พงศ์วิวัฒน์ ทีฆคีรีกุล ผู้สร้างธุรกิจพันล้าน! จากคนหนึ่งคนกับเงิน 5 หมื่นบาท

TEXT : กองบรรณาธิการ




Main Idea
 
  • คนหนึ่งคนกับเงินลงทุนแค่หลักหมื่น ก็สามารถสร้างธุรกิจระดับพันล้านบาทได้ เช่นเดียวกับที่ “พงศ์วิวัฒน์ ทีฆคีรีกุล” ผู้ก่อตั้งธุรกิจเครื่องสำอาง KARMART ได้พิสูจน์ให้เห็นตลอด 8 ปี ของการทำธุรกิจ  
 
  • เขาไม่เพียงเป็นผู้ประกอบการที่มุ่งมั่น และมีเป้าหมายในการก้าวเดินที่ชัดเจน แต่ยังเต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ และการเป็นนักริเริ่มสิ่งใหม่ๆ ซึ่งนั่นเองที่ปูทางความสำเร็จให้กับ KARMART และผู้ชายที่ชื่อ พงศ์วิวัฒน์ ในวันนี้ 


     คุณคิดว่าคนหนึ่งคน กับเงินเริ่มต้นแค่หลักหมื่นบาท จะสร้างความสำเร็จขึ้นมาได้ขนาดไหน?
               

      สำหรับ พงศ์วิวัฒน์ ทีฆคีรีกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการสายงานการตลาดและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ บริษัท คาร์มาร์ท จำกัด (มหาชน) ผู้ก่อตั้งธุรกิจเครื่องสำอาง KARMART เขาสามารถสร้างธุรกิจเล็กๆ ให้มีรายได้ 10 ล้านบาทในเวลา 1 ปี 100 ล้านบาท ภายใน 3 ปี และพันล้านบาทในเวลาไม่ถึง 10 ปี ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นแค่ 5 หมื่นบาท!
               

      มาฟังเรื่องราวไม่ธรรมดาของเขาคนนี้กัน
               




      พงศ์วิวัฒน์ เกิดมาในครอบครัวที่ทำธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้า เขาคือทายาทของ วิวัฒน์ ทีฆคีรีกุล เจ้าของธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายใต้แบรนด์ DISTAR ที่หลายคนคุ้นเคยดีเมื่อในอดีต ภายหลังธุรกิจครอบครัวซึ่งอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ประสบปัญหาเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ  และนโยบายลดภาษีนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้า ทำให้ต้องปรับเปลี่ยนมาทำเกี่ยวกับรถขนาดใหญ่ เช่น รถบรรทุก รถบัส รถตู้ ตลอดจนธุรกิจประกอบถังแก๊ส NGV ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมหนักแทบทั้งสิ้น
                 

      พงศ์วิวัฒน์ เรียนจบจาก คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในช่วงที่ประเทศไทยกำลังเจอกับพิษเศรษฐกิจ และธุรกิจครอบครัวกำลังยากลำบาก กิจการประกอบรถมีปัญหา จึงได้เอารถมาขายสินค้า เริ่มขายเครื่องสำอางบนรถ ซึ่งขายไปขายมาดันขายดี จนได้ชื่อว่า คาร์มาร์ท (KARMART) ซึ่งภายหลังพัฒนามาสู่ร้าน KARMART และสินค้าในเครือ KARMART ในเวลาต่อมา
               

      KARMART เริ่มจากไม่มีสินค้ายี่ห้อตัวเอง แต่ใช้วิธีนำเข้าเครื่องสำอางแบรนด์อื่นมาขาย จนทำมาได้ 1-2 ปี ถึงเริ่มสร้างแบรนด์แรกของตัวเองชื่อ  Cathy Doll ขึ้น


      หลายคนอาจมองว่า การเป็นทายาทธุรกิจ คงมีเงินถุงเงินถังมาละเลงในธุรกิจใหม่มหาศาล แต่พงศ์วิวัฒน์ย้ำว่า เขาเริ่มกิจการนี้โดย “ไม่มีเงินทุน” ไม่ว่าจะเป็นงบโฆษณา เงินที่มาลงทุนเรื่องการขนส่ง แม้แต่เงินจ้างพนักงานขาย


      เขาเริ่มธุรกิจนี้จากคนหนึ่งคน คือตัวเอง มีพนักงานเท่ากับศูนย์ พร้อมกับเงินเริ่มต้นที่ 5 หมื่นบาท โดยทำหน้าที่เป็นทั้งคนจัดหาสินค้า ขนสินค้าจากเมืองนอกเข้ามาขาย เป็นพนักงานจัดส่ง แบกของไปส่งลูกค้า และเป็นพนักงานขาย เริ่มทุกอย่างมาด้วยกำลังขาของตัวเอง


     คุณคิดว่าธุรกิจจากคนหนึ่งคน จะโตขึ้นมาได้ขนาดไหน?


      จากเงิน 5 หมื่นบาทที่ลงทุนไปในวันแรก กลับกลายเป็นเงินกลับมา 3 แสนบาท ภายในวันเดียว! จากเงินก้อนนั้นก็นำไปขยายกิจการต่อ ด้วยกลยุทธ์ทำคนเดียววิ่งขายคนเดียว และได้เงินสดกลับมาถึง 10 ล้านบาทภายในเวลา 1 ปี


     ช่วงปีที่สอง เขาเริ่มมีพนักงาน 1-2 คน ถามว่ามาจากไหน ก็มาจากเซลขายรถของครอบครัว ที่พลิกมาขายเครื่องสำอางธุรกิจที่แสนจะสวนทางกัน แต่พวกเขาก็ทำได้ดี เมื่อธุรกิจในปีที่สอง มีรายได้กระโดดมาถึง 60 ล้านบาท!
 

      ธุรกิจ KARMART เข้าสู่หลักร้อยล้านในปีที่ 3 ก่อนเติบโตมาเป็น 300 และ 600 ล้านบาท จนปัจจุบันที่ทำธุรกิจมาเพียง 8 ปี กิจการจากคนหนึ่งคน กลายเป็นบริษัทมหาชน และมีรายได้หลักพันล้านบาทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
               

      ความสำเร็จของเขาไม่ได้เกิดจากความบังเอิญ เพราะถ้าสำเร็จกันง่ายๆ ธุรกิจเครื่องสำอางเมืองไทยก็คงเติบใหญ่เหมือน KARMART กันหมดแล้ว แต่หนึ่งในความโดดเด่น คือหัวใจของการเป็นนักธุรกิจผู้มีความคิดสร้างสรรค์ โดยเขาชอบริเริ่มสิ่งใหม่ๆ ที่จะสร้างโอกาสให้ธุรกิจของตัวเองอยู่เสมอ
               

      เช่น การแก้ปัญหา BB Cream ที่นำเข้าจากเกาหลีมาแล้วค้างสะต๊อกอยู่เป็นแสนชิ้นเพราะคนไทยอาจยังไม่เข้าใจสินค้าในตอนนั้น จนต้องพลิกกลยุทธ์ทาหน้าขายไม่ดีงั้นลองมาทาตัวให้ขาวดู  จนเป็นที่มาของครีมพอกผิวขาว หรือที่ใครหลายคนเรียกครีมพริตตี้  ซึ่งขายหมดเกลี้ยงในเวลา 1 เดือน และทำให้แบรนด์อื่นทำสินค้าตัวนี้ออกสู่ตลาดในเวลาต่อมา
               

      หรือการเป็นรายแรกของโลกที่ออกตัว CC Cream  ที่เข้ามาแก้ปัญหา BB Cream ซึ่งไม่เหมาะกับเมืองไทยเพราะมีความมัน จึงทำสินค้าที่มีความบางเบากว่าครีม BB แต่ขณะเดียวกันก็ปรับสีผิวได้ด้วย ซึ่งปัจจุบันขายไปแล้วกว่า 100 ล้านชิ้น! ขณะที่วันนี้แม้แต่แบรนด์ระดับโลกก็ยังต้องหันมาเล่นในตลาด CC Cream 
               

      จากขายสินค้าที่ไม่มีแบรนด์เป็นของตัวเอง ปัจจุบัน  KARMART มีสินค้าในเครือเกือบ 10 แบรนด์ และยังขยันแตกไลน์แบรนด์ใหม่ๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมในทุกตลาด ทั้งวัยรุ่น วัยทำงาน แม่บ้าน ผู้สูงวัย ตลาดผู้ชาย ไม่ใช่แค่เครื่องสำอาง แม้แต่ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผม และรักษาช่องปาก พวกเขาก็ทำขายมาแล้ว
               

      คนอื่นอาจทำแค่ตัวสินค้าแล้วมาแจ้งเกิดด้วยการตลาด แต่สำหรับ KARMART พวกเขาทำธุรกิจแบบมีกลยุทธ์ตั้งแต่เริ่มต้น อย่างการไปจับมือกับคนดัง และผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ เพื่อทำสินค้าร่วมกัน เช่น การจับมือกับน้องฉัตร เมคอัพอาร์ทติสต์ชื่อดัง ทำแบรนด์ Karmart BROWIT by Nongchat  หรือการแตกไลน์มาสู่ Hive professional  ผลิตภัณฑ์จัดแต่งทรงผมแบบมืออาชีพ ที่ร่วมกับช่างผมคนดัง "ก้อง Hive Salon"  เป็นต้น
               

     เพราะใช้ความคิดสร้างสรรค์ และทำธุรกิจอย่างมีกลยุทธ์ สินค้าของ KARMART เลยมีความแตกต่างและสร้างความว้าวให้กับตลาดอยู่เสมอ โดยเฉพาะการดึงความเป็นไทยมาสร้างเป็นจุดขาย ใครจะคิดว่าวันนี้เราจะมี แฮนด์ครีมต้มยำกุ้ง แฮนด์ครีมข้าวเหนียวสังขยาใบเตยนมสด แฮนด์ครีมไอศกรีมทุเรียน หรือข้าวแช่ แม้แต่น้ำหอมยังมีกลิ่นพัฒน์พงศ์ กลิ่นสีลม และกลิ่นทองหล่อ กับเขามาแล้ว
               




      KARMART ไม่ได้เติบโตแค่ในประเทศ แต่วันนี้พวกเขาส่งออกไปขายในกว่า 13 ประเทศทั่วเอเชีย และตั้งสำนักงานสาขาทั้งใน เมืองจีน เวียดนาม และมาเลเซีย หนึ่งในความสำเร็จที่คาดไม่ถึง คือวันที่ช่างแต่งหน้าของวง Black Pink เอาลิปแพลงก์ตอน แบรนด์ Baby Bright เครื่องสำอางในเครือ KARMART ไปแต่งหน้าให้สาวๆ Black Pink ก่อนขึ้นเล่นคอนเสิร์ตที่กรุงลอนดอน ซึ่งโรเซ่ หนึ่งในสมาชิกวง Black Pink ยังได้เอาไปโพสต์ถึงในไอจีของตัวเองที่มีคนตามเกือบ 20 ล้านคนอีกด้วย ซึ่งเป็นการช่วยโฆษณาโดยศิลปินระดับโลกที่ไม่ต้องจ่ายเงินค่าตัว เพียงแต่ต้องทำสินค้าที่ดีให้ถูกใจผู้ใช้เท่านั้น


      ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวของ พงศ์วิวัฒน์ คนหนุ่มที่เข้ามาพลิกฟื้นธุรกิจครอบครัวให้กลับมายิ่งใหญ่ในความเป็นมหาชนได้อีกครั้ง สำหรับเขาทุกวันนี้ยังไม่ถือว่าประสบความสำเร็จ เพราะเป้าหมายที่ตั้งเป้าไว้ตั้งแต่วันเริ่มต้นธุรกิจคือ จะต้องไปถึงหมื่นล้านบาทให้ได้
               

     ซึ่งจากผลงานที่ผ่านมาก็พอพิสูจน์ได้ว่า ความฝันนี้ไม่ได้ไกลเกินไปสำหรับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ที่มีความมุ่งมั่น “ไม่ธรรมดา” อย่างเขา
 




 
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
 

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

ทำธุรกิจซัก-รีด ยังไงให้มีรายได้สาขาละแสน ล้วงความลับกับเจ้าของแบรนด์ ตั้งใจซัก

หนึ่งในธุรกิจที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “เสือนอนกิน” นั้นต้องมีธุรกิจเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญติดในลิสต์เป็นอันดับต้นๆ ทำให้ธุรกิจนี้เติบโตเป็นพิเศษโดยเฉพาะในช่วงโควิดที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการที่สนใจเปิดธุรกิจนี้มากมาย แต่ถึงแม้จะเป็นธุรกิจเสือนอนกิน ใช่ว่าทุกคนจะเป็นเสือที่ได้กินธุรกิจนี้ง่ายๆ

Erabica Coffee ผู้ปักหมุด กาแฟน่าน ให้เป็นที่รู้จักระดับประเทศ

นี่คือสองสามีภรรยา ที่อยากมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่น่าน คิดสร้างแบรนด์กาแฟของตัวเองขึ้นมาในชื่อ Erabica (เอราบิก้า) กลายเป็นการยกระดับกาแฟน่านเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น

HEH ร้านอาหารย่านภูเก็ต เชฟใช้เวลาในครัวให้เหมือนอยู่ในสนามแข่ง ไม่อยากเป็นแค่ Just Another Restaurant

“HEH (เห)” ร้านอาหารสไตล์  Australian Contemporary กลางเมืองภูเก็ต สร้างเมนูอาหารให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะไม่อยากเป็นเพียง แค่ร้านอาหารร้านหนึ่ง