'สุขขี แฮนดิคราฟท์' ใช้ไอเดียเปลี่ยน “เถาวัลย์” เป็นเงินล้าน

 



เรื่อง นิธิดา วงศาโรจน์


    เมื่อใดก็ตามที่กล่าวถึงสินค้า OTOP ผู้บริโภคในบ้านเราก็คงอดไม่ได้ ที่จะนึกถึงสินค้าพื้นบ้านที่ไม่มีความโดดเด่น แถมหยิบจับเมื่อไหร่ก็รู้สึกถึงความเฉิ่มเชยอยู่เสมอ นั่นก็เพราะส่วนหนึ่งของการออกแบบสินค้า OTOP ให้ทันยุคทันสมัยยังมีให้เห็นอยู่น้อยมาก

    แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะไม่มีอยู่เลย อย่างสุขขีแบรนด์ ก็เป็นหนึ่งในแบรนด์ ที่สามารถพาสินค้าพื้นบ้านของตนบุกตลาดโลกและประสบความสำเร็จมาแล้ว โดยเส้นทางของ สุขขีแบรนด์ เริ่มต้นจาก "ศิริวรรณ สุขขี" ที่มองว่า คนรุ่นใหม่หลายคนมีแต้มต่อกับธุรกิจที่พ่อแม่ได้ปูทางไว้ให้ แต่ส่วนมากพวกเขามักเห็นว่าธุรกิจของครอบครัวเป็นอะไรที่น่าเบื่อ แล้วยิ่งเป็นสินค้าพื้นบ้านด้วยแล้ว จึงทำให้คนยุคใหม่เลือกที่จะเก็บเกี่ยวประสบการณ์ชีวิตด้วยตนเอง 

    ซึ่งแตกต่างจากแนวคิดของเธออย่างสิ้นเชิง เพราะถึงแม้เธอจะอยู่กับเถาวัลย์ สินค้าพื้นบ้านมาแต่เด็ก แต่เธอกลับนำองค์ความรู้ตรงนั้นมาผสานเข้ากับความเป็นสมัยใหม่ ก่อนจะขยายตลาดให้กว้างขึ้น และตั้งใจทำให้สินค้าเหล่านั้นกินใจทั้งคนไทยและคนต่างชาติ พร้อมลบภาพความเชยออกไป และได้ความเก๋เข้ามาแทนที่ ผ่านแบรนด์ สุขขี แฮนดิคราฟท์

 



    “งานเถาวัลย์ตัวนี้เกิดขึ้นตั้งแต่รุ่นคุณพ่อ ซึ่งขณะนั้นเราผลิตผลงานโดยมีฐานลูกค้าเป็นชาวต่างชาติ 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม โดยคุณพ่อจะส่งสินค้าผ่านคนกลางมาตลอด ทีนี้พอเราเรียนจบจึงตั้งใจที่จะลองนำสินค้าของเราบุกตลาดต่างประเทศเองบ้างเพื่อจะได้สื่อสารกับลูกค้าโดยตรง หลังจากนั้นเราจึงขยันออกงานแฟร์ของต่างประเทศ และเพียงไม่นานแบรนด์ของเราก็เป็นที่รู้จัก ทั้งในประเทศญี่ปุ่น เกาหลี ยุโรป หรือแม้แต่สหรัฐอเมริกา ซึ่งผลพวงจากการที่เราได้พบปะกับลูกค้าโดยตรง ทำให้เราเข้าใจในความต้องการของเขามากขึ้น จึงเป็นบ่อเกิดให้เราสามารถแตกไลน์สินค้าและมีความหลากหลายมากกว่าเดิม”

    เรียกได้ว่าการต่อยอดสินค้าชิ้นใหม่ ที่โดนใจชาวต่างชาติเป็นอันดับต้นๆ มีทั้งเรื่องของโชคและไหวพริบเข้ามาเกี่ยวไม่น้อย เพราะใครจะเชื่อว่ากระถางแตกๆ จะสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้า ได้มากกว่าสินค้าที่มีสภาพสมบูรณ์


 


    “จากเดิมที่เราออกแบบไอเดียผลงานผ่านวัสดุที่เป็นเถาวัลย์เพียงอย่างเดียว พอออกงานเยอะๆ เข้า ลูกค้าต่างชาติก็เริ่มรีเควสท์สิ่งที่เขาต้องการมากขึ้น ซึ่งจุดนี้กลายเป็นการต่อยอดที่ทำให้แบรนด์สุขขีมีโปรดักต์ไลน์ใหม่ๆ ออกมา เช่น การนำเครื่องปั้นดินเผาเข้ามาเป็นส่วนประกอบ ซึ่งเราก็ลองทำมาแล้ว โดยการซื้อกระถางจากที่อื่นมาแล้วก็นำมาดัดแปลงเข้ากับเถาวัลย์ ปรากฏว่าเราโดนลูกค้าตำหนิเรื่องของกระถางที่ไม่ได้คุณภาพ จึงทำให้เราคิดต่อยอดใหม่อีกครั้ง โดยการทำกระถางขึ้นมาเอง ผลปรากฏว่าล้มเหลวอีกแล้ว เพราะถึงแม้ว่าเราจะเชี่ยวชาญเรื่องเถาวัลย์ แต่การปั้นกระถางเป็นอะไรที่ค่อนข้างยาก ปั้นเสร็จ เผาแล้วแตก ทำอย่างไรก็ไม่สวย สุดท้ายเราจึงเก็ตไอเดียใหม่ ถ้าหากขายกระถางที่ดีไม่ได้ ก็ขายกระถางแตกเลยแล้วกัน”

    โปรดักต์ตัวดังกล่าว ถือเป็นการฉีกแนวด้านดีไซน์ออกจากคนอื่นชนิดที่ยากจะตามทัน ซึ่งผลงานของเธอครั้งนั้นต่างสร้างความฮือฮาให้แก่ลูกค้าชาวต่างชาติได้เป็นอย่างดี ซึ่งไม่เพียงแต่ลูกค้าตาน้ำข้าวเท่านั้น เพราะขณะนี้คนไทยส่วนใหญ่ก็หันมาจับตามองแบรนด์ของเธอมากขึ้นเช่นกัน

 



    “สินค้าที่สามารถสร้างความฮือฮาให้เราได้มากที่สุด คือการนำโอ่งที่แตกแล้วมาสร้างเป็นน้ำพุ โดยใช้ระบบน้ำวนและใช้เถาวัลย์เป็นขาตั้ง สินค้าตัวนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ถึงขนาดว่าลูกค้าจากประเทศเกาหลีขอทุบโอ่งด้วยตนเอง เพราะการแตกของโอ่งแต่ละใบ จะไม่สามารถทำให้เหมือนกันได้ ทุกชิ้นจะมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง เมื่อลูกค้าเข้ามาทุบเองมันก็เหมือนเป็น Signature ของเขา และด้วยความที่แบรนด์ของเราเติบโตมาได้ถึงขั้นนี้ ส่วนหนึ่งต้องบอกว่าคีย์เวิร์ดของการเป็นสินค้าที่มีชิ้นเดียวบนโลกมันช่วยได้ดีทีเดียว นอกจากนั้น ลูกค้าในประเทศก็เริ่มหันมาให้ความสนใจกับสินค้าของเรามากขึ้น อาจเพราะด้วยชื่อที่สามารถสร้างในต่างแดนได้ จึงทำให้แบรนด์ของเราเป็นที่รู้จัก และสุขขี แฮนดิคราฟท์ ก็เริ่มผลิตชิ้นงานระดับไฮเอ็นด์มาตีตลาดในประเทศพร้อมแตกไลน์มาทำรีสอร์ต โดยที่พักจะทำมาจากเถาวัลย์ทั้งหมด ซึ่งเปรียบได้กับโชว์รูมของแบรนด์เรา ที่จะทำให้ลูกค้าในประเทศได้สัมผัสกับสินค้าเราอย่างใกล้ชิดมากขึ้น”

    โดยในท้ายที่สุดนี้ ศิริวรรณยังได้ฝากถึงผู้ที่มีแนวคิดอยากนำสินค้า OTOPไปติดตลาดโลกว่า อย่ามองสินค้าที่มีในมือว่ามันเชย เพราะเราสามารถใส่ความทันสมัยเข้าไปได้อยู่ที่จะตีโจทย์ให้แตกได้หรือไม่ เมื่อตัวผลงานพร้อมในแง่ของดีไซน์ การออกงานต่างประเทศก็ถือเป็นหัวใจสำคัญที่จะทำให้แบรนด์เป็นที่รู้จัก และสามารถต่อยอดเข้ามาในประเทศได้ ถ้าหากว่าทุกคนสามารถทำตามเส้นทางนี้ได้ เชื่อว่าในอนาคตสินค้า OTOP จะไม่ใช่สินค้าที่เชยสำหรับผู้บริโภคในประเทศไทยอีกต่อไป

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลเพื่อความสำเร็จของธุรกิจเอสเอ็มอี (SME)


    

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

นวัตกรรมจาก Rehyphen อัปไซเคิลเทปคาสเซ็ตเก่า ให้เป็นผ้าผืนลายลวดลายเฉพาะตัว

การรีดีไซน์ที่ไม่ธรรมดา เมื่อ Rehyphen เปลี่ยนเทปคาสเซ็ตเก่าให้เป็นเนื้อผ้าล้ำสไตล์ ใส่ได้จริง แถมยังเล่าเรื่องความยั่งยืนได้

สาวผมยาวต้องถูกใจสิ่งนี้! Pony Cap ตัวช่วยสระผมแบบใหม่ ที่ให้คุณสระแค่ครึ่งหัว ก็สะอาด แห้งเร็วขึ้น

รู้จัก “Pony Cap” ถุงครอบป้องกันผมเปียกขึ้นมา เพื่อใช้คลุมส่วนของเส้นผมที่ไม่ต้องการให้เปียก โดยทำมาจากผ้าโพลีเอสเตอร์ ไอเดียธุรกิจที่เกิดจาก Pain Point ของสาวผมยาว

ปั้น Ocare Health Hub ยอมขาดทุน 3 ปีก่อนมีรายได้ 8 หลัก

เจาะลึกบทเรียนจาก พญ.ชุติมา ดุลมณี (หมอออม) CEO Ocare Health Hub ที่กล้าทิ้งความมั่นคงของคลินิกแพทย์ สู่สนามรบ Health Tech ที่ไร้กำไรในช่วง 3 ปีแรก เพื่อหาแนวทางสร้าง System ที่ปลดล็อกอิสรภาพทางธุรกิจทุบกำแพงรายได้เดิม