“Amour Vert” แบรนด์แฟชั่นสายกรีนที่ ‘จำกัด’ จำนวน แต่ไม่จำกัดความยั่งยืนของโลก
Share:
TEXT : กองบรรณาธิการ

Main Idea
4 แนวทางช่วยโลกของแบรนด์แฟชั่น

เมื่อคิดถึงแฟชั่นที่ยั่งยืน มักรู้สึกว่าเราต้องสูญเสียบางอย่าง เช่น ความสะดวกสบายหรือสไตล์ที่หวือหวาออกไป แต่ “Amour Vert” ได้ยกระดับแนวคิดด้วยการสร้างสรรค์เสื้อผ้าที่ทั้งเท่ สะดวกสบาย และดีกว่าสำหรับโลกใบนี้ ด้วยการผลิตสินค้าแต่ละคอลเลกชันในจำนวนจำกัด และปลูกต้นไม้เพิ่มตามจำนวนการสั่งซื้อเสื้อยืด นี่เป็นแค่ 2 วิธีที่ฝั่งผู้บริโภคสัมผัสความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของแบรนด์ได้ ทั้งที่เบื้องลึกเบื้องหลังกว่าที่เสื้อผ้าจะมาถึงมือผู้สวมใส่
พวกเขาทำอะไรไปมากกว่านั้น
Amour Vert เป็นภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่า “Green Love” เป็นชื่อที่เหมาะกับแบรนด์ที่สุดเมื่อพิจารณาจากกระบวนการทำงานตั้งแต่การผลิต สถานที่จัดจำหน่าย ไปจนถึงองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมที่พวกเขาร่วมมือด้วย เห็นได้ชัดว่าความยั่งยืนเป็นหัวใจของแบรนด์นี้

แน่นอนว่าการผลิตจำนวนมากๆ จะทำให้เสื้อผ้าราคาถูกลงสำหรับผู้บริโภค แต่ทว่ากลับไม่ส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม เพราะยิ่งผลิตมากก็ตามมาด้วยขยะจำนวนมากเช่นเดียวกัน เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีการผลิตด้วยมาตรฐานที่สูงและกำจัดขยะส่วนเกินให้ได้มากที่สุด Amour Vert จึงผลิตขึ้นในปริมาณที่ “จำกัด” แทบทุกคอลเลกชันกลายเป็นลิมิเต็ด เอดิชัน เราจึงได้เห็นเสื้อผ้าแบบใหม่ๆ แต่ไม่ตกยุคบนเว็บไซต์อยู่เสมอ หากถูกใจเสื้อผ้าชิ้นไหนควรรีบสั่งซื้อทันที
นอกจากนี้เสื้อผ้า 97 เปอร์เซ็นต์ ของ Amour Vert ผลิตขึ้นในร้านตัดเย็บที่ห่างไปไม่กี่ไมล์จากสำนักงานใหญ่ในซานฟรานซิสโก เพราะการผลิตในท้องถิ่นหมายถึงการขนส่งที่น้อยลง ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยลง ทั้งยังสามารถเยี่ยมชมการทำงานได้ทุกวันเพื่อให้แน่ใจว่าคนทำงานได้รับค่าจ้างและการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม

ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมสิ่งทอมาจากการผลิตเส้นใยและผ้าถึง 60 เปอร์เซ็นต์ Amour Vert จึงทำงานร่วมกับโรงงานเพื่อพัฒนาเนื้อผ้าอันเป็นเอกลักษณ์โดยเริ่มต้นจากเส้นใยและวัตถุดิบที่ยั่งยืนที่สุดเท่าที่จะหาได้ ผลิตจากเส้นใยบีชวูดที่ปลูกและเก็บเกี่ยวอย่างยั่งยืน ผ้าไหมและผ้าฝ้ายออแกนิกที่ไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดน้ำ ยังไม่ใช้สารเคมีหรือยาฆ่าแมลง ขนแกะที่ได้จากการเลี้ยงอย่างมีจริยธรรม ผ้า Tencel ที่ผลิตจากเซลลูโลสของต้นยูคาลิปตัสและ ผ้า Cupro ที่ถักทอจากเศษฝ้ายที่อาจถูกทิ้งลงในหลุมฝังกลบผสมผสานนวัตกรรมเพื่อคุณภาพเนื้อผ้าที่เหนือไปกว่าเดิม

ทุกยอดการสั่งซื้อเสื้อยืด Amour Vert หมายถึงการปลูกต้นไม้ในอเมริกาเหนือเพิ่ม 1 ต้น ผ่าน American Forests ซึ่งเป็นองค์กรที่ทำงานเพื่อปลูกป่าในภูมิภาค จนถึงตอนนี้แบรนด์ได้ปลูกต้นไม้ไปแล้วกว่า 300,000 ต้น และถึงแม้ว่าลูกค้าจะไม่ซื้อเสื้อยืดก็สามารถเพิ่มต้นไม้ลงไปในรถเข็นได้ในราคา 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น

Amour Vert ไม่ได้ผลิตเครื่องประดับและรองเท้าของตัวเอง แต่เป็นพันธมิตรกับแบรนด์ที่ยั่งยืนอื่นๆ วิธีนี้ก็ดีในแง่ที่ได้ส่งเสริมแบรนด์ที่มีเป้าหมายใส่ใจสิ่งแวดล้อมเหมือนกัน อย่าง แบรนด์สนีกเกอร์ Veja และแบรนด์จิวเวลรีที่ได้รับแรงบันดาลใจจากโลก Leslie Francesca เราจึงได้เห็นโปรดักต์ของแบรนด์เหล่านี้ในเว็บไซต์ของ Amour Vert ด้วย
แนวคิดดีๆ แบบนี้ SME บ้านเราก็เอาไปทำได้นะ
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

Main Idea
4 แนวทางช่วยโลกของแบรนด์แฟชั่น
- ผลิตจำนวนน้อยอย่างใส่ใจ เพื่อให้แน่ใจในคุณภาพและประสิทธิภาพการจัดการขยะ
- ใช้แรงงานท้องถิ่นในการผลิตเพื่อให้ง่ายต่อการขนส่ง และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
- ใช้วัตถุดิบผลิตเส้นใยจากแหล่งการปลูกที่ยั่งยืน
- จับมือเป็นพันธมิตรกับแบรนด์ที่มีเป้าหมายเดียวกัน เพื่อสนับสนุนกันและเอื้อกันในเรื่องการทำการตลาด

เมื่อคิดถึงแฟชั่นที่ยั่งยืน มักรู้สึกว่าเราต้องสูญเสียบางอย่าง เช่น ความสะดวกสบายหรือสไตล์ที่หวือหวาออกไป แต่ “Amour Vert” ได้ยกระดับแนวคิดด้วยการสร้างสรรค์เสื้อผ้าที่ทั้งเท่ สะดวกสบาย และดีกว่าสำหรับโลกใบนี้ ด้วยการผลิตสินค้าแต่ละคอลเลกชันในจำนวนจำกัด และปลูกต้นไม้เพิ่มตามจำนวนการสั่งซื้อเสื้อยืด นี่เป็นแค่ 2 วิธีที่ฝั่งผู้บริโภคสัมผัสความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของแบรนด์ได้ ทั้งที่เบื้องลึกเบื้องหลังกว่าที่เสื้อผ้าจะมาถึงมือผู้สวมใส่
พวกเขาทำอะไรไปมากกว่านั้น
Amour Vert เป็นภาษาฝรั่งเศสที่แปลว่า “Green Love” เป็นชื่อที่เหมาะกับแบรนด์ที่สุดเมื่อพิจารณาจากกระบวนการทำงานตั้งแต่การผลิต สถานที่จัดจำหน่าย ไปจนถึงองค์กรด้านสิ่งแวดล้อมที่พวกเขาร่วมมือด้วย เห็นได้ชัดว่าความยั่งยืนเป็นหัวใจของแบรนด์นี้

ผลิตอย่างจำกัด
แน่นอนว่าการผลิตจำนวนมากๆ จะทำให้เสื้อผ้าราคาถูกลงสำหรับผู้บริโภค แต่ทว่ากลับไม่ส่งผลดีต่อสิ่งแวดล้อม เพราะยิ่งผลิตมากก็ตามมาด้วยขยะจำนวนมากเช่นเดียวกัน เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีการผลิตด้วยมาตรฐานที่สูงและกำจัดขยะส่วนเกินให้ได้มากที่สุด Amour Vert จึงผลิตขึ้นในปริมาณที่ “จำกัด” แทบทุกคอลเลกชันกลายเป็นลิมิเต็ด เอดิชัน เราจึงได้เห็นเสื้อผ้าแบบใหม่ๆ แต่ไม่ตกยุคบนเว็บไซต์อยู่เสมอ หากถูกใจเสื้อผ้าชิ้นไหนควรรีบสั่งซื้อทันที
นอกจากนี้เสื้อผ้า 97 เปอร์เซ็นต์ ของ Amour Vert ผลิตขึ้นในร้านตัดเย็บที่ห่างไปไม่กี่ไมล์จากสำนักงานใหญ่ในซานฟรานซิสโก เพราะการผลิตในท้องถิ่นหมายถึงการขนส่งที่น้อยลง ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยลง ทั้งยังสามารถเยี่ยมชมการทำงานได้ทุกวันเพื่อให้แน่ใจว่าคนทำงานได้รับค่าจ้างและการปฏิบัติอย่างเป็นธรรม

เนื้อผ้าแบบซิกเนเจอร์
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นในอุตสาหกรรมสิ่งทอมาจากการผลิตเส้นใยและผ้าถึง 60 เปอร์เซ็นต์ Amour Vert จึงทำงานร่วมกับโรงงานเพื่อพัฒนาเนื้อผ้าอันเป็นเอกลักษณ์โดยเริ่มต้นจากเส้นใยและวัตถุดิบที่ยั่งยืนที่สุดเท่าที่จะหาได้ ผลิตจากเส้นใยบีชวูดที่ปลูกและเก็บเกี่ยวอย่างยั่งยืน ผ้าไหมและผ้าฝ้ายออแกนิกที่ไม่เพียงแต่ช่วยประหยัดน้ำ ยังไม่ใช้สารเคมีหรือยาฆ่าแมลง ขนแกะที่ได้จากการเลี้ยงอย่างมีจริยธรรม ผ้า Tencel ที่ผลิตจากเซลลูโลสของต้นยูคาลิปตัสและ ผ้า Cupro ที่ถักทอจากเศษฝ้ายที่อาจถูกทิ้งลงในหลุมฝังกลบผสมผสานนวัตกรรมเพื่อคุณภาพเนื้อผ้าที่เหนือไปกว่าเดิม

ซื้อ 1 (แถม) ปลูก 1
ทุกยอดการสั่งซื้อเสื้อยืด Amour Vert หมายถึงการปลูกต้นไม้ในอเมริกาเหนือเพิ่ม 1 ต้น ผ่าน American Forests ซึ่งเป็นองค์กรที่ทำงานเพื่อปลูกป่าในภูมิภาค จนถึงตอนนี้แบรนด์ได้ปลูกต้นไม้ไปแล้วกว่า 300,000 ต้น และถึงแม้ว่าลูกค้าจะไม่ซื้อเสื้อยืดก็สามารถเพิ่มต้นไม้ลงไปในรถเข็นได้ในราคา 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ เท่านั้น

จับมือกับพันธมิตรสีเขียว
Amour Vert ไม่ได้ผลิตเครื่องประดับและรองเท้าของตัวเอง แต่เป็นพันธมิตรกับแบรนด์ที่ยั่งยืนอื่นๆ วิธีนี้ก็ดีในแง่ที่ได้ส่งเสริมแบรนด์ที่มีเป้าหมายใส่ใจสิ่งแวดล้อมเหมือนกัน อย่าง แบรนด์สนีกเกอร์ Veja และแบรนด์จิวเวลรีที่ได้รับแรงบันดาลใจจากโลก Leslie Francesca เราจึงได้เห็นโปรดักต์ของแบรนด์เหล่านี้ในเว็บไซต์ของ Amour Vert ด้วย
แนวคิดดีๆ แบบนี้ SME บ้านเราก็เอาไปทำได้นะ
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
Topics:
Share:
Related Articles
ถอดกลยุทธ์ WOK HEY ร้านอาหารตามสั่งสิงคโปร์ เริ่มจากคน 3 คน เปิด 4 ปี มี 27 สาขา
ร้านจำหน่ายซือชาร์ ประเภทข้าวผัด-หมี่ผัดในสิงคโปร์ เปรียบแล้วก็คล้ายร้านอาหารตามสั่งแบบในไทย แต่ใครจะรู้ว่าชายหนุ่ม 3 คนซึ่งเป็นเพื่อนกันลงขันทำร้าน..
ไม่ไหวอย่าฝืน 305 Fitness ยอมปิดบริการเมื่อเจอโควิด เปลี่ยนรูปแบบธุรกิจ หันปั้นเทรนเนอร์
ในขณะที่ฟิตเนสและสตูดิโอออกกำลังกายหลายร้อยแห่งในนิวยอร์กยังคงดิ้นรนเปิดบริการแม้ต้องเจอกับข้อกำหนดการเว้นระยะห่าง แต่ 305 Fitness กลับตัดสินใจอย่าง..
เวียดนามเจ๋ง! ส่อเค้านำโด่ง ฟื้นตัวเบอร์ 1 กลุ่มประเทศ CLMV ส่งออกไทยมีเฮ
จากการระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจ CLMV แต่ในขณะที่ประเทศอื่น ๆ ทำท่าว่าจะฟื้นตัวได้ช้า แต่เศรษฐกิจเวียดนามกลับมีแนวโน้มเติบโตขึ้..