
Main Idea
- การพัฒนาธุรกิจด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีเป็นสิ่งสำคัญต่อการทำธุรกิจยุคนี้ เพราะนี่คือเครื่องมือที่จะช่วยให้ SME ก้าวนำคู่แข่ง สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถแข่งขันได้ในตลาด
- แต่กลับมีผู้ประกอบการ SME ไทยไม่ถึง 1 เปอร์เซ็นต์ หรือแค่ 30,000 ราย ที่มีการใช้งานวิจัยและนวัตกรรมเข้ามาเปลี่ยนแปลงธุรกิจ
- อย่าให้เหตุผลเหล่านี้มาฉุดรั้งการเติบโตของธุรกิจคุณ หากอยากเติบโต SME ต้องมุ่งเน้นและให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมและงานวิจัยมาพัฒนาให้ครบทั้ง 3 ด้าน คือ ผลิตภัณฑ์ กระบวนการทำงาน และการตลาด

การพัฒนาธุรกิจด้วยวิทยาศาสตร์ นวัตกรรม และเทคโนโลยี หรือ Innovation Driven Economy เป็นสิ่งสำคัญมากในการทำธุรกิจยุคนี้ เป็นเครื่องมือที่จะช่วยให้ SME ก้าวนำคู่แข่ง สามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังเป็นแนวทางให้ธุรกิจสามารถอยู่รอดได้ภายใต้ภาวะการแข่งขันในตลาดที่ทวีความรุนแรงมากขึ้น

แม้ว่าแนวโน้มผู้ประกอบการในประเทศไทยจะเริ่มหันมาให้ความสำคัญกับการลงทุนด้านการพัฒนานวัตกรรมและงานวิจัยเพิ่มมากขึ้น แต่เมื่อเทียบสัดส่วนดังกล่าวกับจำนวน SME ที่มีอยู่ในประเทศไทยกว่า 3 ล้านรายแล้ว กลับพบว่ามีไม่ถึงร้อยละ 1 หรือไม่ถึง 30,000 ราย ที่มีการใช้งานวิจัยและนวัตกรรมเข้ามาเปลี่ยนแปลงธุรกิจ
โดยสาเหตุหลักที่ทำให้ SME ยังไม่สามารถเข้าถึงเรื่องดังกล่าวได้ เป็นเพราะ
1. ขาดองค์ความรู้ โดยเฉพาะในเรื่องของการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารทั้งจากภายในและต่างประเทศ เช่น ข่าวรายวัน ผลงานวิจัยใหม่ๆ การศึกษาข้อมูลตัวอย่างของผู้ประกอบการต้นแบบที่ประสบความสำเร็จ ฯลฯ
2. ขาดเงินทุน เนื่องจากในการผลิตงานวิจัยหรือนวัตกรรมยังมีต้นทุนที่สูง
3. ขาดเครือข่ายเชื่อมโยงไปยังหน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสถาบันการเงิน สถาบันการศึกษา จึงยังทำให้ไม่มีโอกาสในการร่วมกันพัฒนานวัตกรรม หรือการนำผลงานวิจัยไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์มากนัก
4. ขาดกำลังคน ไม่ว่าจะเป็นบุคลากรที่มีความรู้ในสถานประกอบการ การขาดเครื่องมือ ระบบดิจิทัล และเทคโนโลยีที่ทันสมัย
5. การกระจุกตัวของการพัฒนานวัตกรรม ที่ส่วนใหญ่ยังอยู่แค่ในระดับส่วนกลาง หรือระดับหัวเมือง จึงทำให้ผู้ประกอบการในระดับภูมิภาคยังติดอยู่กับรูปแบบธุรกิจเดิมๆ และไม่สามารถพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ ได้

อย่าให้เหตุผลเหล่านี้มาฉุดรั้งการเติบโตของธุรกิจ เพราะงานวิจัยและนวัตกรรมนั้นไม่เพียงแต่จะทำให้ธุรกิจอยู่รอดหรือสู้กับคู่แข่งได้ แต่ยังเป็นการปูทางไปสู่ความสำเร็จเช่นเดียวกับอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ โดยจะเห็นได้ว่าบริษัทที่มีการเติบโตมักจะให้ความสำคัญกับการลงทุนเรื่องการวิจัยและการสร้างนวัตกรรม จะเห็นได้ว่าเมื่อมีการสร้างนวัตกรรมสำเร็จแล้ว สินค้าและบริการต่างๆ ยังเป็นตัวแปรและปัจจัยที่สำคัญในการกำหนดพฤติกรรมของผู้บริโภคและสร้างการจงรักภักดีต่อแบรนด์สินค้าได้เป็นอย่างดี

ฉะนั้นแล้ว SME ที่อยากเติบโตต้องมุ่งเน้นและให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมและงานวิจัย 3 ด้าน คือ
- การพัฒนานวัตกรรมสินค้าและบริการที่เป็นสิ่งใหม่และไม่คุ้นเคย โดยจะต้องเป็นสิ่งแปลกใหม่ที่ไม่ซ้ำกับสินค้าหรือบริการประเภทเดียวกัน เพื่อสร้างความประทับใจให้กับผู้บริโภค และมีความก้าวล้ำเหนือคู่แข่ง เช่น บริการหลังการขาย การออกแบบผลิตภัณฑ์ที่ทันสมัย สินค้าหรือบริการที่มีหลากหลายฟังก์ชั่นการใช้งาน การสร้างคอนเทนท์หรือการนำเสนอเนื้อหาผ่านสื่อต่างๆที่มีความดึงดูดใจ การผลิตสินค้าเพื่อสุขภาพ เป็นต้น การเน้นนวัตกรรมที่เกี่ยว
- กับกระบวนการผลิต โดยจะต้องอาศัยเครื่องมือต่างๆที่มีความทันสมัย สามารถประยุกต์เทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อยกระดับประสิทธิภาพและความสามารถในการผลิต รวมทั้งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ การนำระบบอัตโนมัติเข้ามาใช้ในกระบวนการผลิต การใช้พลังงานทดแทน นวัตกรรมเพื่อการลดต้นทุน เป็นต้น
- การพัฒนาวิจัยและนวัตกรรมทางการตลาด ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างการใช้เทคโนโลยีและความคิดสร้างสรรค์เพื่อสร้างการเติบโตทางธุรกิจแบบก้าวกระโดด โดยไม่จำเป็นต้องลงทุนมหาศาลเพื่อดึงดูดผู้บริโภคให้หันมาใช้ผลิตภัณฑ์และบริการ เช่น การมีระบบจัดเก็บข้อมูล (Big Data) การใช้โซเชียลมีเดีย การมีระบบสื่อสารใหม่ๆ ทั้งทางตรงและทางอ้อมกับผู้บริโภค เป็นต้น

ที่มา : กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี