

     ช่วงเวลาที่ยากที่สุดคือตอนเริ่มต้นทำ Wongnai เพราะไม่มีเงินทุน เริ่มจากเงินส่วนตัว และติดลบไปหลายล้านบาท ไม่มีลูกค้า แต่ในปัจจุบันมีทีมงานเก่งๆ เข้ามาช่วยเยอะ รวมถึงยังมีนักลงทุนที่คอยให้คำปรึกษาในการดำเนินธุรกิจ

มองนโยบายของภาครัฐต่อการทำเทคสตาร์ทอัพ

     มีเหตุที่ทำให้เทคสตาร์ทอัพในไทยรวมถึงในหลายๆ ประเทศ ไปจดทะเบียนธุรกิจในต่างประเทศที่มีนโยบายหรือกฎระเบียบที่เอื้อต่อการทำธุรกิจ ซึ่งจะทำให้นักลงทุนมั่นใจ แต่ที่ผ่านมาในประเทศไทยก็เริ่มมีการปลดล็อกกฎระเบียบบางอย่างและเดินไปในทิศทางที่ถูกต้องในการสนับสนุนเทคสตาร์ทอัพไทยมากขึ้น อยากให้เป็นแบบนี้ต่อไป

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจ Startup