วินิจ ฤทธิ์ฉิ้ม เจ้าของโรงงาน OEM ที่เกือบเจ๊งเพราะวิกฤต สู่ผู้คิดค้นวัสดุดามกระดูกเจ้าแรกในไทย




Main Idea
 
 
  • วิกฤตเศรษฐกิจปี 2540 อาจไม่ได้เลวร้ายเสมอไป เพราะสำหรับบางคนแล้ว วิกฤติครั้งนั้น ได้หยิบยื่นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ในการทำธุรกิจของพวกเขา
 
  • เช่นเดียวกับ “วินิจ ฤทธิ์ฉิ้ม” เจ้าของโรงงาน OEM ที่เกือบเจ๊งเพราะวิกฤต เขาพลิกชีวิตด้วยการหันมาจับธุรกิจใหม่ จนเป็นรายแรกในไทยที่ผลิตและจำหน่ายวัสดุดามกระดูกฝังใน ได้รับความไว้วางใจจากกว่า 140 โรงพยาบาลทั่วประเทศไทย


     วิกฤตต้มยำกุ้งปี 2540 เป็นความทรงจำเลวร้ายที่เปลี่ยนอนาคตใครหลายคนไปโดยสิ้นเชิง แต่สำหรับบางคนแล้ว วิกฤตครั้งนั้นได้ให้ชีวิตใหม่กับเขา






     เรากำลังพูดถึง “วินิจ ฤทธิ์ฉิ้ม” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ออโธพีเซีย จำกัด อดีตผู้ผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ที่ประสบกับศึกสาหัสในวิกฤตเศรษฐกิจปี 2540
             

     ก่อนเกิดวิกฤตพวกเขาทำโรงงานรับจ้างผลิตชิ้นส่วนประกอบรถยนต์  อยู่ในอุตสาหกรรมยานยนต์มากว่า 20 ปี เก่งผลิตแต่ต้องทำงานภายใต้เงื่อนไขของลูกค้า ไร้อำนาจต่อรอง เพราะไม่มีแบรนด์เป็นของตัวเอง


     จนมาเกิดวิกฤตปี 2540 งานหมด เงินหาย เมื่อลูกค้าเริ่มไม่จ่ายเงิน งานใหม่ไม่มีให้ทำ ส่วนงานที่ทำไปแล้วก็ไม่มีจ่าย สถานการณ์ตอนนั้นถามว่าช้ำแค่ไหน เขาบอกว่าเสียหายไปหลายล้านบาท ขณะที่ยังมีแรงงานที่ฝากชีวิตไว้ให้ดูแลอีกกว่า 60 คน
               

     วิกฤตเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ เมื่อผ่านมาแล้วผู้ประกอบการก็มีแค่ 2 ทางเลือก คือยอมยกธงขาวปิดฉากธุรกิจไป หรือทำทุกวิถีทางเพื่อให้กิจการได้ไปต่อ
               

     สำหรับ วินิจ เขาเลือกทางหลัง แต่ไม่ใช่เส้นทางเดิม
               

     วินิจใช้โอกาสจากความยากลำบาก และสถานการณ์ที่บีบคั้น มาหาทางเดินใหม่ให้กับธุรกิจ เขาบอกว่า
               

     “ถ้ายังสบายดีอยู่ก็จะคิดถึงแต่ความสุข แต่พอลำบากมันเป็นโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลง”
               





     แล้วในความลำบากเขามองเห็นโอกาสอะไรบ้าง วินิจบอกเราว่า ในตอนนั้นแทบทุกอุตสาหกรรมล้มกันหมด แต่มีอยู่ตลาดหนึ่งซึ่งยังคงเติบโตได้ และลอยตัวอยู่เหนือวิกฤต นั่นคือ “อุปกรณ์ทางการแพทย์และการรักษา” โดยเฉพาะวัสดุดามกระดูก เพราะบ้านเรามีอุบัติเหตุที่ทำให้กระดูกแตกหักเป็นจำนวนมาก ทั้งยังไม่มีผู้ผลิตในประเทศไทย ต้องนำเข้าและมีราคาค่อนข้างสูง


     แล้วถามว่าคนทำแต่ชิ้นส่วนรถยนต์มาครึ่งชีวิต แถมยังไม่มีความรู้ในวงการแพทย์เลยสักนิด จะมาฉกฉวยโอกาสที่มองเห็นนั้นได้อย่างไร เป็นคนอื่นก็คงแค่เห็นและพับแผนไปเพราะคิดว่า “เป็นไปไม่ได้” ...แต่ไม่ใช่กับคนอย่างเขา
               

     วินิจเริ่มต้นหาความรู้ ศึกษาตลาดและรู้คู่แข่ง โดยมี “แพทย์” เป็นอาจารย์ของเขา เขาใช้วิธีไปสอบถามแพทย์ถึงผลิตภัณฑ์ที่ใช้ เรียนรู้อุปสรรคปัญหาของแต่ละแบรนด์ผ่านคอมเมนต์ของแพทย์ ไปออกบู๊ธแนะนำตัวเองในงานประชุมแพทย์เพื่อหาโอกาสพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูล  ศึกษาเครื่องจักร วิธีการผลิต ขั้นตอนทดสอบความปลอดภัย แล้วค่อยๆ พัฒนาสินค้าของตัวเองออกมา โดยการทำงานวิจัยร่วมกับแพทย์ไทยซึ่งเป็นผู้ใช้โดยตรง
               

     โดยใช้จุดขายที่ ออกแบบให้เหมาะกับสรีระของคนเอเชียซึ่งแตกต่างจากชาวตะวันตก สามารถปรับดีไซน์ให้ตรงกับความต้องการ ทำราคาได้ถูกกว่า และหากเกิดปัญหาก็ดูแลแก้ไขได้รวดเร็วกว่า และนั่นคือจุดแข็งที่แจ้งเกิดธุรกิจใหม่ของพวกเขา ซึ่งฟื้นคืนชีพอีกครั้งในปี 2545 ในนาม บริษัท ออโธพีเซีย จำกัด
               

     ปัจจุบันออโธพีเซียได้รับการรับรองมาตรฐานตามระบบ ISO13485 และ CE Mark ซึ่งเป็นมาตรฐานทางการแพทย์ที่ยอมรับกันทั่วโลก เป็นบริษัทแรกในไทยที่ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องมือแพทย์ประเภทวัสดุดามกระดูกฝังใน และได้รับความไว้วางใจจากกว่า 140 โรงพยาบาลทั่วประเทศไทย
               



     และยังคงพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง โดยสามารถพัฒนานวัตกรรมวัสดุทดแทนหมอนรองกระดูกสันหลังชุดนารายณ์ (NARAI LLIF)  เพื่อใช้ในการรักษาโรคหมอนรองกระดูกสันหลังเสื่อมแบบเปิดแผลเล็กเข้าทางด้านข้าง ที่ช่วยให้การผ่าตัดทำได้ง่าย รวดเร็ว และสะดวกขึ้น ตอบโจทย์ทั้งแพทย์ ผู้ป่วย ซึ่งเพิ่งไปคว้ารางวัล The Best SME Thailand Inno Awards2019 รางวัลสูงสุดการประกวดนวัตกรรมแห่งปีมาสดๆ ร้อนๆ
               

      วินิจเชื่อว่าเราทุกคนสามารถเป็นนวัตกรได้ แค่เปลี่ยนจากการทำอะไรแบบเดิมๆ มาคิดหาวิธีการใหม่ๆ ใช้เวลาสั้นลง ทำให้มันดีขึ้น ก็ถือเป็นนวัตกรรมได้แล้ว ซึ่งนวัตกรรมทำให้เราแข่งขันได้ในโลกธุรกิจ และสร้างความยั่งยืนให้กับองค์กรในโลกที่ท้าทายอย่างวันนี้
               

     เป็นผู้ประกอบการล้มกันได้ อยู่ที่ว่าหลังล้มแล้วคุณจะยอมแพ้หรือลุกขึ้นสู้ใหม่ และไม่จำเป็นต้องสู้ในแนวทางเดิมๆ ไม่ต้องพึ่งแต้มต่อหรือความเชี่ยวชาญของเราในอดีต แต่ทุกอย่างเรียนรู้ใหม่ได้ ขอแค่ไม่เลือกที่จะยอมแพ้ เหมือนเขาคนนี้...วินิจ ฤทธิ์ฉิ้ม
 



www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
 

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

อย่างอาร์ต! MAMAD แบรนด์แฟชั่น X ศิลปะ วาดลวดลายสไตล์ Semi Abstract สร้างความแปลก ออกแบบ “ศิลปะที่สวมใส่ได้”

“Me As My Art Daily” ศิลปะคือส่วนหนึ่งของตัวตนเราในทุกวัน คือนิยามของแบรนด์แฟชั่นสุดอาร์ตอย่าง MAMAD ที่นำเอาศิลปะและแฟชั่นมาผสานกัน กลายเป็นกระเป๋า เสื้อผ้า และหมวกที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ ความแปลกตา และสไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร

Nyana Nyana Eco Fashion อดีตสถาปนิกนักสู้มะเร็ง สู่เจ้าของแบรนด์แฟชั่นออร์แกนิก เป็นมิตรต่อผู้สวมใส่ และสิ่งแวดล้อม

Nyana Nyana Eco Fashion แบรนด์แฟชั่นของอดีตสถาปนิกหญิงสิงคโปร์ที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา แม้พบว่าป่วยเป็นมะเร็ง แต่ “Clara Simanjuntak” กลับใช้เป็นแรงบันดาลใจ เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิต ทำสิ่งดีๆ รวมถึงการสร้างแบรนด์เสื้อผ้าจากผ้าออร์แกนิก

บ้านโอบอุ่น ธุรกิจเล็กๆ ของนักศึกษาพยาบาล ที่ทำให้คนแปลกหน้ากลายเป็นเพื่อนกัน

พาไปรู้จักบ้านโอบอุ่น ธุรกิจโฮมสเตย์เล็กๆ ที่ปลูกขึ้นกลางทุ่ง ของ อั้ม-พัชราภา อ่ำปั้นนักศึกษาพยาบาล ที่นั่งรถไฟจากพิษณุโลกไปเชียงดาวทุกสัปดาห์เพื่อมาทำโฮมสเตย์เล็กๆ ที่เปลี่ยนคนแปลกหน้าให้กลายเป็นเพื่อนกัน