Text: Neung Cch.
ในวันที่ธุรกิจจำนวนมากเทงบโฆษณาเพื่อให้ยอดขายพุ่งเร็ว หลายคนอาจไม่เชื่อว่ามีบริษัทระดับโลกที่ “แทบไม่พึ่งโฆษณา” นั่นคือ Canva แพลตฟอร์มออกแบบออนไลน์ที่เริ่มต้นจาก “ห้องนั่งเล่นเล็กๆ” ในออสเตรเลีย โดยผู้หญิงคนหนึ่งที่ชื่อว่า Melanie Perkins แต่กลับเติบโตสู่การเป็นแพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานมากกว่า 135 ล้านคนทั่วโลก ทำรายได้ต่อเดือนประมาณ 7.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากผลวิจัยของ Hypestat ที่เปิดเผยโดยเว็บไซต์ answeriq
จุดเริ่มต้นของไอเดียที่ยิ่งใหญ่
ย้อนกลับไปในปี 2012 Melanie Perkins หญิงสาวชาวออสเตรเลียวัย 20 ต้นๆ มองเห็นปัญหาที่หลายคนมองข้าม เครื่องมือออกแบบกราฟิกในสมัยนั้นทั้งยุ่งยากและราคาแพง ไม่ว่าจะเป็น Photoshop หรือ Illustrator ผู้ใช้ต้องมีทักษะเฉพาะและงบประมาณที่สูงเพื่อเข้าถึงเครื่องมือเหล่านี้ Melanie ซึ่งขณะนั้นยังเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย ตัดสินใจเปลี่ยนปัญหานี้ให้เป็นโอกาส เธอเริ่มต้น Canva จากห้องนั่งเล่นของครอบครัว โดยมีเป้าหมายชัดเจน: สร้างแพลตฟอร์มที่ทำให้ทุกคนสามารถออกแบบได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นเจ้าของธุรกิจ นักเรียน หรือคนที่ไม่เคยแตะงานดีไซน์มาก่อน
จากจุดเริ่มต้นที่เรียบง่าย Canva เติบโตอย่างรวดเร็ว ปัจจุบัน Canva เป็นเครื่องมือออกแบบที่ได้รับความนิยมในกว่า 190 ประเทศ มีผู้ใช้มากกว่า 135 ล้านคนทั่วโลก และกลายเป็นหนึ่งในสตาร์ตอัพที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก สิ่งที่น่าทึ่งคือ การเติบโตนี้ไม่ได้มาจากการ “เผาเงิน” ยิงแอดโฆษณา แต่มาจากกลยุทธ์ที่ชาญฉลาดและการมุ่งเน้นที่ผู้ใช้เป็นศูนย์กลาง มาดูกันว่า Melanie ทำอย่างไร!
4 กลยุทธ์ที่ทำให้ Canva โตแบบไม่ต้องเผาเงิน
แม้จะไม่มีงบมหาศาลในการโฆษณา แต่ Canva กลับเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วย 4 กลยุทธ์หลัก ที่เน้นการสร้างคุณค่าและเติบโตจาก “การบอกต่อ” เป็นหลัก
1. แก้ปัญหาผู้ใช้: สร้างผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ pain point
ทุกธุรกิจที่ยิ่งใหญ่เริ่มต้นจากปัญหา และ Canva ก็เช่นกัน Melanie สังเกตว่าเครื่องมือออกแบบในยุคนั้นใช้งานยากและไม่เป็นมิตรกับผู้ใช้ทั่วไป เธอจึงตั้งใจสร้างแพลตฟอร์มที่แก้ pain point นี้โดยตรง Canva ถูกออกแบบให้ใช้งานง่าย มีเทมเพลตสำเร็จรูปที่หลากหลาย และราคาที่เข้าถึงได้ (รวมถึงมีตัวเลือกฟรี) ทำให้ทุกคนตั้งแต่เจ้าของร้านกาแฟไปจนถึงทีมการตลาดของบริษัทยักษ์ใหญ่สามารถสร้างงานออกแบบที่ดูเป็นมืออาชีพได้ในไม่กี่คลิก!
2. ใช้งานง่าย: ออกแบบเครื่องมือที่ทุกคนเข้าถึงได้ ชวนบอกต่อ
หนึ่งในเหตุผลที่ Canva เติบโตแบบก้าวกระโดดคือความเรียบง่าย แพลตฟอร์มนี้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานได้ทันทีโดยไม่ต้องมีประสบการณ์ด้านการออกแบบ ผู้ใช้สามารถลากวาง (drag-and-drop) เพื่อสร้างงานออกแบบได้อย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นโปสเตอร์ โพสต์โซเชียลมีเดีย หรือพรีเซนเทชัน ความง่ายนี้ไม่เพียงแค่ดึงดูดผู้ใช้ใหม่ แต่ยังกระตุ้นให้เกิดการบอกต่อ (word-of-mouth) เมื่อผู้ใช้ประทับใจ พวกเขาจะแนะนำ Canva ให้เพื่อนหรือเพื่อนร่วมงาน ซึ่งกลายเป็นกลไกการเติบโตที่ทรงพลังโดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณา
3. พัฒนาจากฟีดแบ็ก: ฟังลูกค้า ปรับปรุงต่อเนื่อง ดึงดูดผู้ใช้ซ้ำ
Canva ไม่เคยหยุดพัฒนา Melanie และทีมงานให้ความสำคัญกับฟีดแบ็กจากผู้ใช้อย่างจริงจัง ไม่ว่าจะเป็นความคิดเห็นในโซเชียลมีเดีย อีเมล หรือรีวิว ทุกคำแนะนำถูกนำมาวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงแพลตฟอร์ม เช่น การเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่างเครื่องมือตัดต่อวิดีโอ หรือการปรับปรุงเทมเพลตให้ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลาย การพัฒนาอย่างต่อเนื่องนี้ทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่า Canva “เข้าใจ” พวกเขา และกลับมาใช้งานซ้ำอย่างต่อเนื่อง
4. ขยายฐานลูกค้าผ่านพันธมิตร: ร่วมมือแพลตฟอร์มใหญ่
แทนที่จะทุ่มงบไปกับโฆษณา Canva เลือกสร้างเครือข่ายพันธมิตรเพื่อขยายฐานลูกค้า พวกเขาร่วมมือกับแพลตฟอร์มยักษ์ใหญ่ เช่น Google Drive, Dropbox และ Slack ทำให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึง Canva ได้โดยตรงจากเครื่องมือที่พวกเขาใช้อยู่แล้ว เช่น การสร้างงานออกแบบจากไฟล์ใน Google Drive หรือแชร์งานออกแบบผ่าน Slack การร่วมมือนี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มการมองเห็น แต่ยังสร้างความน่าเชื่อถือและดึงดูดลูกค้าใหม่โดยไม่ต้องเสียค่าโฆษณา
นอกจากนี้ Canva ยังสร้าง “พลังชุมชน” ผ่านโปรแกรมอย่าง Canva for Education ซึ่งให้ครูและนักเรียนใช้งานฟรี ส่งผลให้เกิดการบอกต่อในวงกว้างในกลุ่มโรงเรียนและมหาวิทยาลัยทั่วโลก
ในยุคที่ทุกคนแย่งกันยิงแอดและค่าโฆษณาที่แพงขึ้นทุกวัน บางที... การกลับไปโฟกัสที่ “คุณค่าจริง” และ“ประสบการณ์ผู้ใช้” อาจเป็นหนทางที่ยั่งยืนกว่าที่คิด
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี