Iron Ox ผุดไอเดียล้ำ ใช้หุ่นยนต์ทำฟาร์ม รับเกษตรกรรมยุคใหม่
Share:


Cr : Iron Ox
แม้การใช้เครื่องจักรในการเกษตรจะเป็นภาพที่เราเห็นกันแบบชินตามาหลายยุคหลายสมัย แต่วันนี้ Iron Ox บริษัทจากซานคาร์ลอส แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา ได้ผุดไอเดียแนวใหม่ที่ใช้เฉพาะหุ่นยนต์เท่านั้นเข้ามาทำฟาร์มตั้งแต่เพาะเมล็ด จัดสรรพื้นที่ให้ใหม่เมื่อต้นโตขึ้น ไปยันกำจัดแมลงและปราบศัตรูพืช
โดยความคิดสุดล้ำของบริษัทนี้นั้น นับว่าเป็นรายแรกในสหรัฐอเมริกาที่อาศัยหุ่นยนต์เพียง 2 ตัวในการเข้ามาดูแลจัดการและเก็บเกี่ยวผลผลิต ซึ่งมีลักษณะเป็นฟาร์มในร่มปลูกผักแบบไฮโดรโปนิกส์หรือเป็นการปลูกพืชโดยไม่ใช้ดิน หุ่นยนต์ตัวแรกนั้นมีน้ำหนักถึง 1,000 ปอนด์ และมีขนาดเท่ากับรถหนึ่งคันเลยทีเดียว โดยจะทำหน้าที่ในการหยิบถาดของพืชพันธุ์ แล้วทำการเคลื่อนย้ายลำเลียงไปยังส่วนต่างๆของเรือนกระจก ส่วนหุ่นยนต์ตัวที่ 2 จะมีลักษณะเป็นแขนกล คอยทำหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยในส่วนอื่นๆ เช่น การเพาะเมล็ดและการปลูก เป็นต้น
และเมื่อถาดของต้นนั้นโตเต็มที่ หุ่นยนต์ตัวแรกจะนำมันไปยังพื้นที่สำหรับทำการประมวลผลและตรวจสอบคุณภาพ โดยแขนกลจะทำการย้ายต้นอ่อนที่อยู่ในถาดแบบหนาแน่นไปบรรจุยังภาชนะใหม่เพื่อให้มีพื้นที่ในการเจริญเติบโตมากขึ้น ซึ่งหุ่นยนต์ที่เปรียบเสมือนเกษตรกรยุคใหม่นี้ไม่เพียงแต่จะสามารถทำการเคลื่อนย้ายพืชผักต่างๆได้อย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้น แต่ด้วยการใช้ Machine Learning หรือ การเรียนรู้ของเครื่องจักร และ AI หรือ ปัญญาประดิษฐ์ ยังทำให้สามารถทำการตรวจหาศัตรูพืชและโรค รวมไปถึงสามารถทำการกำจัดต้นที่ติดเชื้อได้ก่อนที่จะสร้างปัญหาหรือระบาดไปยังต้นอื่นๆได้อีกด้วย
ในเบื้องต้น ทางบริษัททำการปลูกเฉพาะผักใบเขียวและสมุนไพร โดยวางแผนที่จะขยายไปสู่การปลูกพืชพันธุ์ชนิดอื่นๆ เช่น มะเขือเทศ อีกทั้งยังมองไปที่การสร้างเรือนกระจกเพื่อนำพลังงานจากแสงอาทิตย์มาใช้ในการเพาะปลูกแทนการใช้แสง LED อย่างในปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายที่จะทำให้ผลิตภัณฑ์นั้นปลอดจีเอ็มโอและปราศจากสารกำจัดศัตรูพืชแล้ววางจำหน่ายขายด้วยราคาที่เท่ากับผลผลิตในท้องตลาด

Cr : Iron Ox
ทางด้าน Brandon Alexander ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอบริษัท บอกว่า เราสามารถทำฟาร์มที่ใช้หุ่นยนต์ในการดูแลบนพื้นที่เพียง 1 เอเคอร์เท่านั้น ซึ่งเทียบเท่ากับการทำฟาร์มแบบกลางแจ้งถึง 30 เอเคอร์ โดยการทำฟาร์มแบบนี้ขึ้นมาก็เพื่อที่จะส่งมอบความสดใหม่ที่แท้จริงให้กับผู้บริโภค ทางบริษัทจึงต้องการที่จะสร้างฟาร์มขนาดเล็กที่ใกล้กับศูนย์กลางของเมืองต่างๆมากขึ้น
“ปัจจุบันที่บอกกันว่าเป็นผลผลิตสดใหม่นั้นไม่ได้สดใหม่จริงๆ เพราะอย่างน้อยๆก็ต้องผ่านการเดินทางประมาณ 2,000 ไมล์โดยเฉลี่ยจากฟาร์มถึงร้านขายของชำ ซึ่งนั่นก็หมายความว่าผู้คนจำนวนมากกำลังรับประทานผักกาดหอมหรือสตรอว์เบอร์รีที่เก่าแล้วเป็นสัปดาห์”
และด้วยการนำเทคโนโลยีมาผสานกับผู้ช่วยยุคใหม่อย่างหุ่นยนต์ จึงช่วยให้การทำฟาร์มเป็นไปอย่างละเอียดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะการใช้หุ่นยนต์ในการทำงานนั้นมีข้อดีอยู่ที่ผู้ช่วยแบบนี้จะไม่รู้สึกเหนื่อย ไม่สนว่าทำงานไปแล้วกี่ชั่วโมง ตราบใดที่ยังมีแบตเตอรี่ก็จะสามารถลงมือต่อไปได้
แม้จะเป็นความคิดของบริษัทในต่างประเทศ ที่สำหรับผู้ประกอบการไทยอาจจะยังไม่ถึงขั้นต้องลงทุนมหาศาลและใช้หุ่นยนต์เข้ามาทำเกษตรแทนคนทั้งหมด แต่ก็ถือเป็นอีกไอเดียและไกด์ไลน์ให้กับเกษตรกรยุคใหม่ไม่มองข้ามตัวช่วยและเครื่องมือดีๆที่บ้านเราสามารถนำมาประยุกต์และปรับใช้ได้
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
Topics:
Share:
Related Articles
จับตา “Double Disruption” ตัวปลุกเทรนด์ดิจิทัลปี ‘64 กับ 4 เรื่องที่ SME ต้องใช้!
ธุรกิจในตอนนี้กำลังเจอกับ Double Disruptions ซึ่งจะอยู่กับเราต่อไปอีกยาวแม้จะหมดจากโควิดไปแล้วก็ตาม และนี่คือ 9 เทรนด์เทคโนโลยีแห่งอนาคตที่เชื่อมโยง..
ไม่ต้องเก่งทุกอย่างทำทุกฟังก์ชั่น เพราะยุคใหม่เขาชนะกันที่ Data Ecosystem
ทำทุกอย่าง พยายามเก่งมันทุกเรื่อง และคาดหวังว่าทุกสิ่งจะคงอยู่ถาวรตลอดไป ความเชื่อทั้งหมดนี้คือ “หลุมพราง” และช่องว่างมรณะ (The Death Gap) ที่นำพาหล..
Epson ใช้เทคโนโลยีพรินเตอร์ช่วยโลก “Wheel for Wild” ปั่นพิทักษ์ป่า รักษาความยั่งยืนให้สังคมไทย
เอปสัน ประเทศไทย บริษัทฯ ได้ขยายขอบเขตของงานซีเอสอาร์มาด้าน Life on Land จัดกิจกรรม Wheel for Wild เพื่อรณรงค์ให้คนไทยตระหนักถึงความสำคัญในการป้องกั..