TEXT: ณัฏฐพัชร กมลพลพัตร
Main Idea
- เมื่อเทรนด์รักษ์โลกยังคงได้รับความนิยมและเกิดการตื่นตัวในทุกมุมโลก แต่ไม่ใช่ทุกอย่างจะเอื้อให้ธุรกิจก้าวสู่ถนนสีเขียว
- นี่คือความท้าทายในการปรับตัว รับเทรนด์รักษ์โลก ของธุรกิจโรงแรม
ปัจจุบันเราจะเห็นเทรนด์การดำเนินธุรกิจที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น มีการตื่นตัวในการหามาตรการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของทุกภาคธุรกิจ ปัจจุบันหลายๆ โรงแรมเปิดให้แขกผู้เข้าพักมีส่วนร่วมด้วยเช่นกัน ตัวอย่างเช่น
- การเปลี่ยนเครื่องนอนและชุดผ้าเช็ดตัว อย่างผ้าปูที่นอน ปลอดหมอน ผ้าห่ม และชุดผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดผม ผ้าเช็ดเท้า ที่โรงแรมจะมีป้ายรณรงค์ให้เข้าร่วมโครงการใช้ซ้ำวางไว้โดยระบุว่า “หากต้องการใช้ซ้ำให้วางป้ายนี้ไว้ยังที่นอนและหากต้องการใช้ผ้าเช็ดตัว ฯลฯ ซ้ำ ให้แขวนไว้ที่ราว” แต่ถ้าต้องการเปลี่ยนก็ไม่ต้องวางป้ายไว้บนที่นอนและวางผ้าเช็ดตัวไว้ด้านล่างแบบนี้เป็นต้น
- Complimentary Drinking Water ปกติโรงแรมจะมีบริการน้ำเปล่าฟรีให้ ส่วนใหญ่เป็นขวดพลาสติก ปัจจุบันนี้บางโรงแรมมีโครงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโดยการเปลี่ยนขวดใส่น้ำดื่มมาเป็นขวดแก้วแทน เมื่อแขกดื่มหมดก็จะมีตู้กรองน้ำให้แขกนำขวดแก้วนี้ไปกรองเพิ่มสามารถเติมได้
- การนำอาหารที่มี Shelf Life สั้น ออกมาจำหน่ายในราคาลดพิเศษ บางโรงแรมที่มี Outlet ที่ให้บริการอาหารและเครื่องจำนวนมากและมีอาหารที่ทำรอขายแต่ Shelf Life สั้น เช่น เบเกอร์รี่ต่างๆ น้ำผลไม้ ฯลฯ มีการนำเอาอาหารเหล่านี้มาจำหน่ายให้แขกผู้เข้าพักและแขกทั่วไปที่ไม่ได้พักกับโรงแรม กรณีนี้เป็นการลด Food Waste ในขั้นตอนสุดท้ายของห่วงโซ่อาหารให้กับโรงแรม
นอกจากนี้หลายโรงแรมยังมีแนวคิดในการพยายามลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมลงด้วย เช่น กรณีของ IHG (Intercontinental Hotels Group) ที่เลิกการใช้พลาสติกขนาดเล็กในการบรรจุ แชมพู สบู่ ครีมนวดผม โลชั่น มาเป็นบรรจุภัณฑ์ฑขนาดใหญ่ที่ใช้ได้แบบถาวรไม่ต้องทิ้งและใช้การ Refill แชมพู สบู่ ครีมนวดผม โลชั่น เมื่อใช้หมด แทนการใช้บรรจุภัณฑ์ขนาดเล็กแบบใช้แล้วทิ้งไป ซึ่ง Model นี้หลายๆ โรงแรมก็เริ่มปรับเปลี่ยนกันไปหลายแหล่งแล้ว เนื่องจากการใช้บรรจุภัณฑ์แบบเล็กที่ใช้แล้วทิ้งไปจะกลายเป็นปริมาณขยะที่แม้จะนำกลับไปรีไซเคิลได้แต่ก็คงไม่ทั้งหมดที่เหลือก็จะส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมต่อไปอีก