สร้างชีวิตสมดุลด้วย “EQ”
Share:
Text : Vim

ในการดูแลสุขภาพ นอกจากทางกายแล้ว ด้านจิตใจก็มีความสำคัญไม่น้อยกว่ากัน คนที่มีไอคิวหรือความฉลาดทางปัญญาสูงมักได้รับการยกย่องและชื่นชม แต่สังเกตไหมว่าคนฉลาดหลาย ๆ คน ทำไมถึงทำงานร่วมกับผู้อื่นไม่ได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการขาดความฉลาดทางอารมณ์/วุฒิภาวะทางอารมณ์ หรือ EQ (Emotional Quotient) เสาหลักของ EQ มี 4 อย่างคือ การรู้จักตัวเอง การควบคุมตัวเองได้ รู้มารยาทสังคม และสร้างสัมพันธ์ที่ดีเป็น พูดง่าย ๆ ลักษณะของผู้ที่มีอีคิวสูงคือทำให้คนอยากอยู่ใกล้ อยู่ด้วยแล้วสบายใจ
การมีไอคิวสูงถือเป็นโชคดี แต่ถ้าได้อีคิวมาเสริมจะยิ่งทำให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นไปอีก อีคิวสามารถพัฒนาได้จากการชี้แนะ การเรียนรู้ด้วยตัวเอง และจากการสะท้อนของคนรอบข้าง และบางที อีคิวก็เพิ่มขึ้นเองตามวัยและประสบการณ์ จะรู้ได้อย่างไรว่าตัวเองมีอีคิวมากน้อยแค่ไหน สิ่งที่วัดได้คือพฤติกรรมที่ปฏิบัติอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน มาดูกันว่าพฤติกรรมใดบ้างที่คนมีอีคิวไม่ทำ
• ไม่ผลีผลาม ชีวิตทุกวันนี้เต็มไปด้วยสิ่งเร้า สิ่งยั่วยุ ก่อนทำอะไร คนที่มีอีคิวมักไตร่ตรองถึงผลที่ตามมา และรับมือกับสถานการณ์อย่างสงบ หากต้องตัดสินใจบางอย่าง คนมีอีคิวจะไม่ทำในขณะที่กำลังโกรธ แค้น แต่จะรอจนจิตใจอยู่ในภาวะปกติ ทบทวนสถานการณ์แล้วจึงตัดสินใจ
• ไม่กลัวที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ทดลองประสบการณ์หรือไอเดียใหม่ ๆ เรียกว่ากระตือรือร้นที่จะเรียนรู้จากมุมของคนอื่น และยอมรับว่าตัวเองไม่ได้รู้ทุกเรื่อง คนมีอีคิวจะทำตัวเป็นน้ำครึ่งแก้วที่พร้อมเปิดรับความรู้ใหม่ ๆ เสมอ และแม้ไม่เห็นด้วยกับความคิดคนอื่น ก็จะแสดงออกอย่างมีวุฒิภาวะ
• ไม่หมกมุ่นแต่เรื่องของตัวเอง มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น นึกถึงใจเขาใจเรา รู้จักให้อภัย ไม่ตัดสินหรือพิพากษาคนอื่น ไม่ริษยา มองเห็นข้อดีในตัวคนอื่น และยินดีกับความสำเร็จของพวกเขา คนมีอีคิวจะไม่ค่อยเห็นแก่ตัว และ sense of belongings หรือจิตสำนึกของการเป็นเจ้าของร่วมสูง ดังจะเห็นจากการดูแลของใช้ส่วนรวม/ของสาธารณะดีราวกับของใช้ส่วนตัว
• ไม่พึ่งพาความสุขจากคนอื่น คนมีอีคิวจะมีความพอเพียงในตัวเอง และเรียนรู้ที่จะไม่ฝากความหวังหรือความสุขที่ผู้อื่น คนส่วนใหญ่มักไล่ล่าหาความสุข แต่คนที่มีอีคิวสร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเอง โดยมีพื้นฐานจากการเห็นคุณค่าในตัวเอง รักตัวเอง และยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็น
• ไม่ใช้ชีวิตสุดโต่ง คนมีอีคิวมักมองโลกในแง่ดี ดีในระดับที่ยังอยู่ในโลกของความเป็นจริง ไม่ใช่โลกสวยแบบเพ้อฝัน พวกเขามองโลกอย่างที่เป็น เข้าใจอะไรง่าย ๆ เข้าใจคนอื่น และเข้าใจตัวเอง สามารถมองข้ามความไม่สมบูรณ์แบบเล็ก ๆ น้อย ๆ จึงไม่ใช่พวกขี้บ่น ขี้หงุดหงิด หรือช่างตำหนิ
• ไม่ยึดติด ไม่ว่าจะเป็นความทุกข์ อดีตหรืออนาคต คนมีอีคิวจะอยู่กับปัจจุบันขณะเพราะพวกเขาเชื่อว่าการกระทำในวันนี้จะส่งผลในวันหน้า หากในอดีตเคยล้มลุกคลุกคลาน ก็จะลุกขึ้นมาใหม่และเดินหน้าต่อไป สิ่งที่ผ่านมาถือเป็นบทเรียน เกิดปัญหาครั้งใด จะหาวิธีแก้ไข ไม่โทษคนอื่นหรือปัจจัยรอบข้าง
• อัตตาไม่สูง คนอีคิวสูงมักมีอีโก้ต่ำ ไม่อายที่จะบอกเล่าความผิดพลาดหรือสิ่งที่ตัวเองไม่รู้ต่อสาธารณะ ทั้งยังรับฟังความคิดเห็นของคนอื่นโดยไม่พยายามเอาชนะแม้ว่าคน ๆ นั้นจะเห็นต่างก็ตาม คนมีอีคิวจึงเป็นผู้รับฟังที่ดี แต่เมื่อต้องพูดก็มีวาจาเป็นเลิศ สามารถโน้มน้าวให้คนเชื่อโดยคนฟังไม่รู้สึกว่าเป็นการชี้นำ
ที่กล่าวมาเป็นลักษณะส่วนใหญ่ของคนมีอีคิวสูง แน่นอนว่าหากยากที่จะมีใครมีคุณสมบัติครบทุกข้อ ทำได้เกินครึ่งก็ถือว่าดีแล้ว เรื่องของอีคิวเป็นอะไรที่พัฒนาให้ดีขึ้นได้ อยู่ที่การฝึกฝนด้วยตัวเอง ทั้งหมดทั้ งปวงขึ้นอยู่กับ “สติ” ดูแลสุขภาพกายแล้วก็อย่าลืมหันมาดูแลสุขภาพจิต จึงจะได้ชื่อสมบูรณ์ทั้งกายและใจ
ที่มา : วารสาร K SME Inspired
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
Topics:
Share:
Related Articles
หนาวนี้เที่ยวไหน ชี้จุด 5 สถานที่ท่องเที่ยวเมืองเหนือ ที่อุณหภูมิต่ำกว่า 15 องศา
เตรียมเสื้อกันหนาวตัวหนาๆ แพ็คลงกระเป๋าแล้วตามเรามาเพราะนี่คือสถานที่ท่องเที่ยวที่รับประกันว่าขึ้นไปแล้วจะได้เจอกับอุณหภูมิต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียสโด..
บุญก็มาเงินก็มี! รวม 6 เมนูเจ ทำขายง่าย กำไรงาม
เริ่มต้นกันแล้วสำหรับเทศกาลกินเจปี 2563 ซึ่งตรงกับวันที่ 17 - 25 ตุลาคม แม้ปีนี้บรรยากาศอาจดูเงียบเหงากันไปบ้าง เพื่อพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส และเข้ากั..
ใช้บาดแผลและรอยช้ำ ประสบการณ์คนรุ่นเก่า นำพาเราข้ามวิกฤต โดย วัฒนพงษ์ ตั้งร่ำรวย
ประสบการณ์ของคนรุ่นก่อน มักใช้ได้เสมอ สำหรับคนที่นำมาปรับใช้ให้เข้ากับยุคสมัย อย่างน้อยก็เป็นแนวทางการตัดสินใจได้บ้างว่า อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ อะไร..