แปลกแต่เจ๋ง! แค่แว่นกันแดดทรงเดียว 2 ปีธุรกิจโต 600%
Share:
TEXT : วิมาลี วิวัฒนกุลพาณิชย์

Main Idea

“Rocket Eyewear” คือแว่นกันแดดที่เกิดจากการร่วมมือของสองพี่น้องชาวสิงคโปร์ ออง เคอ ชิง พี่สาววัย 43 และ ออง เอน มิง น้องชายอายุ 32 โดยแม้จะออกแบบมาแค่ทรงเดียว แต่กลับได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างดีเยี่ยม ส่งผลให้ธุรกิจของพวกเขาเติบโตได้ถึง 600 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงปีแรกและปีที่ 2 ของการดำเนินธุรกิจ และยังขยายตลาดไปต่างประเทศได้อีกด้วย

ปูมหลังของสองพี่น้องคู่นี้คือจบการศึกษาจากฮาร์วาร์ดเหมือนกันโดยพี่สาวจบสถาปัตยกรรม ส่วนน้องชายจบเศรษฐศาสตร์ แรงบันดาลใจที่ทำให้ทั้งคู่สนใจทำธุรกิจแว่นกันแดดมาจากมารดาที่ชอบหลงลืมแว่นและทำหายระหว่างเดินทางท่องเที่ยวตามที่ต่างๆ ส่งผลให้ต้องซื้อแว่นใหม่อยู่ตลอด และทุกครั้งที่ซื้อแว่นใหม่ ลูกๆ สังเกตว่ามารดาจะเลือกแว่นทรงเดิมทรงเดียว คือทรง P3 ซึ่งเป็นทรงที่ออกแบบโดยกองทัพ สหรัฐฯ ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และในทศวรรษ 1950 เซเลบหลายคนนิยมสวมใส่ อาทิ เกรซ เคลลี่ เกรกอรี เพ็ค และเจมส์ ดีน
พี่น้องทั้งสองจึงเกิดไอเดียว่าจะผลิตแว่นกันแดดแบบที่มารดาชมชอบเพื่อมารดาได้ใช้ และเพื่อจำหน่าย ใช้เวลา 9 เดือนเต็มในการเตรียมการต่างๆ รวมถึงการหาโรงงานผลิตซึ่งก็ได้โรงงานในเซี่ยงไฮ้ที่เชี่ยวชาญด้านการผลิตแว่นตามานาน 30 ปี และยังผลิตให้แบรนด์ดังระดับโลกหลายแบรนด์ ที่สำคัญโรงงานที่ว่าเจ้าของเป็นเพื่อนกับครอบครัวของพี่น้องตระกูลออง จึงทำให้การเจรจาเป็นเรื่องง่าย และไว้วางใจได้
แว่นกันแดดภายใต้แบรนด์ Rocket Eyewear เริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 23 กันยายน 2560 ชิมลางตลาดด้วยสินค้าล็อตแรกด้วยจำนวน 3,800 อัน ซึ่งแว่นทุกอันล้วนเป็นทรง P3 ทั้งหมด ต่างแค่ลวดลายและสีของกรอบเท่านั้น ผลคือได้รับการตอบรับดีเกินคาด กระทั่งสื่อ เช่น ช่องนิวเอเชียเรียกขานว่าเป็นแบรนด์แว่นกันแดดที่ร้อนแรงในสิงคโปร์ ส่วนนิตยสารฮาร์เปอร์ส บาซาร์รายงานว่า เป็นแว่นที่คนในวงการแฟชั่นต่างพูดถึง
ยิ่งโฟกัสยิ่งผลิตง่าย ได้ลูกค้าตรงกลุ่ม
มิงให้สัมภาษณ์ว่าในขณะที่แบรนด์อื่นทุ่มเทพลังงานให้กับการออกแบบแว่นกันแดดหลากหลายรูปทรง แต่ Rocket Eyewear โฟกัสที่ดีไซน์เดียวเพื่อให้ง่ายต่อการผลิต และแทนที่จะเหวี่ยงแหออกแบบแว่นหลายๆ ทรงเพื่อเอาใจลูกค้าทุกกลุ่ม Rocket Eyewear เลือกผลิตแว่นทรงเดียวเพื่อจับกลุ่มคนที่ชอบ P3 จริงๆ โดยผลิตออกมา 2 รุ่นคือสำหรับโครงหน้าคนเอเชีย และสำหรับโครงหน้าชาวตะวันตกเนื่องจากในสิงคโปร์เป็นประเทศหลากเชื้อชาติ และมีชาวตะวันตกเข้ามาทำงานมาก นี่จึงเป็นอีกจุดขายหนึ่งของ Rocket Eyewear

สำหรับราคาที่วางจำหน่าย อยู่ระหว่าง 149-169 เหรียญสิงคโปร์ สำหรับลูกค้าหลายคนอาจมองว่าราคาสูง แต่ มิงอธิบายว่าเป็นเพราะสินค้ามีคุณภาพสูงและเป็นเกรดพรีเมียม เลนส์ที่ใช้เป็น CR39 เลนส์พลาสติกโพลิเมอร์คุณภาพสูง และเป็นเลนส์ Polarized ที่มีคุณสมบัติกรองแสง ลดแสงจ้าและแสงสะท้อน การตั้งราคาจึงสะท้อนตำแหน่งของสินค้าในตลาด นับตั้งแต่วางจำหน่าย ลูกค้าราว 450 เข้ามาให้คะแนน 5 ดาวด้วยความพึงพอใจในสินค้า

ในส่วนของการบริหารธุรกิจ มิง ผู้เป็นน้องชายรับหน้าที่บริหารงานทั้งหมด ส่วนพี่สาวดูแลเรื่องการออกแบบผลิตภัณฑ์ มิงเผยผลการดำเนินธุรกิจโตถึง 600 เปอร์เซ็นต์ ในช่วง 2 ปีแรก และปี 2561 ที่ผ่านมามีการขยายตลาดไปยัง 20 กว่าประเทศ รวมถึงมาเลเซีย บราซิล ออสเตรเลีย สหรัฐฯ และไทย โดยออสเตรเลียและสหรัฐฯ เป็นตลาดใหญ่ที่สุด ความจริงแล้วยุโรปก็เป็นอีกตลาดหนึ่งที่มีศักยภาพแต่ติดปัญหาที่ภาษีในการจัดส่งจากสิงคโปร์ไปยุโรปนั้นสูงมาก
แม้จะเป็นแบรนด์แว่นตาที่จำหน่ายทางออนไลน์ แต่ Rocket Eyewear ก็มีวางจำหน่ายตามร้านตัวแทน รวมถึงร้านที่โรงแรมโคโม่ โฮเทล และโฟร์ซีซั่นในบาหลี ภูเก็ต มัลดีฟส์ และหมู่เกาะเติร์กและเคคอส อีกด้วย
อ้างอิง : https://vulcanpost.com/659615/rocket-eyewear-singapore/
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

Main Idea
- ในขณะที่แบรนด์อื่นทุ่มเทสรรพกำลังไปกับการออกแบบสินค้าหลายรูปทรงเพื่อเอาใจลูกค้าทุกกลุ่ม แต่กับบางแบรนด์ยืนหยัดออกแบบแค่รูปทรงเดียว แต่ก็ทำให้ธุรกิจโตได้อย่างต่อเนื่อง
- เช่นเดียวกับแบรนด์ Rocket Eyewear พวกเขาโฟกัสที่ดีไซน์เดียวเพื่อเอาใจลูกค้าที่ชื่นชอบจริงๆ จนกลายเป็นจุดขาย ทำให้ได้รับการตอบรับดีเกินคาด และยังกลายเป็นแว่นที่คนในวงการแฟชั่นต่างพูดถึงอีกด้วย

“Rocket Eyewear” คือแว่นกันแดดที่เกิดจากการร่วมมือของสองพี่น้องชาวสิงคโปร์ ออง เคอ ชิง พี่สาววัย 43 และ ออง เอน มิง น้องชายอายุ 32 โดยแม้จะออกแบบมาแค่ทรงเดียว แต่กลับได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างดีเยี่ยม ส่งผลให้ธุรกิจของพวกเขาเติบโตได้ถึง 600 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงปีแรกและปีที่ 2 ของการดำเนินธุรกิจ และยังขยายตลาดไปต่างประเทศได้อีกด้วย

ปูมหลังของสองพี่น้องคู่นี้คือจบการศึกษาจากฮาร์วาร์ดเหมือนกันโดยพี่สาวจบสถาปัตยกรรม ส่วนน้องชายจบเศรษฐศาสตร์ แรงบันดาลใจที่ทำให้ทั้งคู่สนใจทำธุรกิจแว่นกันแดดมาจากมารดาที่ชอบหลงลืมแว่นและทำหายระหว่างเดินทางท่องเที่ยวตามที่ต่างๆ ส่งผลให้ต้องซื้อแว่นใหม่อยู่ตลอด และทุกครั้งที่ซื้อแว่นใหม่ ลูกๆ สังเกตว่ามารดาจะเลือกแว่นทรงเดิมทรงเดียว คือทรง P3 ซึ่งเป็นทรงที่ออกแบบโดยกองทัพ สหรัฐฯ ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 และในทศวรรษ 1950 เซเลบหลายคนนิยมสวมใส่ อาทิ เกรซ เคลลี่ เกรกอรี เพ็ค และเจมส์ ดีน
พี่น้องทั้งสองจึงเกิดไอเดียว่าจะผลิตแว่นกันแดดแบบที่มารดาชมชอบเพื่อมารดาได้ใช้ และเพื่อจำหน่าย ใช้เวลา 9 เดือนเต็มในการเตรียมการต่างๆ รวมถึงการหาโรงงานผลิตซึ่งก็ได้โรงงานในเซี่ยงไฮ้ที่เชี่ยวชาญด้านการผลิตแว่นตามานาน 30 ปี และยังผลิตให้แบรนด์ดังระดับโลกหลายแบรนด์ ที่สำคัญโรงงานที่ว่าเจ้าของเป็นเพื่อนกับครอบครัวของพี่น้องตระกูลออง จึงทำให้การเจรจาเป็นเรื่องง่าย และไว้วางใจได้
แว่นกันแดดภายใต้แบรนด์ Rocket Eyewear เริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 23 กันยายน 2560 ชิมลางตลาดด้วยสินค้าล็อตแรกด้วยจำนวน 3,800 อัน ซึ่งแว่นทุกอันล้วนเป็นทรง P3 ทั้งหมด ต่างแค่ลวดลายและสีของกรอบเท่านั้น ผลคือได้รับการตอบรับดีเกินคาด กระทั่งสื่อ เช่น ช่องนิวเอเชียเรียกขานว่าเป็นแบรนด์แว่นกันแดดที่ร้อนแรงในสิงคโปร์ ส่วนนิตยสารฮาร์เปอร์ส บาซาร์รายงานว่า เป็นแว่นที่คนในวงการแฟชั่นต่างพูดถึง

ยิ่งโฟกัสยิ่งผลิตง่าย ได้ลูกค้าตรงกลุ่ม
มิงให้สัมภาษณ์ว่าในขณะที่แบรนด์อื่นทุ่มเทพลังงานให้กับการออกแบบแว่นกันแดดหลากหลายรูปทรง แต่ Rocket Eyewear โฟกัสที่ดีไซน์เดียวเพื่อให้ง่ายต่อการผลิต และแทนที่จะเหวี่ยงแหออกแบบแว่นหลายๆ ทรงเพื่อเอาใจลูกค้าทุกกลุ่ม Rocket Eyewear เลือกผลิตแว่นทรงเดียวเพื่อจับกลุ่มคนที่ชอบ P3 จริงๆ โดยผลิตออกมา 2 รุ่นคือสำหรับโครงหน้าคนเอเชีย และสำหรับโครงหน้าชาวตะวันตกเนื่องจากในสิงคโปร์เป็นประเทศหลากเชื้อชาติ และมีชาวตะวันตกเข้ามาทำงานมาก นี่จึงเป็นอีกจุดขายหนึ่งของ Rocket Eyewear

สำหรับราคาที่วางจำหน่าย อยู่ระหว่าง 149-169 เหรียญสิงคโปร์ สำหรับลูกค้าหลายคนอาจมองว่าราคาสูง แต่ มิงอธิบายว่าเป็นเพราะสินค้ามีคุณภาพสูงและเป็นเกรดพรีเมียม เลนส์ที่ใช้เป็น CR39 เลนส์พลาสติกโพลิเมอร์คุณภาพสูง และเป็นเลนส์ Polarized ที่มีคุณสมบัติกรองแสง ลดแสงจ้าและแสงสะท้อน การตั้งราคาจึงสะท้อนตำแหน่งของสินค้าในตลาด นับตั้งแต่วางจำหน่าย ลูกค้าราว 450 เข้ามาให้คะแนน 5 ดาวด้วยความพึงพอใจในสินค้า

ในส่วนของการบริหารธุรกิจ มิง ผู้เป็นน้องชายรับหน้าที่บริหารงานทั้งหมด ส่วนพี่สาวดูแลเรื่องการออกแบบผลิตภัณฑ์ มิงเผยผลการดำเนินธุรกิจโตถึง 600 เปอร์เซ็นต์ ในช่วง 2 ปีแรก และปี 2561 ที่ผ่านมามีการขยายตลาดไปยัง 20 กว่าประเทศ รวมถึงมาเลเซีย บราซิล ออสเตรเลีย สหรัฐฯ และไทย โดยออสเตรเลียและสหรัฐฯ เป็นตลาดใหญ่ที่สุด ความจริงแล้วยุโรปก็เป็นอีกตลาดหนึ่งที่มีศักยภาพแต่ติดปัญหาที่ภาษีในการจัดส่งจากสิงคโปร์ไปยุโรปนั้นสูงมาก
แม้จะเป็นแบรนด์แว่นตาที่จำหน่ายทางออนไลน์ แต่ Rocket Eyewear ก็มีวางจำหน่ายตามร้านตัวแทน รวมถึงร้านที่โรงแรมโคโม่ โฮเทล และโฟร์ซีซั่นในบาหลี ภูเก็ต มัลดีฟส์ และหมู่เกาะเติร์กและเคคอส อีกด้วย
อ้างอิง : https://vulcanpost.com/659615/rocket-eyewear-singapore/
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
Topics:
Share:
Related Articles
ถอดกลยุทธ์ WOK HEY ร้านอาหารตามสั่งสิงคโปร์ เริ่มจากคน 3 คน เปิด 4 ปี มี 27 สาขา
ร้านจำหน่ายซือชาร์ ประเภทข้าวผัด-หมี่ผัดในสิงคโปร์ เปรียบแล้วก็คล้ายร้านอาหารตามสั่งแบบในไทย แต่ใครจะรู้ว่าชายหนุ่ม 3 คนซึ่งเป็นเพื่อนกันลงขันทำร้าน..
ไม่ไหวอย่าฝืน 305 Fitness ยอมปิดบริการเมื่อเจอโควิด เปลี่ยนรูปแบบธุรกิจ หันปั้นเทรนเนอร์
ในขณะที่ฟิตเนสและสตูดิโอออกกำลังกายหลายร้อยแห่งในนิวยอร์กยังคงดิ้นรนเปิดบริการแม้ต้องเจอกับข้อกำหนดการเว้นระยะห่าง แต่ 305 Fitness กลับตัดสินใจอย่าง..
เวียดนามเจ๋ง! ส่อเค้านำโด่ง ฟื้นตัวเบอร์ 1 กลุ่มประเทศ CLMV ส่งออกไทยมีเฮ
จากการระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจ CLMV แต่ในขณะที่ประเทศอื่น ๆ ทำท่าว่าจะฟื้นตัวได้ช้า แต่เศรษฐกิจเวียดนามกลับมีแนวโน้มเติบโตขึ้..