Wear Space ผู้ช่วยแนวใหม่ เพิ่มสมาธิให้กับคนทำงาน
Share:


ด้วยการออกแบบออฟฟิศในปัจจุบันที่เน้นการเปิดโล่งและเปิดโอกาสให้พนักงานทำการสนทนาได้อย่างเป็นอิสระเพื่อสรรหาไอเดียต่างๆ รวมไปถึงการมาของเทรนด์ Co-Working Space สังคมการทำงานของคนรุ่นใหม่ที่ใครๆก็มานั่งทำงานด้วยกันได้ ทำให้การทำงานแบบมีโต๊ะประจำและเป็นส่วนตัวเริ่มลางเลือนไป เสียงและภาพจากผู้ร่วมงานที่เกิดขึ้นจึงสามารถเข้าไปลดประสิทธิภาพการทำงานของใครบางคนได้
เพราะเล็งเห็นถึงปัญหาตรงนี้ Future Life Factory สตูดิโอออกแบบของบริษัทชื่อดังจากญี่ปุ่นอย่าง Panasonic จึงร่วมมือกับดีไซเนอร์ Kunihiko Morinaga ทำการคิดค้น Wear Space อุปกรณ์ที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มสมาธิให้กับคนทำงานด้วยการใช้เทคโนโลยีตัดเสียงรบกวนหรือ Noise-Cancelling Technology
โดยการออกแบบของตัวไอเทมนั้นมีคอนเซปต์เหมือนกับเครื่องปิดตาม้า (Horse Blinkers) ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้เห็นเฉพาะสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้นหรือไม่สามารถเห็นสิ่งที่อยู่รอบข้างได้นั่นเอง ตัวอุปกรณ์มาในลักษณะทรงโค้งที่ทำมาจากวัสดุที่มีความยืดหยุ่นเพื่อให้สามารถยึดรอบศีรษะของผู้ใช้ได้ โดยการมองเห็นของผู้ใช้สามารถปรับได้ตามการขยายออกหรือหุบเข้าของตัวอุปกรณ์ซึ่งขึ้นอยู่กับระดับสมาธิที่ผู้ใช้ต้องการ ทางบริษัทคาดว่าผู้ช่วยแนวใหม่นี้จะสามารถควบคุมการมองเห็นหรือทัศนวิสัยของผู้ใช้ได้ถึง 60 เปอร์เซ็นต์

นอกจากนี้ ภายในแถบโค้งของ Wear Space จะมีหูฟังที่เป็นตัวช่วยตัดเสียงรบกวนพร้อมกับฟีเจอร์การตัดเสียง 3 ระดับขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม และสามารถทำการเชื่อมต่อ Wireless และ Bluetooth ได้ รวมไปถึงสมาร์ทโฟนและคอมพิวเตอร์เพื่อเลือกฟังเสียงที่ช่วยผ่อนคลายในการทำงานและเพลงโปรดที่ชอบได้
“เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของออฟฟิศแบบเปิดหรือ Open-plan Offices ที่ห้องจะดูโล่งๆ มีโต๊ะตัวยาวๆ ทุกคนสามารถเห็นหรือทำการพูดคุยกันได้หมด ส่งผลให้คนทำงานต้องการพื้นที่ส่วนตัวที่พวกเขาสามารถจะโฟกัสงานที่อยู่ตรงหน้าได้มากขึ้น และตัว Wear Space นั้นก็ทำขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ในเรื่องนี้”
ถือเป็นอีกหนึ่งโปรดักต์ที่หยิบเอาเทคโนโลยีอย่างการตัดเสียงรบกวนมาช่วยแก้ปัญหาให้กับคนวัยทำงานที่ต้องการสมาธิท่ามกลางเสียงจอแจในออฟฟิศ ซึ่งนอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อตัวพนักงานเองแล้วยังดีต่อบริษัทและองค์กรอีกด้วย

รู้สักนิด! 4 ข้อเสียของเสียงรบกวนในที่ทำงาน
1. สร้างความเครียด
ไม่ใช่แค่เส้นตายส่งงานหรือนโยบายของบริษัทเท่านั้นที่จะทำให้พนักงานรู้สึกเครียด “เสียง” ก็เป็นหนึ่งในนั้น ยิ่งดัง ยิ่งนาน ยิ่งส่งผลต่อการเกิดความเครียด ความดันและอัตราการเต้นของหัวใจ แม้จะเป็นเพียงเสียงโทรศัพท์หรือการพูดคุยสนทนาก็สามารถส่งผลต่อจังหวะและอัตราการเต้นของหัวใจได้ ที่สำคัญยังทำให้ต้องใช้พลังในการทำงานมากขึ้นเพราะต้องพยายามรวบรวมสมาธิและเมินเสียงดังต่างๆ
2. ลดประสิทธิภาพการทำงาน
ประสิทธิภาพการทำงานของคนจะลดลงได้ถึง 66 เปอร์เซ็นต์หากมีคนมาคุยอยู่ใกล้ๆ จากการศึกษาของ British Journal of Psychology พบว่า ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหรือเขียนที่ทำให้เกิดเสียงก็สามารถลดศักยภาพและประสิทธิภาพของการทำงานได้

3. รบกวนสมาธิ
งานวิจัยหลายชิ้นแสดงให้เห็นว่าเสียงที่น่ารำคาญและอันตรายที่สุดก็คือ เสียงคุยกันของคนอื่น ซึ่งด้วยลักษณะของออฟฟิศแบบเปิดซึ่งไม่มีที่กั้น (Partition) และคอกทำงาน (Cubicle) นั้น จึงกลายมาเป็นปัญหารบกวนสมาธิการทำงานสำหรับคนทำงานอย่างหนึ่ง
4. เพิ่มความยากให้กับการทำงานแบบ Multitasking
ยิ่งตั้งใจจะทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกันมากเท่าไร ยิ่งวอกแวกตามเสียงที่ได้ยินมากเท่านั้น โดย Anthony Wagner นักประสาทวิทยาจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด บอกว่า คนที่ทำงานแบบ Multitasking นั้น ไม่เพียงแต่จะเสียสมาธิจากเสียงต่างๆได้ง่าย แต่มันจะยิ่งยากขึ้นสำหรับพวกเขาในการที่จะกลับมาโฟกัสงานเดิมอีกครั้ง
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
Topics:
Share:
Related Articles
จับตา “Double Disruption” ตัวปลุกเทรนด์ดิจิทัลปี ‘64 กับ 4 เรื่องที่ SME ต้องใช้!
ธุรกิจในตอนนี้กำลังเจอกับ Double Disruptions ซึ่งจะอยู่กับเราต่อไปอีกยาวแม้จะหมดจากโควิดไปแล้วก็ตาม และนี่คือ 9 เทรนด์เทคโนโลยีแห่งอนาคตที่เชื่อมโยง..
ไม่ต้องเก่งทุกอย่างทำทุกฟังก์ชั่น เพราะยุคใหม่เขาชนะกันที่ Data Ecosystem
ทำทุกอย่าง พยายามเก่งมันทุกเรื่อง และคาดหวังว่าทุกสิ่งจะคงอยู่ถาวรตลอดไป ความเชื่อทั้งหมดนี้คือ “หลุมพราง” และช่องว่างมรณะ (The Death Gap) ที่นำพาหล..
Epson ใช้เทคโนโลยีพรินเตอร์ช่วยโลก “Wheel for Wild” ปั่นพิทักษ์ป่า รักษาความยั่งยืนให้สังคมไทย
เอปสัน ประเทศไทย บริษัทฯ ได้ขยายขอบเขตของงานซีเอสอาร์มาด้าน Life on Land จัดกิจกรรม Wheel for Wild เพื่อรณรงค์ให้คนไทยตระหนักถึงความสำคัญในการป้องกั..