Text: Neung Cch.
Photo: ผลเอยผลไม้
ถ้าในวันที่มีฝันแต่ไม่มีทุน คุณจะทำยังไง?
บางครั้งความสำเร็จไม่ได้มาพร้อมแผนที่สมบูรณ์แบบ แต่มักเกิดขึ้นจากวันที่เราถูกบีบให้สู้ ในวันที่ไม่มีอะไรจะเสีย และต้องลงสนามเหมือนกับ “นี่คือโอกาสสุดท้ายของชีวิต”
เหมือนกับเรื่องราวของ กิติพัฒน์ บุญทัศน์ เจ้าของร้าน “ผลเอยผลไม้” จังหวัดพิษณุโลก ที่มีฝันอยากเปิดร้านเครื่องดื่มในสไตล์ของตัวเอง แต่ความฝันนั้นไม่ตรงกับความคาดหวังของครอบครัว จนเกิดความขัดแย้งรุนแรงและทะเลาะจนถูกไล่ออกจากบ้าน
การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นเมื่อเขาตัดสินใจกู้เงินจากบัตรเครดิต 3 ใบ เพื่อเริ่มต้นสร้างร้านของตัวเอง นี่คือบทเรียนเคลียร์หนี้ เคลียร์ชีวิต และเรียนรู้วิชาเอาตัวรอดวิธีการจัดการการเงิน ไม่เพียงช่วยให้รอดหนี้ แต่ยังสร้างร้านโมจิยอดฮิต ที่ช่วงพีคขายได้ถึงวันละ1,000 ลูก
ความขัดแย้งกับครอบครัว: ทางเลือกที่ต้องเลือกเอง
จุดหักเหของหนุ่มวัย 32 เกิดขึ้นในวันที่เขาถูกไล่ออกจากบ้าน เพราะความฝันอยากสร้างร้านเครื่องดื่มของตัวเองไม่ตรงกับความคาดหวังของครอบครัว แต่กิติพัฒน์ ไม่ยอมให้ความฝันดับลง เขาและแฟนซึ่งเคยเป็นพยาบาล เลือกเริ่มต้นขายน้ำผลไม้ปั่นสกัดเย็นตามตลาดนัดและสวนสาธารณะ แม้บางวันยอดขายต่ำสุดเพียง 7 ขวด แต่ความพยายามไม่เคยหยุด
จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นเมื่อเขาเห็นร้านชาผลไม้ชื่อดังในเยาวราช “พิษณุโลกยังไม่มีใครทำแบบนี้ ถ้าเราลองทำ น่าจะไปได้” เขาลงมือทดลองสูตรนับร้อยครั้ง จนได้ชาผลไม้ที่เป็นเอกลักษณ์ การเริ่มต้นด้วยเดลิเวอรี่ช่วยดันยอดขายจากวันละ 10 แก้ว ขยับเป็น 30–40 แก้วภายใน 2–3 เดือน
นั่นเป็นเหมือนสัญญาณที่บอกว่าถึงเวลาขยายเป็นหน้าร้าน และก็กลายเป็นความขัดแย้งกับครอบครัว แม่อยากให้ขายราคา 39 บาท เจาะตลาดแมส แต่เขาเลือกตลาดพรีเมียม ราคา 69–79 บาท เพื่อสร้างแบรนด์ที่คนอยากถ่ายรูปด้วย ความเห็นไม่ลงรอยนำไปสู่การทะเลาะครั้งใหญ่จนกิติพัฒน์ถูกตัดขาดจากครอบครัวถูกไล่ออกจากบ้าน
เดิมพันทุกอย่างด้วยบัตรเครดิต 3 ใบ
ด้วยความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้และโอกาสที่มาเยือน เมื่อทำเลร้านที่เคยเล็งไว้ยังไม่มีเจ้าของ กิติพัฒน์และแฟนจึงตัดสินใจคว้าโอกาสนั้น แม้จะไม่มีเงินทุนสักบาท แต่ความจำกัดไม่ได้หยุดพวกเขา พวกเขาปรึกษากันและตัดสินใจกดเงินจากบัตรเครดิต 3 ใบ รวมวงเงิน 135,000 บาท เพื่อเริ่มต้นร้านแรกในชีวิต การตัดสินใจครั้งนี้แทบไม่ต่างจากการเดิมพันครั้งสุดท้ายของชีวิต โดยแบ่งทุนเริ่มต้นเป็น
เซ้งสถานที่ 50%
อุปกรณ์เครื่องปั่นและแก้วชงชา 20%
แพ็กเกจจิ้ง 10%
วัตถุดิบ 10%
ป้ายและตกแต่งร้าน 10%
“การเริ่มต้นด้วยหนี้บัตรเครดิตทำให้ทุกวันกลายเป็นการต่อสู้เพื่อให้ธุรกิจอยู่รอดและเติบโต”
บริหาร Cash Flow แบบนักสู้
สิ่งหนึ่งที่เขาเรียนรู้จากประสบการณ์คือ การไม่มีเงินทุนหมุนเวียน กลายเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดของธุรกิจ แม้ยอดขายจะดูดี แต่กลับ ไม่มี Cash Flow ยิ่งถ้าวันไหนฝนตก ขายน้ำได้แค่ 20–30 แก้ว วันรุ่งขึ้นต้องซื้อวัตถุดิบ ยังมีหนี้บัตรเครดิตกดดัน ทำให้เขาต้องหาทางเพิ่มรายได้อย่างเร่งด่วน
เพื่อแก้เกม กิติพัฒน์ใช้กลยุทธ์ที่หลายคนอาจไม่คาดคิดคือ ขยายเวลาเปิดร้านจาก 10:00–22:00 น. ไปจนถึง 24 ชั่วโมง “ตอนนั้นร่างกายค่อนข้างแย่ แต่สิ่งที่ได้คือ คอนเทนต์ว่ามีร้านที่เปิด 24 ชั่วโมง หลายคนเห็นใจอยากมาอุดหนุน แม้ตีสองก็ยังมีลูกค้า การตัดสินใจนี้ช่วยให้ร้านเป็นที่รู้จัก และพยุงยอดขายจากช่วงที่ดรอปไป 30–40% แต่เขาเปิดร้าน 24 ชั่วโมงได้ไม่ถึงเดือน เพราะร่างกายไม่ไหว
“ความคิดเข้ามาในหัวว่า อยากจะสู้ต่อไหม หรือจะพอแค่นี้ ค่าเช่าก็กดดัน ลูกค้าไม่ซื้อ ฟ้าฝนไม่เป็นใจ ตอนนั้นสิ่งที่จะผ่านไปได้ก็อยู่ที่ตัวเองเลยครับ”
3 เทคนิคหลักที่ช่วยธุรกิจอยู่รอด
เมื่อเริ่มมีประสบการณ์ กิติพัฒน์เรียนรู้ว่า การทำบัญชีรายรับ–รายจ่ายเป็นสิ่งสำคัญ การจดบันทึกช่วยให้เห็นภาพรวมของธุรกิจชัดขึ้น รู้ว่าตรงไหนควรเพิ่มลงทุน ตรงไหนสามารถลดต้นทุนได้จริง และช่วยวางแผนการใช้เงินให้สอดคล้องกับความต้องการของธุรกิจ ทำให้การตัดสินใจเรื่องสต๊อก การซื้อวัตถุดิบ และการลงทุนอื่นๆ มีประสิทธิภาพมากขึ้น และจากประสบการณ์ตรง เขาได้สรุป 3 เทคนิคหลักที่ช่วยให้ธุรกิจอยู่รอด
นับสต๊อกอย่างละเอียด ช่วยให้รู้ว่าของเหลือกี่ชุด ขาดตัวไหน ต้องเติมเมื่อไหร่
ใช้แอปซื้อวัตถุดิบ ช่วยลดค่าน้ำมันและเวลาเดินทาง เอาเวลาไปทำการตลาดและสร้างคอนเทนต์แทน
ซื้อเยอะถูกกว่า ถ้ามีเงินสดซื้อของล็อตใหญ่ ต้นทุนต่อหน่วยลดลงมาก แต่ถ้าเงินไม่พอ ต้องซื้อแบบปลีก ทำให้ต่อรองราคาไม่ได้ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ต้องคุม Cash Flow ให้ดี
เทคนิคบริหารหนี้บัตรเครดิต
สำหรับกิติพัฒน์ หนี้บัตรเครดิตไม่ใช่อุปสรรค แต่เป็นเครื่องมือให้ธุรกิจเติบโต เขาใช้วิธีจัดลำดับชำระอย่างมีวินัย เริ่มจาก เคลียร์บัตรที่มียอดน้อยที่สุดก่อน เพื่อป้องกันดอกเบี้ยสะสมและสร้างความรู้สึกสำเร็จทันที จากนั้นค่อยๆ เคลียร์บัตรใบอื่นตามลำดับเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายโดยรวมจัดลำดับการชำระ: เคลียร์บัตรที่มียอดน้อยที่สุดก่อน เพื่อป้องกันดอกเบี้ยสะสม
“หนี้ไม่ใช่อุปสรรค แต่เป็นเครื่องมือ หากใช้ถูกจุด มันช่วยเร่งการเติบโตได้”
เงินสดคืออาวุธ การบริหารคือลูกกระสุน
จากวันที่หนี้กดดันจนหายใจไม่ออก มาถึงวันที่ธุรกิจเริ่มตั้งหลักได้ เขาพิสูจน์ให้เห็นว่า การจัดการการเงินไม่ใช่เรื่องของตัวเลข แต่มันคือเรื่องของกลยุทธ์
- เริ่มจาก ลำดับการปิดหนี้ให้ถูกต้อง
- วางแผน กระแสเงินสดอย่างละเอียด
- คุมสต๊อกให้แน่น ลดต้นทุนที่ซ่อนอยู่
- ใช้โปรโมชั่นสร้างฐานลูกค้า ไม่ใช่เผากำไรทิ้ง
เมื่อหนี้ถูกจัดการอย่างเป็นระบบและกระแสเงินสดเริ่มนิ่ง เขาก็หันมาโฟกัสที่การขยายยอดขาย
จากเดลิเวอรี่สู่ยอดขายวันละ 1,000 ลูก
นอกเหนือจากการบริหารจัดการเงิน กิติพัฒน์ยังทุ่มเทกับการตลาดอย่างจริงจัง กลยุทธ์สำคัญคือการมี คอนเซปต์ร้านที่ชัดเจน ทั้งกลุ่มเป้าหมายและคาแรกเตอร์ของแบรนด์ ทำให้การทำคอนเทนต์ตรงกลุ่ม ลูกค้าตอบรับดี คลิปโซเชียลมีเดียเข้าถึงง่ายและถูกแชร์อย่างต่อเนื่อง
เมื่อยอดขายน้ำเริ่มคงที่และลูกค้าสนใจขนม กิติพัฒน์จึงเพิ่ม โมจิผลไม้ เข้ามาเสริม สร้างรายได้เพิ่ม พร้อมคิดสูตรแป้งบางยืด ปั้นยาก แต่ทำให้แบรนด์มีเอกลักษณ์แตกต่างจากเจ้าอื่น
ผลลัพธ์คือยอดขายเติบโตอย่างรวดเร็ว จากเดลิเวอรี่วันละไม่กี่แก้ว ขยับขึ้นจน พีควันละ 1,000 ลูก และสร้างฐานลูกค้ากลุ่มพรีเมียมที่ภักดีต่อแบรนด์อย่างแข็งแรง
บทเรียนจากวิกฤต: mindset ที่ต้อง "กัดไม่ปล่อย"
แม้ธุรกิจจะเริ่มตั้งหลักได้ แต่กิติพัฒน์และแฟนยังต้องเผชิญกับความท้าทายเรื่องคน ซึ่งถือเป็นอุปสรรคสำคัญในการเติบโต โชคดีที่พวกเขาได้พนักงานที่ ใจสู้ และพร้อมทุ่มเทเต็มที่เพื่อร้าน
สิ่งที่ทำให้ธุรกิจไปต่อได้ไม่ใช่แค่พลังใจ แต่เกิดจาก ความรู้และความเข้าใจในธุรกิจควบคู่กัน
“ผมเคยเจอคำสบประมาท ใช่ อาจมีดวงการค้า แต่ไม่รู้ว่าหลังบ้านเราต้องทำงานหนักขนาดไหน ต้องหาความรู้ด้วย มีแรงอย่างเดียวก็ไม่ได้ ต้องกล้าออกจากกรอบ ทำให้ผมเทหมดหน้าตักในตอนนั้น ข้อดีคือ คุณจะเก่งเร็ว โตเร็ว เข้าใจทุกอย่างได้เร็ว พอขายดีนิสัยสู้กัดไม่ปล่อยมันจะทำให้ไปต่อได้” กิติพัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี