“การทำธุรกิจแบบครบวงจร จะทำให้เราเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดและอยู่ได้อย่างยั่งยืน สอดคล้องกับความตั้งใจของเราที่จะกลับมาพัฒนาผืนแผ่นดินของบรรพบุรุษ เพื่อต่อยอดสร้างมูลค่าเพิ่ม และสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน”
ขยายพื้นที่ ปั้นธุรกิจครบวงจร
เพราะการแตกไลน์ผลิตภัณฑ์เพียงอย่างเดียว อาจไม่ใช่หนทางสู่ความยั่งยืนที่แท้จริง แต่เป็นการพัฒนาธุรกิจให้ได้ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำต่างหาก คือสิ่งที่ สวิตตา จินณรัตน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท โดมตะวัน จำกัด ผู้ผลิต แปรรูป และจำหน่ายมะพร้าวน้ำหอมครบวงจรแห่งจังหวัดพัทลุง นำมาใช้เป็นหลักในการยกระดับพื้นที่สวนเกือบ 50 ไร่ให้สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มและใช้ประโยชน์จากผลผลิตได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วย
ด้วยประสบการณ์ของการทำงานในบริษัทมหาชนที่เน้นเรื่องความครบวงจรมากว่าทศวรรษ ทายาทรุ่นที่ 3 ผู้นี้จึงไม่เพียงนำเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อเพิ่มผลผลิตและทุ่นแรง แต่ยังมีการตั้งโรงงานแปรรูปมะพร้าวน้ำหอม ออกสินค้าใหม่ ๆ ไปจนถึงการทำคาเฟ่ร้านอาหารในสวนมะพร้าวน้ำหอมที่ทุกเมนูรังสรรค์วัตถุดิบมาจากสวน รวมถึงทำฟาร์มสเตย์ ที่พักท่ามกลางสวนมะพร้าวน้ำหอม ซึ่งได้รับคัดเลือกจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบคาร์บอนต่ำ (Low Carbon) ที่แรกของจังหวัดพัทลุง
“เราเป็นสวนมะพร้าวแห่งเดียวในจังหวัด ที่มีใบรับรองว่าเป็นสายพันธุ์น้ำหอมแท้ 100% ซึ่งนอกจากจะมีความหอม ความหวาน เนื้อนิ่ม ผลดก เป็นต้นเตี้ยแล้ว ความหวานยังมีความสม่ำเสมอประมาณ 7.8 บริกซ์เกือบทุกทะลาย”
ใช้นวัตกรรม ยืดอายุสินค้า
อย่างไรก็ตาม ด้วยความที่มะพร้าวน้ำหอมนั้นมีความเปราะบาง จึงทำให้มีอายุการเก็บรักษา (Shelf Life) ได้ไม่นาน สวิตตาจึงเข้าร่วมโครงการ NEC DIPROM เพื่อพัฒนาการยืดอายุผลิตภัณฑ์ให้เก็บได้นานขึ้น โดยยังคงรสชาติ รักษาคุณภาพ และคุณค่าทางโภชนาการไว้เหมือนเดิม
“การเข้าร่วมโครงการทำให้เราได้พัฒนาบรรจุภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ช่วยให้เก็บสินค้าได้นานกว่าเดิม เช่น เปลี่ยนมาบรรจุน้ำมะพร้าวน้ำหอมพาสเจอไรซ์ในขวดแก้วแทนขวดพลาสติกบรรจุร้อน Hot Fill แบบเดิม เพื่อให้แช่เย็นได้และเก็บได้นานขึ้นถึง 45 วัน พร้อมปรับฉลากให้มีความสวยงามมากขึ้น”
นอกจากนี้ ยังทำการพัฒนาแพ็กเกจจิ้งผลิตภัณฑ์ “ต้มยำกุ้งสามน้ำลำปำมะพร้าวน้ำหอม” ให้เป็นแบบ Ready to Eat ที่สามารถเข้าไมโครเวฟ 3 นาทีก็พร้อมรับประทานได้เลย รวมถึงนำกะลามะพร้าวน้ำหอมมาทำเป็นบรรจุภัณฑ์ให้น้ำพริกมะพร้าวน้ำหอมเก็บได้นานขึ้นถึง 6 เดือน
“การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ให้สวยงามขึ้นและเก็บได้นานขึ้น โดยเฉพาะน้ำพริกมะพร้าวน้ำหอมนั้น ไม่เพียงสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ยังเปิดโอกาสของการนำสินค้าเข้าไปวางขายในโมเดิร์นเทรดให้มีมากขึ้นด้วย อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความสะดวกสบายในการขยายตลาดไปต่างประเทศให้กับต้มยำกุ้งสามน้ำลำปำมะพร้าวน้ำหอม เช่น มาเลเซีย และประเทศในแถบตะวันออกกลาง เช่น ดูไบในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์”
พัฒนาสู่ความยั่งยืน โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
สวิตตายังเสริมอีกว่า การนำความรู้ที่ได้จากโครงการ เช่น การเขียนโมเดลธธุรกิจโดยใช้ Business Model Canvas มาใช้จริงนั้น ช่วยสร้างมูลค่าและรายได้ของบริษัทให้เติบโต และเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์มะพร้าวน้ำหอมได้ถึง 40%
“โดมตะวันไม่เคยหยุดพัฒนา เราผลิตมะพร้าวน้ำหอมสู่ตลาดด้วยคุณภาพคู่คุณธรรมและนวัตกรรมที่ทันสมัย ซึ่งการทำธุรกิจให้ครบวงจรเป็นสิ่งที่สำคัญมาก ๆ โดยเฉพาะในปัจจุบันที่ต้องมุ่งสู่ความยั่งยืน โดยโดมตะวันนำทุกส่วนของมะพร้าวน้ำหอม มาใช้ให้เกิดประโยชน์ ไม่มีขยะเหลือทิ้ง (Zero Waste) ดังนั้นทุกอย่างทุกส่วนจึงสามารถสร้างเม็ดเงิน สร้างมูลค่าให้กับเราได้ทั้งหมด และต่อยอดไปเป็นผลิตภัณฑ์ได้อีกหลากหลาย”
แต่เหนือสิ่งอื่นใด การทำธุรกิจให้ยั่งยืนต้องมาพร้อมกับการช่วยเหลือชุมชนในการสร้างงาน สร้างรายได้และสร้างอาชีพด้วย
“นอกจากการพัฒนาแปรรูปผลิตภัณฑ์และสร้างผลกำไรให้กับบริษัทแล้ว เราต้องมองถึงชุมชนด้วย ต้องคิดเสมอว่า ไม่ใช่เพียงแต่ธุรกิจเราเติบโต มีผลกำไรเพียงอย่างเดียว แต่เราจะต้องเติบโตไปพร้อมกับชุมชนและพัฒนาให้เศรษฐกิจชุมชนเติบโตอย่างยั่งยืนด้วย เหมือนที่โดมตะวันสนับสนุนให้เครือข่ายลูกสวนราว 350 รายมาซื้อต้นพันธุ์จากเราไป พร้อมส่งเสริมให้ได้รับมาตรฐาน GAP ทุกแปลง และกลับมาขายผลผลิตให้กับโรงงานเรานั่นเอง”
ข้อมูลติดต่อ:
โทร.: 08 2595 1287
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี