นายกฯ ดันอุตสาหกรรมอัญมณีและเครื่องประดับ มั่นใจโตได้
Share:
นายกประยุทธ์ เปิดงานแสดงสินค้าบางกอกเจมส์ ย้ำหนุนอุตสาหกรรมอัญมณีส่งออกท็อป 3 ของประเทศ ด้านสมาพันธ์อัญมณีฯ มั่นใจส่งออกทั้งปีโต 3%
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการเปิดงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ (Bangkok Gems and Jewelry Fair) ครั้งที่ 56 ที่จัดโดยกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์และสมาคมผู้ค้าอัญมณีไทยและเครื่องประดับว่า ไทยต้องใช้ช่วงเวลาของการรวมตัวเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC เชื่อมโยงวัตถุดิบ และแรงงานฝีมือจากประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาผลักดันอุตสาหกรรมอัญมณี ไปสู่ตลาดโลก เพราะเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่สนับสนุนการส่งออกภาพรวมที่รัฐบาลกำลังผลักดันทุกอุตสาหกรรมใหัเดินหน้าไปได้ โดยในปีที่ผ่านมาอัญมณีเป็นสินค้าส่งออกอันดับ 3 ของประเทศ 3.4 แสนล้านบาท
"ขอให้รักษาคุณภาพและพัฒนานวัตกรรมในการผลิตสินค้าให้มีความแตกต่าง โดยยืนยันว่ารัฐบาลจะส่งเสริมอุตสาหกรรมอัญมณีให้เติบโต อีกทั้งได้สั่งการให้กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับภาคเอกชน เร่งเปิดตลาดอัญมณีโดยเฉพาะในแอฟริกาจากเดิมที่ส่งออกสินค้าเกษตรระหว่างกันอยู่แล้ว"
ทั้งนี้ไทยเป็นผู้ส่งออกสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับมากที่สุดติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก โดยในครึ่งปีแรกปีนี้ (ม.ค.-มิ.ย.) สร้างรายได้ให้กับไทยสูงถึง 5,334 ล้านเหรียญสหรัฐหรือ 187,760 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 4.99 ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมด
สำหรับงาน Bangkok Gems จะจัดขึ้นปีละ 2 ครั้ง ซึ่งได้มีการเปิดให้พบปะเจรจาการค้าระหว่างผู้ผลิต ผู้ประกอบการนักออกแบบในการหาพันธมิตรทางธุรกิจร่วมกันนี้คาดว่าจะมีผู้ร่วมออกงานกว่า 1,500 รายจาก 160 ประเทศมากกว่า 30,000 ราย และคาดว่าจะสรางมูลค่าภายในงาน 30,000 ล้านบาท จากการจัดงานครั้งที่ผ่านมาสร้างรายได้ 28,000 ล้านบาท
ด้านนายสมชาย พรจินดารักษ์ ประธานสมาพันธ์อัญมณีเครื่องประดับและโลหะมีค่าแห่งประเทศไทย คาดว่าสิ้นปีนี้การส่งออกอัญมณีในภาพรวมจะขยายตัว 3% เพราะมั่นใจว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯจะกลับมาดีขึ้นและจีนจะยังมีเศรษฐกิจที่มั่นคงแข็งแรง ซึ่งจีนจะยังเป็นตลาดที่สำคัญรวมถึงอินเดียด้วย ทั้งนี้ ในช่วง 2 ไตรมาสแรกของปี 2558 การส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับ ไม่รวมทองคำยังคงขยายตัว 1% จากเศรษฐกิจโลกในช่วงที่ผ่านมาประสบปัญหา โดยเฉพาะจีน ยุโรป มีเพียงสหรัฐฯที่ยังขยายตัวอยู่ 4%
"ภาวะค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงมาอยู่ที่ประมาณ 36 บาทต่อเหรียญสหรัฐ อาจส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการที่นำเข้าวัตุดิบบางเล็กน้อย แต่เชื่อว่าจะสามารถปรับตัวได้ แต่หากค่าเงินบาทยังอยู่ในระดับ 36-37 บาทต่อเหรียญสหรัฐฯ จะยังเป็นระดับที่ส่งผลดีต่อการส่งออกไทย"
ที่มา ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
Topics:
Share:
Related Articles
AP ยืนหนึ่งผู้นำด้านบริหารจัดการโครงการอสังหาฯ เพื่อการอยู่อาศัยครบวงจร
AP ยิ้มรับความสำเร็จหลัง SMART (สมาร์ท) บริษัทผู้นำธุรกิจพร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ ในเครือ “คว้า ISO 41001:2018” มาตรฐานใหม่ของการให้บริการด้านการบร..
“สุริยะ” สั่งการ กสอ. ออกมาตรการเยียวยาลูกหนี้เงินทุนฯ เพิ่มสภาพคล่องกว่า 2,300 กิจการ
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) ออกมาตรการเยียวยาลูกหนี้เงินทุน กว่า 2,300 กิจการ ประกอบด้วย การพักชำระหนี้สูงสุด 12 เดือนสำหรับลูกหนี้ชั้นดี พักชำระหน..
บริดจสโตน ส่งมอบสนามกีฬาบริดจสโตน ผ่านโครงการ B-Active สร้างพื้นที่ขับเคลื่อนคุณภาพชีวิตของเด็กไทย
บริษัท ไทยบริดจสโตน จำกัด ในฐานะผู้นำด้านการผลิตยางรถยนต์อันดับหนึ่งในประเทศไทย เดินหน้าส่งมอบสนามกีฬาบริดจสโตนในโครงการ B-Active แห่งที่ 3 ณ โรงเรี..