Belife แบรนด์สกินแคร์จากตำรับแพทย์แผนไทย สู่บิวตี้ไอเทมยุคใหม่

      สมุนไพรไทยเคยถูกมองว่าเชยและล้าสมัย แต่ในวันนี้ภาพจำเหล่านั้นกำลังถูกพลิกเปลี่ยนอย่างสิ้นเชิง ด้วยวิสัยทัศน์ของ พรปวีณ์ วงษ์พรหม ที่เชื่อมั่นในพลังของภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย และมุ่งมั่นยกระดับให้สมุนไพรกลายเป็นทางเลือกที่ทันสมัย ใช้ได้จริง ด้วยการผสานองค์ความรู้ด้านเวชศาสตร์แผนไทยเข้ากับนวัตกรรมการผลิตที่ได้มาตรฐานสากล ด้วยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณและเครื่องสำอางภายใต้แบรนด์ Belife ขึ้นมา 

Herbal wellness for modern life

    แรงบันดาลใจของพรปวีณ์หยั่งรากลึกจากประสบการณ์ที่สั่งสมมาตลอดเส้นทางอาชีพ โดยเฉพาะในแวดวงยาและอาหารเสริม ซึ่งทำให้เธอมีโอกาสสังเกตและเรียนรู้ข้อจำกัดของผลิตภัณฑ์สกินแคร์ที่วางจำหน่ายอยู่ในท้องตลาด เมื่อเธอต่อยอดด้วยการศึกษาด้านการแพทย์แผนไทยอย่างจริงจัง ยิ่งเปิดโลกทัศน์ให้เห็นศักยภาพที่แท้จริงของสมุนไพรพื้นบ้านไทย ที่แม้อยู่ใกล้ตัว แต่กลับถูกมองข้ามหรือเข้าใจผิดว่าไม่ทันสมัย ไม่ปลอดภัย 

    “มีความสนใจในสมุนไพรไทยตั้งแต่ตอนเด็ก ๆ เพราะเติบโตมาในครอบครัวต่างจังหวัด เวลาเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ คุณยายมักใช้สมุนไพรจากในครัว เช่น ขิง ข่า ตะไคร้ หรือฟ้าทะลายโจร มาดูแลสุขภาพแทนการไปหาหมอ เราเห็นมาตลอดว่าสมุนไพรเป็นเรื่องใกล้ตัวและใช้งานได้จริง มีคุณค่ามากกว่าที่คนส่วนใหญ่คิด แต่ในตลาดกลับยังไม่มีใครพัฒนาให้ออกมาในรูปแบบที่เข้าถึงง่าย และมีมาตรฐานจริง ๆ”

     Belife จึงถือกำเนิดขึ้นภายใต้แนวคิด “Herbal wellness for modern life” เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่ไม่เพียงแต่มีรากฐานจากองค์ความรู้ดั้งเดิม หากยังผ่านการพัฒนาด้วยวิทยาศาสตร์สมัยใหม่ เปลี่ยนภาพลักษณ์ของผลิตภัณฑ์สมุนไพรให้ทันสมัย มีมาตรฐาน และมีความน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น

โดดเด่นด้วยมาตรฐานการผลิต

     พรปวีณ์อธิบายถึงแนวคิดเบื้องหลังว่า จุดอ่อนของผลิตภัณฑ์สมุนไพรที่มีอยู่ในตลาดทั่วไป มักอยู่ที่มาตรฐานการผลิต บรรจุภัณฑ์ และเนื้อสัมผัส เธอจึงให้ความสำคัญกับการออกแบบผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ต้นทาง การใช้สูตรตำรับผสมผสานสมุนไพรหลายชนิดตามหลักการแพทย์แผนไทย แทนการใช้สมุนไพรเดี่ยวเหมือนที่พบในผลิตภัณฑ์ทั่วไป โดยเลือกใช้วัตถุดิบที่ปลอดภัยผ่านการรับรอง และเหมาะสำหรับผิวบอบบางแพ้ง่าย นอกจากนี้ ยังมีการออกแบบบรรจุภัณฑ์ที่ทันสมัยสไตล์มินิมัล เพื่อให้ผู้บริโภครู้สึกมั่นใจและเข้าถึงคนรุ่นใหม่มากขึ้น

     “ผลิตภัณฑ์ของเราจะส่งให้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจหาเชื้อด้วย เช่น มีสเตียรอยด์หรือไม่ มีสารอื่นตกค้างหรือไม่ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค ขณะเดียวกันเนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์ก็ต้องสามารถแข่งขันกับแบรนด์ชั้นนำในท้องตลาดได้ โดยมีราคาที่เข้าถึงง่าย ไม่เกิน 500 บาท”

     ผลิตภัณฑ์ของ Belife ที่เป็นไฮไลต์ของแบรนด์ ได้แก่ “บีไลฟ์วอเตอร์ เอสเซนส์” น้ำตบสมุนไพรฤทธิ์เย็น ซึ่งนำสมุนไพรอย่างใบบัวบก แตงกวา ว่านหางจระเข้ และชะเอมเทศมาใช้ เพื่อช่วยปลอบประโลมผิว ลดอาการระคายเคือง พร้อมเติมความชุ่มชื้น โดยอ้างอิงแนวทางของแพทย์แผนไทยที่ใช้การประคบเย็นเพื่อบรรเทาอาการผิวเห่อแดง อีกหนึ่งผลิตภัณฑ์ยอดนิยม คือ “บีไลฟ์ ไบร์ท เพอร์เฟค สลีปปิ่ง มาส์ก” ที่ทำจากกลีบดอกบัวแดง ซึ่งเป็นดอกไม้ขึ้นชื่อของ จ.อุดรธานี และผ่านการวิจัยแล้วว่ามีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยฟื้นฟูผิวระหว่างการพักผ่อนอย่างมีประสิทธิภาพ

 พัฒนาสมุนไพรไทย สู่การส่งออก

     ปัจจุบัน Belife มีสินค้าวางจำหน่ายแล้วกว่า 20 รายการ ผ่านทุกช่องทางออนไลน์ควบคู่กับการออกบูธอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ผู้บริโภคได้ทดลองใช้จริงและเกิดความเชื่อมั่นมากยิ่งขึ้น ทั้งยังมีแผนเพิ่มการทำไลฟ์สด และพัฒนาเว็บไซต์หลายภาษา ได้แก่ ภาษาจีนและภาษาอังกฤษ เพื่อรองรับการขยายตลาดไปยังต่างประเทศในอนาคต

     ที่สำคัญ Belife กำลังยกระดับโรงงานผลิตให้ได้มาตรฐาน GMP เพื่อขยายตลาดไปต่างประเทศ และเตรียมเปิดโรงงานแห่งใหม่ ผลิตสมุนไพรเพื่อสุขภาพที่เป็นยาใช้ภายนอกอีกด้วย

     พรปวีณ์ ในฐานะผู้ก่อตั้งแบรนด์ Belife ยืนยันว่าความท้าทายของธุรกิจสมุนไพรในวันนี้ ไม่ใช่เพียงการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ดี แต่คือการ “สร้างความเชื่อมั่นใหม่” ให้กับผู้บริโภคที่อาจมีประสบการณ์หลากหลายต่อสมุนไพรไทยในอดีต เธอเชื่อว่าสมุนไพรไทยสามารถทันสมัย มีมาตรฐาน และให้ผลลัพธ์ที่จับต้องได้จริง หากได้รับการพัฒนาอย่างถูกทาง

     และแม้จะมีความรู้ความเข้าใจด้านสุขภาพเป็นทุนเดิม แต่การเข้าร่วมอบรมเพิ่มเติมในโครงการ NEC DIPROM ก็เป็นอีกก้าวสำคัญที่ช่วยให้เธอเข้าใจการบริหารจัดการอย่างรอบด้านยิ่งขึ้น ทั้งในเรื่องการเงิน การตลาดไปจนถึงการวางกลยุทธ์ระยะยาว ซึ่งล้วนเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้ Belife เดินหน้าสู่เป้าหมายที่ใหญ่ขึ้นในอนาคต

     ข้อมูลติดต่อ : โทร.080-565-9624, FB : Be Life

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

น้ำพริกโรยข้าวบ้านสองช่อ รสมือจากครัวบ้าน สู่ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ชีวิตคนยุคใหม่

“บ้านสองช่อ” คือน้ำพริกโรยข้าวที่เกิดจากความตั้งใจของ ภัชดาพร มากูล ผู้มองเห็นโอกาสในการพัฒนาน้ำพริกอาหารคู่ครัวไทยให้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ที่พกพาสะดวก รับประทานง่าย และเข้ากับวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคในปัจจุบัน

เจ้ฮุ้งฟู๊ด ผักกาดดองปลอดสาร เริ่มต้นจากงานอดิเรก สู่ธุรกิจครอบครัวพ่อ แม่ ลูก

จากงานอดิเรกที่คิดจะทำเล่นๆ ในวัยเกษียณ กลับกลายเป็นธุรกิจหลักให้กับครอบครัว.. “เจ๊ฮุ้งฟู๊ด” ผักกาดดองปลอดสาร สูตรจีนแต้จิ๋ว ที่ใช้กรรมวิธีการดองจากน้ำซาวข้าวแท้ๆ จากเมล็ดข้าวหอมมะลิ ทำให้มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ และปลอดภัย

Party Villa Balloons ก้าวออกจากธุรกิจเดิม เติมความสำเร็จในธุรกิจใหม่

เมื่อสิ่งหนึ่งจบลงสิ่งใหม่ย่อมเกิดขึ้นเสมอ เพียงแค่ต้องปรับมุมมองใหม่ ไม่จมอยู่กับสิ่งเดิม เช่นเดียวกับ ธัญอินทร์ กิ่งรัตน์ เจ้าของแบรนด์ Party Villa Balloons ที่เปลี่ยนมือจากธุรกิจร้านกาแฟมาจับธุรกิจลูกโป่งจัดตกแต่งสถานที่