​เดอ ลา ลิต้า ต่อยอดโอกาส จากน้ำสลัด สู่ขนมอบกรอบ

Text : กองบรรณาธิการ



 

     จากน้ำสลัดขายดีแบรนด์ดังเฉพาะกลุ่มคนรักสุขภาพ ที่ยินดีควักเงินจ่ายขอแค่ให้ได้ของที่ดีจริง ลลิตา เลิศรัตนชัยกิจ ผู้เป็นเจ้าของแบรนด์ เดอ ลา ลิต้า สบโอกาสพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ขนมอบกรอบโฮลวีต ด้วยความบังเอิญ ทว่าความบังเอิญนี้กลับกลายเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ทำให้สินค้าใหม่ของเธอไม่เพียงเสริมน้ำสลัดให้ขายดี แต่ยอดขายขนมอบกรอบโฮลวีตชื่อแบรนด์เดียวกันก็มียอดขายไม่แพ้กัน และยังแซงหน้าไปบ้างด้วยซ้ำในบางจังหวะของการขาย


     ลลิตาเล่าว่าเดิมทีเธอเป็นเจ้าของร้านอาหารเพื่อสุขภาพสไตล์อิตาเลียน โดยมีจุดขายตรงที่มีแปลงปลูกผักไฮโดรโปนิกส์เป็นฉากเบื้องหลัง ลูกค้าที่มากินที่ร้านมั่นใจได้ในความสด สะอาด และปลอดสารพิษ เมนูที่ขึ้นชื่อของเธอคือ สารพัดสลัดที่มีน้ำสลัดปรุงสดรสดีจากวัตถุดิบแท้ ซึ่งมีรสชาติอร่อยถูกปากลูกค้าจนถูกขอซื้อบ่อยครั้ง กระทั่งเธอทำใส่กระปุกขายเป็นกิจลักษณะ แต่ในช่วงแรกยังเป็นการวางขายภายในร้าน ซึ่งก็ขายดีมากจนเพื่อนๆ ยุให้ผลิตออกมาสร้างแบรนด์ และทำตลาดอย่างจริงๆ จังๆ



 
     “ตอนแรกเราผลิตใส่ขวดทำแพ็กเกจจิ้งง่ายๆ ขายในร้านก่อน ปรากฏว่าใครมาก็ต้องขนซื้อกลับไปทีครั้งละมากๆ ช่วงก่อนหน้าที่เราจะเอาไปขายในห้าง มีคนให้แมสเซ็นเจอร์มาขนทีครั้งละ 20-30 ขวด เพราะถ้าใครอยากกินต้องมาซื้อที่นี่ที่เดียว แล้วตอนนั้นเวลาเราไปที่ไหนก็จะเอาติดมือไปแจกให้เพื่อนๆ กินด้วย หลายคนได้กินแล้วก็บอกว่ารสชาติดี อร่อย ทำไมไม่สร้างแบรนด์ และทำขายจริงๆ จังๆ เราก็เลยใส่ชื่อทำแพ็กเกจจิ้งขึ้นมา จนตอนหลังห้างมาติดต่อเรา แต่เราเลือกลงเฉพาะห้างที่มีคอนเซ็ปต์เป็นร้านเพื่อสุขภาพ”



 

     ในการโปรโมทน้ำสลัดแบรนด์ เดอ ลา ลิต้า ลลิตาใช้วิธีออกบูธเชิญชวนให้ลูกค้าลองชิม ณ จุดขาย โดยเธอเอาผักสดปลอดสารพิษในแปลงปลูกของตัวเองมาให้ลูกค้าดิปกินกับน้ำสลัด แต่ปรากฏว่าผักที่เตรียมมามักประสบปัญหาเหี่ยวเฉาง่าย นั่นจึงเป็นที่มาของโอกาสธุรกิจสำหรับสินค้าตัวใหม่ของเธอ
 



     “เริ่มมาจากมีซีพีรายหนึ่งขายดีกว่าคนอื่น เราก็แอบดูว่าเขาขายวิธีไหน ก็ไปเห็นว่าเด็กคนนี้ไม่ได้ยืนขายที่บูธ แต่ไปยืนขายตรงเชลฟ์วางขายขนม แล้วซื้อขนมมาให้ลูกค้าดิปชิมกับน้ำสลัดของเรา กลายเป็นว่าขนมก็ขายได้ น้ำสลัดของเราก็ขายได้เยอะขึ้น เราก็เลยนำเข้าขนมแผ่นอบกรอบมาจากเมืองนอก ตั้งใจเอามาไว้ให้ลูกค้าดิปชิมกับน้ำสลัดของเรา แล้วก็วางขายด้วยไปในตัว ปรากฏว่าขนมอบกรอบขายดีมาก จนยอดขายแซงน้ำสลัดของเราอีก เวลาคนมาซื้อเขาจะซื้อขนมอบกรอบคู่กับน้ำสลัดของเราไป แต่จะซื้อขนมเยอะกว่า เราก็เอาเรื่องนี้ไปเล่าในกลุ่มเพื่อนที่อบรมด้านธุรกิจด้วยกัน พอดีมีเพื่อนคนหนึ่งบอกว่าเขาทำขนมอบกรอบลักษณะนี้ได้ เพราะบ้านเขาเป็นโรงงานผลิตขนมอบกรอบอยู่แล้ว ก็เลยเป็นโอกาสให้เราได้ผลิตขนมอบกรอบมาเป็นสินค้าตัวใหม่ของเรา ซึ่งปัจจุบันมียอดขายแซงหน้าน้ำสลัดไปแล้ว”
 

     ลลิตาตั้งชื่อแบรนด์ขนมอบกรอบของเธอว่า เดอ ลา ลิต้า ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับน้ำสลัดของเธอ เพราะตั้งใจที่จะขายคู่กัน ภายใต้คอนเซปต์ขนมดีมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ซึ่งตอบโจทย์คนในยุคนี้ที่เติบโตมาพร้อมกับการรับรู้ว่าขนมถุงกินแล้วไม่ดีต่อสุขภาพ
         
    
  

     “ยุคนี้ใครๆ ก็ชอบพูดว่าขนมถุงไม่ดี กินแล้วอ้วน ไม่มีประโยชน์ ไม่ดีต่อสุขภาพ แต่บางทีงานยุ่งๆ รถติดๆ เราก็อยากมีของกินติดรถไว้บ้าง แล้วการกินขนมกินเล่นก็เป็นวิถีการกินแบบอาเซียนด้วย ยิ่งผู้หญิงนี่ขาดไม่ได้เลย แล้วตอนที่ออกแบบขนมตัวนี้ เราคิดบนพื้นฐานที่ว่าทำยังไงก็ได้ให้ดิปกินกับน้ำสลัดแล้วอร่อย เพราะตอนนั้นน้ำสลัดของเราขายดีอยู่แล้ว ก็เลยทำรสธรรมชาติ ออกจืดๆ หน่อย แต่คนกินแล้วรู้สึกดีเพราะไม่มีอะไรปรุงแต่ง ก็เลยตอบโจทย์คนรักสุขภาพที่ยังอยากมีขนมกินเล่นให้ได้กินอยู่บ้าง ทำให้ขายดี และกลายเป็นสินค้าสร้างยอดขายให้กับธุรกิจของเราในตอนนี้”
   
            
     จากวันนั้น จนถึงวันนี้ ปัจจุบัน ขนมอบกรอบ เดอ ลา ลิต้า ได้พัฒนารสชาติเพิ่มขึ้น จนมี 3 รสชาติ ได้แก่ รสออริจินัล รสซาวครีมและหัวหอม และรสสโมคกี้บาร์บีคิว โดยวางจำหน่ายในร้านอาหารสุขภาพ ร้านกาแฟ และซูเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ เช่น Tops Market, Gourmet Market, Home Fresh Mart และโมเดิร์นเทรดทั่วไป นอกจากนี้ยังมีแผนจะไปตีตลาดในประเทศมาเลเซียและสิงคโปร์อีกด้วย


www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

 

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

ไอเดียสุดแสบ! ร้านออนไลน์จีนทำป้ายใหญ่  แก้ปัญหาลูกค้าใส่แล้วคืน

ถ้าเปิดกล่องเสื้อผ้าออนไลน์แล้วเจอแท็กใหญ่เท่ากระดาษ A4 พร้อมข้อความว่า “ห้ามคืนหรือเปลี่ยน หากป้ายถูกถอดออก” หรือซิปที่ถูกล็อกด้วยรหัสลับ นี่เป็นส่วนหนึ่งของเรื่องราวสุดแปลกใหม่ที่วงการอีคอมเมิร์ซจีนกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้

Stay with Tree Café จากร้านลึกสุดซอย สู่แบรนด์ที่เติบโตด้วยพลัง Storytelling

ซี-อภิรดี อัษรานนท์ เริ่มต้นทำคาเฟ่ด้วยใจรักกาแฟและบรรยากาศอบอุ่น แม้ร้านใหม่จะอยู่ลึก ซอยตัน ไม่มีแอร์ แต่เรื่องเล่าของร้านก็พาคนเข้ามาคาเฟ่แห่งนี้ และเค้กที่เริ่มจากศูนย์ ก็กลายเป็นธุรกิจเต็มตัว

กว่าจะได้เป็นมือขวาแม่ ทายาทร้าน 'ลาบก้อยซอยนานา' ใช้ Data และบัญชี ต่ออายุร้าน 10 ปีให้ยอดขายเพิ่ม 6 เท่า

เมล–ธนัท สุริยะภูมิ ทายาทรุ่นสองและวิศวกรเกียรตินิยมอันดับสอง ต่อยอดระบบเดิมโดยไม่ล้มของเก่า ใช้ Data และการทำบัญชี พลิกฟื้นร้าน “ลาบก้อย ซอยนานา” จาก 15 โต๊ะเกือบปิดกิจการ…สู่ยอดขายโต 6 เท่าใน 5 เดือน