โกจิเบอร์รี่...ดีอย่างไร
Share:
Text : วิมาลี วิวัฒนกุลพาณิชย์

โกจิเบอร์รีหรือเก๋ากี้เป็นสมุนไพรจีนที่นอกจากนำมาเป็นส่วนประกอบในอาหารยังใช้ในวงการแพทย์แผนจีนมากว่า 2,000 กว่าปี โกจิเบอร์รีถือเป็นซุปเปอร์ฟู้ดอย่างหนึ่งเพราะมีสานต้านอนุมูลอิสระสูง อุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุ และมีสรรพคุณที่ส่งผลต่อสุขภาพ เช่น บำรุงสายตา ช่วยลดน้ำตาลในเลือด ลดความดันโลหิต และเพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกาย นอกจากใส่ในซุป หรือต้มกับน้ำดื่มแทนชา โกจิเบอร์รีสามารถนำมาดัดแปลงเป็นอาหารและเครื่องดื่มได้หลายแบบ มาดูกันว่าเราจะรับประทานแบบใดได้บ้าง
แบบผลอบแห้ง (Sun dried Goji berries) แบ่งเป็น 2 ชนิดคือแบบที่เก็บตอนผลเริ่มเปลี่ยนสี (เก็บอ่อน) เป็นสีส้ม นำไปอบแห้งจะได้เป็นผลสีส้มสว่าง มีรสเปรี้ยว แบบนี้มักใช้ทำยา หรือเติมในน้ำต้มซุป แต่ไม่นิยมทานเป็น สแน็ก เพราะไม่อร่อย อีกแบบคือ เก็บตอนที่โกจิเบอร์รี่โตเต็มที่ (แบบเก็บแก่) ผลจะมีสีแดงอมส้ม มีรสเปรี้ยวอมหวาน เหมาะทานเล่น ทำขนม ทำอาหาร ปั่นเป็นน้ำผลไม้ หรือสมูตตี้ ใส่ในโยเกิร์ต หรือเครื่องดื่ม ปริมาณรับประทานต่อวัน :15-20 กรัม หรือ 2-3 ช้อนแกง
วิธีการรับประทาน ใส่โกจิเบอร์รี 1 ช้อนแกง ในแก้ว เติมน้ำร้อน แช่ไว้ 10-15 นาที แล้วดื่มน้ำ ทานเนื้อโกจิด้วย รับประทานก่อนอาหาร 30 นาที ช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงานและสารอาหาร อิ่มท้อง ดื่มได้ทั้ง 3 มื้อ แต่มื้อที่ควรดื่มที่สุดคือ ในตอนเช้าก่อนอาหาร เพราะดูดซึมได้ดี และช่วยให้รู้สึกสดชื่น ไม่โหย ในระหว่างวัน กรณีต้องการควบคุมน้ำหนัก สามารถลดอาหารกลุ่ม พลังงาน เช่น ข้าว แป้ง ไขมัน ลง 1/4 -1/3 ของที่เคยรับประทาน ร่วมกับการออกกำลังกาย 20 นาทีต่อวัน ควรลดอาหารที่มีน้ำตาลมาก จะสามารถควบคุมน้ำหนักได้
ชนิดผงบดแห้ง (Goji berries Powder) ซึ่งผ่านการทำแห้ง ด้วยวิธี Freeze dry แล้วนำไปบดแห้ง เหมาะสำหรับชงน้ำดื่ม ใส่เครื่องดื่ม ต่างๆ เพราะสะดวกง่าย ร่างกายดูซึมสารสำคัญได้ง่ายกว่าแบบผลแห้ง สามารถทำเองได้ที่บ้าน โดยการนำชนิดเม็ดอบแห้งไปแช่ในช่องแช่แข็ง อย่างน้อย 2 ชั่วโมง ยิ่งนานยิ่งกรอบแล้วนำมาบดตอนกำลังเย็นๆ ด้วยเครื่องบดอาหาร (food processor) แล้วเก็บใส่ภาชนะปิดสนิท แช่ช่องแข็งไว้ แล้วนำมาใช้ภายหลัง รัประทานวันละ 10-15 กรัม
ชนิดสกัดเข้มข้น (Goji berries extract Powder) ขั้นตอนการผลิตคือนำโกจิเบอร์รี่ไปอบแห้ง บดละเอียด แล้วสกัดด้วยน้ำร้อน จากนั้นนำไปเหวี่ยงด้วยความเร็วสูงแยกกากออก แล้วนำส่วนน้ำไปทำแห้ง ชนิดสกัดจะมีสารโพลีแซคคาร์ไรค์ วิตามิน เกลือแร่ ต่างๆ เข้มข้นกว่าแบบผลแห้ง ตั้งแต่ 4-10 เท่า ร่างกายดูซึมได้ดี และรวดเร็วกว่า 2 แบบแรก เหมาะสำหรับ ชงดื่ม หรือเติมในน้ำผลไม้ เครื่องดื่ม ชงดื่มง่าย แต่ถ้าใครต้องการรับประทานแบบมีกากใย แนะนำชนิดผลอบแห้ง ปริมาณรับประทาน วันละ 2-3 กรัม หรือ 1-2 ช้อนชา ควรดื่มตอนเช้าก่อนอาหารจะดูดซึมดีที่สุด
ข้อควรระวังโกจิเบอร์รี่มีฤทธิ์ร้อน หากอยู่ในภาวะไม่ปกติ เช่น ร้อนใน หรือมีไข้ขึ้นสูง ควรหลีกเลี่ยงการรับประทาน และควรเก็บในที่แห้งและเย็นเพื่อป้องกันการเสื่อมคุณภาพและขึ้นรา
Source:
www.lifehack.org/600139/goji-berry-is-the-best-fruit-for-people-who-work-in-front-of-the-computer-all-day
www.gojiberries4health.com/
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

โกจิเบอร์รีหรือเก๋ากี้เป็นสมุนไพรจีนที่นอกจากนำมาเป็นส่วนประกอบในอาหารยังใช้ในวงการแพทย์แผนจีนมากว่า 2,000 กว่าปี โกจิเบอร์รีถือเป็นซุปเปอร์ฟู้ดอย่างหนึ่งเพราะมีสานต้านอนุมูลอิสระสูง อุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุ และมีสรรพคุณที่ส่งผลต่อสุขภาพ เช่น บำรุงสายตา ช่วยลดน้ำตาลในเลือด ลดความดันโลหิต และเพิ่มภูมิคุ้มกันร่างกาย นอกจากใส่ในซุป หรือต้มกับน้ำดื่มแทนชา โกจิเบอร์รีสามารถนำมาดัดแปลงเป็นอาหารและเครื่องดื่มได้หลายแบบ มาดูกันว่าเราจะรับประทานแบบใดได้บ้าง
แบบผลอบแห้ง (Sun dried Goji berries) แบ่งเป็น 2 ชนิดคือแบบที่เก็บตอนผลเริ่มเปลี่ยนสี (เก็บอ่อน) เป็นสีส้ม นำไปอบแห้งจะได้เป็นผลสีส้มสว่าง มีรสเปรี้ยว แบบนี้มักใช้ทำยา หรือเติมในน้ำต้มซุป แต่ไม่นิยมทานเป็น สแน็ก เพราะไม่อร่อย อีกแบบคือ เก็บตอนที่โกจิเบอร์รี่โตเต็มที่ (แบบเก็บแก่) ผลจะมีสีแดงอมส้ม มีรสเปรี้ยวอมหวาน เหมาะทานเล่น ทำขนม ทำอาหาร ปั่นเป็นน้ำผลไม้ หรือสมูตตี้ ใส่ในโยเกิร์ต หรือเครื่องดื่ม ปริมาณรับประทานต่อวัน :15-20 กรัม หรือ 2-3 ช้อนแกง
วิธีการรับประทาน ใส่โกจิเบอร์รี 1 ช้อนแกง ในแก้ว เติมน้ำร้อน แช่ไว้ 10-15 นาที แล้วดื่มน้ำ ทานเนื้อโกจิด้วย รับประทานก่อนอาหาร 30 นาที ช่วยให้ร่างกายได้รับพลังงานและสารอาหาร อิ่มท้อง ดื่มได้ทั้ง 3 มื้อ แต่มื้อที่ควรดื่มที่สุดคือ ในตอนเช้าก่อนอาหาร เพราะดูดซึมได้ดี และช่วยให้รู้สึกสดชื่น ไม่โหย ในระหว่างวัน กรณีต้องการควบคุมน้ำหนัก สามารถลดอาหารกลุ่ม พลังงาน เช่น ข้าว แป้ง ไขมัน ลง 1/4 -1/3 ของที่เคยรับประทาน ร่วมกับการออกกำลังกาย 20 นาทีต่อวัน ควรลดอาหารที่มีน้ำตาลมาก จะสามารถควบคุมน้ำหนักได้
ชนิดผงบดแห้ง (Goji berries Powder) ซึ่งผ่านการทำแห้ง ด้วยวิธี Freeze dry แล้วนำไปบดแห้ง เหมาะสำหรับชงน้ำดื่ม ใส่เครื่องดื่ม ต่างๆ เพราะสะดวกง่าย ร่างกายดูซึมสารสำคัญได้ง่ายกว่าแบบผลแห้ง สามารถทำเองได้ที่บ้าน โดยการนำชนิดเม็ดอบแห้งไปแช่ในช่องแช่แข็ง อย่างน้อย 2 ชั่วโมง ยิ่งนานยิ่งกรอบแล้วนำมาบดตอนกำลังเย็นๆ ด้วยเครื่องบดอาหาร (food processor) แล้วเก็บใส่ภาชนะปิดสนิท แช่ช่องแข็งไว้ แล้วนำมาใช้ภายหลัง รัประทานวันละ 10-15 กรัม
ชนิดสกัดเข้มข้น (Goji berries extract Powder) ขั้นตอนการผลิตคือนำโกจิเบอร์รี่ไปอบแห้ง บดละเอียด แล้วสกัดด้วยน้ำร้อน จากนั้นนำไปเหวี่ยงด้วยความเร็วสูงแยกกากออก แล้วนำส่วนน้ำไปทำแห้ง ชนิดสกัดจะมีสารโพลีแซคคาร์ไรค์ วิตามิน เกลือแร่ ต่างๆ เข้มข้นกว่าแบบผลแห้ง ตั้งแต่ 4-10 เท่า ร่างกายดูซึมได้ดี และรวดเร็วกว่า 2 แบบแรก เหมาะสำหรับ ชงดื่ม หรือเติมในน้ำผลไม้ เครื่องดื่ม ชงดื่มง่าย แต่ถ้าใครต้องการรับประทานแบบมีกากใย แนะนำชนิดผลอบแห้ง ปริมาณรับประทาน วันละ 2-3 กรัม หรือ 1-2 ช้อนชา ควรดื่มตอนเช้าก่อนอาหารจะดูดซึมดีที่สุด
ข้อควรระวังโกจิเบอร์รี่มีฤทธิ์ร้อน หากอยู่ในภาวะไม่ปกติ เช่น ร้อนใน หรือมีไข้ขึ้นสูง ควรหลีกเลี่ยงการรับประทาน และควรเก็บในที่แห้งและเย็นเพื่อป้องกันการเสื่อมคุณภาพและขึ้นรา
Source:
www.lifehack.org/600139/goji-berry-is-the-best-fruit-for-people-who-work-in-front-of-the-computer-all-day
www.gojiberries4health.com/
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
Topics:
Share:
Related Articles
หนาวนี้เที่ยวไหน ชี้จุด 5 สถานที่ท่องเที่ยวเมืองเหนือ ที่อุณหภูมิต่ำกว่า 15 องศา
เตรียมเสื้อกันหนาวตัวหนาๆ แพ็คลงกระเป๋าแล้วตามเรามาเพราะนี่คือสถานที่ท่องเที่ยวที่รับประกันว่าขึ้นไปแล้วจะได้เจอกับอุณหภูมิต่ำกว่า 15 องศาเซลเซียสโด..
บุญก็มาเงินก็มี! รวม 6 เมนูเจ ทำขายง่าย กำไรงาม
เริ่มต้นกันแล้วสำหรับเทศกาลกินเจปี 2563 ซึ่งตรงกับวันที่ 17 - 25 ตุลาคม แม้ปีนี้บรรยากาศอาจดูเงียบเหงากันไปบ้าง เพื่อพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส และเข้ากั..
ใช้บาดแผลและรอยช้ำ ประสบการณ์คนรุ่นเก่า นำพาเราข้ามวิกฤต โดย วัฒนพงษ์ ตั้งร่ำรวย
ประสบการณ์ของคนรุ่นก่อน มักใช้ได้เสมอ สำหรับคนที่นำมาปรับใช้ให้เข้ากับยุคสมัย อย่างน้อยก็เป็นแนวทางการตัดสินใจได้บ้างว่า อะไรทำได้ อะไรทำไม่ได้ อะไร..