ทิสโก้ระบุ 'ทรัมป์' คว้าชัย! กดดันตลาดหุ้น ด้าน 'ทอง-เยน-บอนด์' ได้ปัจจัยหนุนระยะสั้น
Share:
กูรูทิสโก้เตือน ทรัมป์ คว้าชัยเลือกตั้งสหรัฐฯ กดดันตลาดหุ้นกลุ่มตลาดเกิดใหม่ แต่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะ Outperform ส่วน “ทอง-เยน-บอนด์” จะได้รับแรงหนุนทุนไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย แต่อาจเกิดขึ้นในระยะสั้นๆ แนะจับตาการดำเนินนโยบายของทรัมป์ในระยะยาว
นายคมศร ประกอบผล หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและกลยุทธ์ทิสโก้(Mr. Komsorn Prakobpol, Head of Strategy Unit, TISCO Economic Strategy Unit: TISCO ESU)กล่าวว่า
ชัยชนะของนายโดนัล ทรัมป์ ผู้สมัครพรรครีพับลิกัน น่าจะกดดันราคาสินทรัพย์เสี่ยง โดยเฉพาะตลาดหุ้นในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ ซึ่งจะถูกกระทบจากนโยบายกีดกันทางการค้า เช่น การตั้งกำแพงภาษีนำเข้าสินค้าโดยเฉพาะจากจีน และเสนอให้ทบทวนข้อตกลงทางการค้า ทั้ง NAFTA (North American Free Trade Agreement) และWTO (World Trade Organization) ใหม่อีกครั้ง นโยบายดังกล่าวนับเป็นความเสี่ยงที่สำคัญต่อเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่การค้าโลกอยู่ในภาวะซบเซา
ด้าน ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ น่าจะอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับค่าเงินเยน และยูโร แต่จะแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับค่าเงินบาทและเงินสกุลอื่นๆ ในตลาดเกิดใหม่ ส่วนทองคำ ค่าเงินเยน และพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ น่าจะได้รับผลบวกจากกระแสเงินทุนที่ไหลเข้าสินทรัพย์ปลอดภัย
ราคาน้ำมันน่าจะได้รับผลบวกจากท่าทีที่แข็งกร้าวขึ้นของสหรัฐฯ ต่อกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง โดยนายทรัมป์อาจพิจารณายกเลิกข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่าน ซึ่งจะส่งผลให้อิหร่านต้องลดการส่งออกน้ำมันลงและทำให้อุปทานน้ำมันในตลาดโลกกลับมาตึงตัวขึ้น ส่วนราคาถ่านหินจะได้รับผลบวกจากนโยบายสนับสนุนการใช้ถ่านหิน ซึ่งในทางกลับกันจะส่งผลลบต่อราคาก๊าซธรรมชาติซึ่งเป็นสินค้าทดแทน
เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในภาพรวมอาจได้ผลบวกจากมาตรการกระตุ้นทางการคลัง เช่น การลดภาษี ซึ่งนายทรัมป์เสนอให้ลดอัตราภาษีรายได้บุคคลธรรมดาขั้นสูงสุดลงเป็น 25% จาก 39.6% และลดภาษีนิติบุคคลลงเป็น15% จาก 35% ซึ่งนโยบายดังกล่าวน่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในระยะสั้น แต่ในระยะยาวการลดภาษีลงต่ำเกินไปก็อาจเป็นการเพิ่มหนี้ภาครัฐ และเป็นความเสี่ยงต่อฐานะการคลัง ซึ่งอาจทำให้ต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้นในอนาคต
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ น่าจะ Outperform ตลาดหุ้นอื่นๆ เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ที่กลับมาอ่อนค่า ประกอบกับนโยบายลดภาษีจะช่วยสนับสนุนกำไรของบริษัทจดทะเบียน ในขณะที่ตลาด Emerging Market จะถูกกดันจากความเสี่ยงต่อการค้าโลกจากนโยบายของนายทรัมป์ และปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ ในช่วงที่เหลือของปี เช่น การทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญของอิตาลี ในวันที 4 ธ.ค. และการประชุม Fed ในวันที่ 14 ธ.ค. ซึ่งเราคาดว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ย 25bps
อย่างไรก็ดีการเคลื่อนไหวของตลาดดังกล่าวอาจเป็นแค่เพียงระยะสั้น แต่ในระยะยาวเรายังต้องจับตามองว่านโยบายต่างๆ ที่นายทรัมป์ เสนอไว้ในช่วงหาเสียงจะสามารถนำไปปฎิบัติจริงได้มากน้อยเพียงใด

Topics:
Share:
Related Articles
ทรู 5G แชร์ประสบการณ์อัจฉริยะขั้นสุด ใน “CAPTURE YOUR EPIC TRUE 5G MOMENT
ทรู 5G ล้ำสุดในไทย จัดเต็มสร้างประสบการณ์อัจฉริยะขั้นสุดกับ ‘CAPTURE YOUR EPIC TRUE 5G MOMENT’ กิจกรรมสุดเอ็กซ์คลูซีฟต้อนรับการเปิดตัว Samsung Galax..
Buzzebees ผนึก Sabuy ทรานส์ฟอร์มธุรกิจค้าปลีก สร้าง Synergy Model ภายใต้ชื่อ บริษัท สบาย เอ็กเชนจ์ จำกัด
บัซซี่บีส์ และ SABUY ได้จับมือร่วมทุนด้วยสัดส่วน 50:50 โดยได้ร่วมดำเนินการจัดตั้งบริษัทใหม่ ภายใต้ชื่อ “บริษัท สบาย เอ็กเชนจ์ จำกัด” เติมเต็มในการสร..
EXIM BANK เติบโตก้าวกระโดดในรอบ 5 ปีจากการปรับองค์กรครั้งใหญ่เพื่อเป็นผู้นำ ‘องค์กรการเงินเพื่อการส่งออก’ ระดับโลก
แม้ปี 2563 ต้องเผชิญความท้าทายจากผลกระทบของการแพร่ระบาดโควิด-19 EXIM BANK ยังมีผลการดำเนินงานที่น่าพอใจและเป็นไปตามเป้าหมาย เป็นผู้นำองค์กรการเงินเพ..