การทำธุรกิจออนไลน์ ผู้ประกอบการหลายคนคงมีอาการปวดหัวกับปัญหาจุกจิก ไม่ว่าจะเป็น แพ็กของส่งลูกค้า ยกของทีละหลายสิบลังจนปวดหลังไปจนถึงการเหน็ดเหนื่อยกับการสต็อกสินค้า แม้จะจ้างพนักงานมากเท่าไหร่แต่ปัญหาก็ดูเหมือนจะไม่มีวันจบ สิ่งเหล่านี้กลายเป็น Pain Point ที่ขวางกั้นการเติบโตของธุรกิจ SME ในไทย ถ้าหากอยากไปได้ไกลกว่านี้ บางทีก็ต้องกล้าเปลี่ยน
MyCloudFulfillment ระบบคลังสินค้าออนไลน์ ที่เกิดขึ้นมาเพราะว่าเข้าใจความต้องการของคนทำธุรกิจว่าพวกเขาต้องเจอกับปัญหาในเรื่องของการสต็อกสินค้าและเรื่องจุกจิกกวนใจจนทำให้การเติบโตเป็นไปได้ยากจนกระทั่งเมื่อ 3 ปีที่แล้ว นิธิ สัจจทิพวรรณ Co-Founder ของ MyCloudFulfillment ซึ่งเป็นคนขายของออนไลน์มาก่อนและเข้าใจดีว่า ปัญหาหลักคือเรื่องของการแพ็กของ ส่งของ โลจิสติกส์ต่างๆ จึงคิดพัฒนาระบบขึ้นมาเพื่อใช้ในการทำธุรกิจของตัวเอง แม้ธุรกิจออนไลน์ของเขาอาจจะไม่สำเร็จอย่างที่คิด แต่ในทางกลับกันพบว่า ระบบที่พัฒนาขึ้นมานี้สามารถใช้งานได้ดีมาก ด้วยเหตุนี้เอง นิธิจึงตัดสินใจพัฒนาระบบต่อ และด้วยความที่เขาคลุกคลีอยู่ในธุรกิจครอบครัว ซึ่งทำคลังสินค้ามา 20 ปี แต่ด้วยคลังสินค้าแบบเก่า ซึ่งมีคู่แข่งมากขึ้น ธุรกิจแย่ลง ทำให้เขาปิ๊งไอเดียที่จะผสานสองสิ่งนี้รวมกันจนเกิดเป็น MyCloudFulfillment ระบบจัดการสินค้าออนไลน์ ทุกการซื้อ-ขายจะง่ายยิ่งขึ้น
ทลายอุปสรรค เพิ่มโอกาส ดันยอดขายพุ่ง
นิธิชี้ให้เห็นว่า Pain Point หลักของการทำธุรกิจคือ พอมาถึงจุดหนึ่งจะไปต่อไม่ได้แล้ว สิ่งที่ผู้ประกอบการหลายคนต้องทำคือ การมองหาผู้ช่วยเพื่อที่จะทำให้สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้มากขึ้น และทำตามความฝันให้สำเร็จ โดยที่ MyCloudFulfillment จะมาช่วยเป็นแบ็คอัพให้ผู้ประกอบการออนไลน์นั่นเอง
“เรามองว่าทุกๆ ธุรกิจมีปัญหาในเรื่องของการสต็อกสินค้า แพ็กของ ส่งของ เช่น มีลูกค้าเราคนหนึ่ง ก่อนหน้านี้ Warehouse เขาคือของเยอะมากและไม่รู้จะเรียกว่า Warehouse ได้ไหม ทุกอย่างกองรวมกัน วิธีการทำงานก็ดูปกตินะ มีออร์เดอร์แพ็กของ ส่งของ แต่สิ่งที่ตามมาคือ 10 เปอร์เซ็นต์สินค้าหายไป 10 เปอร์เซ็นต์แพ็กของส่งพลาด นอกจากนี้ SME ทั่วไปยังแข่งขันกับบริษัทใหญ่ได้ยาก เพราะเขามี Resources มากกว่า เงินเยอะกว่า Marketing แรงกว่า ศักยภาพหลังบ้านของ SME ไม่ได้พร้อมเหมือนเขา เราเลยเข้ามาช่วย ทำคลังสินค้า กระจายสินค้า ให้เขาสามารถไปได้ทุกช่องทาง มีโอกาสมากขึ้น”
นอกจากนี้นิธิยังบอกว่าทุกวันนี้ลูกค้ามีอยู่ทุกหนทุกแห่ง ทุกช่องทางคือโอกาส ถ้าธุรกิจไหนสามารถเข้าไปอยู่ในช่องทางได้เยอะกว่าเท่ากับมีโอกาสมากกว่า แต่ถ้ายังต้องจัดการทุกอย่างด้วยตนเอง การจะขยายช่องทางอาจทำได้ยาก
“ลูกค้าของ MyCloudFulfillment จะเป็นคนที่เริ่มใหญ่ระดับหนึ่ง อยากที่จะไปต่อ เขาเจอทางตันมาแล้ว เพราะถ้ายังขายแค่ช่องทางเดียว เช่น Facebook ทำคนเดียวอาจจะยังสามารถจัดการได้ แพ็กเองได้ ส่งเองได้ แต่พอถึงจุดหนึ่งที่จะต้องโตขึ้น เขาจะรู้ว่าเรื่องพวกนี้ต้องตัดออก ปล่อยให้คนอื่นจัดการ เพื่อจะได้เอาเวลาไปบริหารและพัฒนา คุยกับลูกค้า ขายสินค้าก็พอ”
อีกจุดหนึ่งเปลี่ยนหลังจากที่ลูกค้าเข้ามาใช้บริการ MyCloudFulfillment นั่นคือการที่ผู้ประกอบการจะสามารถมีเวลาในการทำ Demand Forecast เพื่อคอนโทรลการผลิตสินค้าและบริหารการกระจายสินค้าของตัวเองได้ดียิ่งขึ้น
“ลูกค้าที่มาหาเรา จะมาเพราะต้องการโตขึ้น มาเพื่อใช้บริการที่ Professional ขึ้น เพราะฉะนั้นทุกคนมาเพราะมีความฝัน สิ่งที่เกิดขึ้นคือเมื่อคุณนำสินค้ามารวมไว้ในจุดเดียว คลังสินค้าเดียว คุณจะสามารถเห็นข้อมูลได้ทั้งหมดเลยว่าสินค้าในแต่ละช่องทางเป็นยังไง มีสต็อกเท่าไหร่ ส่งของไปถึงไหน ทำให้เขาสามารถทำ Demand Forecast ได้ สุดท้ายนั่นจะทำให้คุณชนะในธุรกิจออนไลน์ เพราะคุณคาดเดาได้ว่าจะต้องผลิตเท่าไหร่ เก็บเท่าไหร่ ช่องทางนี้น่าจะขายได้พันชิ้นในเดือนหน้า ช่องทางนี้สิบชิ้น ตัวแทนสายไหนขายดีหรือขายไม่ดี ทำให้วางแผนการสต็อกของได้ดีขึ้น สต็อกที่ดีที่สุดคือสต็อกที่ไม่มีของ คลังที่ดีที่สุดคือคลังที่มีที่เดียว”
สำหรับวิธีการทำงานของ MyCloudFulfillment เริ่มต้นจากที่ลูกค้านำสต็อกสินค้ามาเก็บไว้ในคลังสินค้า จากนั้นก็จะใช้เวลาอัพเดตสินค้าเข้าระบบประมาณ 2 วัน เมื่อสินค้าพร้อมในระบบ ผู้ประกอบการก็สามารถเข้ามาจัดการ Warehouse ผ่านทางออนไลน์ได้เลย
“พอระบบพร้อม เจ้าของร้านก็สามารถเข้ามาจัดการออร์เดอร์ ใส่ชื่อที่อยู่ลูกค้า วิธีการจัดส่ง จากนั้นข้อมูลจะยิงมาที่เรา เราก็จะทำการหยิบของ แพ็กของ จัดส่งตามวิธีที่ลูกค้าเลือก ส่งในวันนั้นเลย จากนั้นเราจะส่ง Link สำหรับการตรวจสอบสถานะสินค้า”
เรียกได้ว่า MyCloudFulfillment จะทำหน้าที่เป็นแบ็คอัพ SME เพื่อให้การขายสินค้าออนไลน์นั้นง่าย และสะดวกยิ่งขึ้น โดยปัจจุบันมีสินค้าประมาณ 90,000 ไอเท็มต่อเดือนที่ผ่านระบบของ MyCloudFulfillment ทำให้มีข้อมูลของลูกค้าเป็นจำนวนมากที่สามารถนำไปย่อยเพื่อใช้ในการพัฒนาธุรกิจของลูกค้าต่อไป เช่น การทำ Marketing อีกทั้งในอนาคต MyCloudFulfillment ยังมองเห็นโอกาสที่จะพา SME ไทยไปต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายจะเริ่มที่ประเทศเวียดนามเป็นที่แรก เนื่องจากมีคลังสินค้าพร้อมอยู่แล้ว
เปิดแนวคิดทำธุรกิจสำเร็จสไตล์ Startup
นอกจากนี้นิธิยังได้ปิดท้ายด้วยแนวคิดในการทำธุรกิจสไตล์คนรุ่นใหม่หัวใจ Startup โดยคีย์หลักอยู่ที่ “ความเร็ว กล้าเสี่ยงและล้มเหลวบ้าง”
“ในเชิง Startup ทุกอย่างต้องเร็วมาก ทุกอย่างที่ลูกค้าต้องการต้องได้ทันที ถ้าเราทำได้เร็ว ลูกค้าจะอยู่กับเราได้นาน ถ้าช้าลูกค้าอาจจะเปลี่ยนไปอยู่กับคู่แข่ง เราต้องกล้าที่จะเสี่ยง ต้องลองลงทุน พลาดก็พลาด ล้มก็ล้ม มองความเสี่ยงให้ออก ถ้าไปตรงนี้อาจจะเสียแสนหนึ่ง แต่ถ้าคุ้มก็ลองดู ส่วนความสำเร็จคือการที่เราแก้ปัญหาให้ SME ได้ การไปถึงความสำเร็จคือการล้มเหลวบ้าง มีแผลเต็มตัวบ้าง การที่เรามีแผลคือเราเจ็บมาก่อน ทำให้เราเข้าใจและสามารถช่วยเขาได้จริงๆ”
จากแนวคิดที่ต้องการเป็นผู้ช่วยสร้างความสำเร็จให้ SME ทำให้ MyCloudFulfillment ติด 1 ใน 10 ทีมของโครงการ Digital Ventures Accelerator รุ่นที่ 1 ซึ่งเป็นโครงการที่ดำเนินการโดยดิจิทัล เวนเจอร์ส บริษัทผู้พัฒนานวัตกรรมทางการเงินในเครือธนาคารไทยพาณิชย์ ที่ช่วยบ่มเพาะและส่งเสริม Startup ทั้งความรู้และเงินทุนให้ Startup เติบโตอย่างยั่งยืน ทั้งนี้ จากการได้เข้าร่วมโครงการดังกล่าว ทำให้ MyCloudFulfillment ได้รับโอกาสดีๆ ในการต่อยอดธุรกิจ
“การที่มาเข้าร่วมโครงการ DVA เป็นโอกาสที่ดี มีคอร์สที่น่าสนใจ เป็นสิ่งที่คุ้มค่ามาก นอกเหนือจากเรื่องความรู้ต่างๆ ยังมีโอกาสได้ต่อยอดธุรกิจของตัวเองกับ SCB และลูกค้าองค์กรของธนาคารมากขึ้น เป็นการสร้าง Connection ที่ไปต่อได้ทันที ช่วยทำให้ธุรกิจเราเติบโตได้มากขึ้น”
ล่าสุด MyCloudFulfillment ได้รับรางวัล Silver Award จากเวที DVAb1 Demo Day เมื่อวันที่ 29 มีนาคมที่ผ่านมา โดยได้รับข้อเสนอด้านการลงทุนเป็นจำนวนเงิน 4.8 ล้านบาท (ราว 1.5 แสนดอลล่าร์สหรัฐฯ) จากดิจิทัล เวนเจอร์ส บริษัทในเครือธนาคารไทยพาณิชย์
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
