Main Idea
- การจะผลิตสินค้าขึ้นมาสักตัวเพื่อทดลองตลาด อาจไม่ใช่เรื่องยากสำหรับบริษัทใหญ่ แต่สำหรับ SME รายเล็กๆ แล้ว นั่นหมายถึงเงินทุนทั้งหมดที่มี ซึ่งบางครั้งหากตัดสินใจผิดพลาด อาจไม่มีโอกาสแก้ตัว
- แล้วคิดแบบไหน ถึงจะเล็งได้ตรงเป้า ถูกจุด ลูกค้าตัดสินใจซื้อแน่นอน ลองไปฟังคำแนะนำจาก “สุทธิพร พูลสวัสดิ์” เจ้าของแบรนด์ Fairiesta เครื่องสำอางเด็กรายแรกของเมืองไทยกัน
ก็เพราะเป็น SME รายเล็กๆ ที่ไม่ได้มีทุนรอนมากมายหรือสายป่านยาวพอ การจะเริ่มต้นธุรกิจขึ้นมาสักตัว หรือผลิตสินค้าขึ้นมาขายสักชิ้น อาจต้องคิดให้รอบคอบ ถี่ถ้วนกว่าธุรกิจรายใหญ่มากหน่อย เพราะโอกาสแก้ตัวมีน้อยกว่าหรือบางครั้งอาจเรียกว่าแทบไม่มีเลยก็ได้ การลงทุนครั้งหนึ่ง ย่อมหวังผลตอบแทนกลับคืนมาเสมอ แต่จะคิดแบบไหนล่ะถึงจะเล็งได้เข้าเป้า ตรงจุด ถูกใจผู้บริโภค สินค้าขายได้ ลองไปฟังคำแนะนำจาก สุทธิพร พูลสวัสดิ์ เจ้าของแบรนด์ Fairiestaเครื่องสำอางเด็กรายแรกของเมืองไทย
- คิดก่อน เริ่มก่อน ได้เปรียบก่อน
“จุดเริ่มต้นของ Fairiesta มาจากที่ได้เห็นหลานสาวมักแอบหยิบเครื่องสำอางของแม่ เช่น ลิปสติก แป้งพัฟออกมาลองเล่น และจะโดนดุอยู่บ่อยๆ เพราะมีราคาค่อนข้างแพง นอกจากนี้ยังมีเพื่อนๆ ที่มีลูกสาวชอบทำกิจกรรม ต้องแต่งหน้าเกือบทุกอาทิตย์ ซึ่งส่วนใหญ่ก็ใช้เครื่องสำอางของผู้ใหญ่บางครั้งก็ทำให้เกิดอาการแพ้ เป็นผื่น เลยคิดว่าถ้ามีเครื่องสำอางที่ทำขึ้นมาให้เด็กใช้โดยเฉพาะก็น่าจะดี จากแนวคิดดังกล่าวจึงกลายเป็นที่มาของธุรกิจผลิตเครื่องสำอางสำหรับเด็กในที่สุด โดยเราอาจเป็นเจ้าแรกในไทยเลยก็ได้ที่มีการทำแบบครบวงจร มีครบเกือบทุกตัว พอทำออกมาแล้วค่อนข้างได้รับการตอบรับที่ดีมาก เพราะยังไม่เคยมีสินค้าแบบนี้มาก่อนในเมืองไทยตอนนั้น ถึงมีนำเข้าจากแบรนด์ต่างประเทศบ้าง ก็มีแค่ไม่กี่อย่าง แต่ของเรามีครบวงจรทุกตัวเลย”
ด้วยความที่เป็นสินค้าใหม่ ยังไม่เคยมีใครผลิตมาก่อน แน่นอนว่าอาจเป็นการสร้างโอกาสให้กับตัวเอง สินค้าได้รับความสนใจ คู่แข่งน้อย และได้เป็นเจ้าแรกสร้างการจดจำในใจของผู้บริโภค แต่ขณะเดียวกันอย่าลืมว่าก็มีความเสี่ยงมากเช่นกัน ดังนั้นแล้วก่อนจะผลิตสินค้าออกมาจำหน่ายแต่ละครั้ง จึงต้องมีการคิดแล้วคิดอีกอย่างรอบคอบ เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าจะสามารถขายได้อย่างแน่นอน ซึ่งวิธีคิดและสิ่งที่สุทธิพรลงมือทำ สามารถแยกย่อยเป็นข้อๆ ได้ดังนี้
1. โฟกัสให้ชัดเจน ผลิตแล้ว ต้องขายได้เลยทันที
ก่อนจะออกผลิตภัณฑ์มาสักตัว เราต้องแน่ใจก่อนว่า สินค้าสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้หรือไม่ ทำธุรกิจในทุกวันนี้ต้องโฟกัส เราจะหว่านแบบเมื่อก่อนไม่ได้ ด้วยต้นทุนหลายๆ อย่างเพิ่มขึ้น เราเป็นเจ้าเล็ก เวลาจะขึ้นไลน์ผลิตสินค้าสักตัวค่อนข้างต้องใช้เงินเยอะ ด้วยจำนวนที่สั่งเราไม่เท่ากับรายใหญ่ๆ อยู่แล้ว ที่สั่งทีละเยอะๆ ทำให้ต้นทุนถูกลงได้ แต่สำหรับรายเล็ก ถ้าทำแบบนั้นหากสินค้าออกได้ไม่ค่อยคล่อง จะทำให้เหลือค้างอยู่ในสต็อกเยอะ ทุนก็จม แถมดีไม่ดีสินค้าอาจเสื่อมสภาพได้อีก เพราะมีจุดกระจายสินค้าได้ไม่มากเท่ากับรายใหญ่ๆ ดังนั้นเวลาจะผลิตสินค้าออกมาสักตัวหนึ่ง นอกจากมั่นใจว่าเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคแล้ว ต้องมั่นใจว่าจะขายได้ทันทีด้วย
2. เลือกผลิตตัวที่มีโอกาสมากที่สุดก่อน
สมมติลูกค้าอาจต้องการอยากได้สินค้าใหม่ทั้งหมด 5 ตัว แต่แทนที่เราจะผลิตทั้งหมด เราอาจเลือกผลิตตัวที่มีโอกาสมากที่สุดก่อน และค่อยๆ เพิ่มขึ้นมาทีละตัว เพราะถ้าทำตัวเหมือนเจ้าใหญ่ยังไงก็พัง สำหรับเจ้าใหญ่สมมติเขาทำตัวนี้มาเพื่อลองตลาด ถ้าไม่เวิร์ค ก็สามารถเปลี่ยนไปทำอย่างอื่นได้ แต่เจ้าเล็กๆ ไม่มีโอกาสให้กลับตัวเลย คือ ลงแล้ว ต้องหวังผลอย่างเดียวเท่านั้น
3. ไม่ใช่แค่ดี แต่ต้องจำเป็นด้วย
ถึงแม้จะเป็นสินค้าคุณภาพดี แต่ดีอย่างเดียวไม่พอ ต้องสามารถช่วยแก้ปัญหาให้กับลูกค้าได้ด้วย อย่าง Pain Point หลักๆ ของเรา คือ ลูกจะใช้เครื่องสำอางแต่งหน้า แต่ว่าไม่มีให้ใช้ ของผู้ใหญ่ก็ใช้ไม่ได้ เพราะแพ้ แม่หลายคนจึงพยายามมองหาเครื่องสำอางที่ไม่ทำให้เกิดอาการแพ้สำหรับเด็ก คือ การผลิตสินค้าออกมาให้ลูกค้าชอบเขาอาจเกิดความเสน่ห์หา แต่อาจยังไม่ตัดสินใจซื้อ แต่หากทำให้เขาเห็นความจำเป็น เขาจะสามารถตัดสินใจซื้อได้ทันที
ซึ่งวิธีคิดเหล่านี้ SME สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ เพื่อให้ทุกการผลิตสินค้าใหม่เล็งได้ถูกเป้า และขายได้ขายดี
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
