บุก “ร้านพี่เบ๊นซ์” ร้านโบในตำนานของเด็กสยาม กับ 30 ปีแห่งความผูกพัน

TEXT : กองบรรณาธิการ

PHOTO : เจษฎา ยอดสุรางค์



 
 
 
Main Idea
 
 
  • “ร้านพี่เบ๊นซ์” ร้านโบ ริบบิ้น และเครื่องประดับผมของสตรี ย่านสยามสแควร์ ซอย 10 ที่เปิดดำเนินการมานานกว่า 30 ปี 
 
  • ใครจะคิดว่าร้านเล็กๆ แห่งนี้ จะมีบินไปดูงานต่างประเทศ ดูเทรนด์แฟชั่นโลก เพื่อนำมาปรับใช้กับการผลิตสินค้าออกมาในแต่ละปีด้วย แถมมีลูกค้าเป็นแฟนพันธุ์แท้เหนี่ยวแน่นเข้ามาใช้บริการตั้งแต่เด็กจนโต อะไรคือเคล็ดลับความสำเร็จของพวกเขา ไปติดตามให้หายคิดถึงกัน

___________________________________________________________________________________________
 
 

     ไม่ง่ายเท่าไหร่นักที่ธุรกิจๆ หนึ่ง จะอยู่ยืนยาวมาได้เป็นหลายสิบปี ยิ่งในพื้นที่อย่าง “สยามสแควร์” แหล่งศูนย์รวมวัยรุ่นของเมืองไทยที่ราคาค่าเช่าไม่เบาเลยสักนิด การจะยืนหยัดอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลย แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีร้านค้าร้านหนึ่งที่อยู่มาได้ยาวนานกว่า 30 ปี “ร้านพี่เบ๊นซ์” ร้านขายโบ ริบบิ้น และเครื่องประดับผมของสตรี ย่านสยามสแควร์ ซอย 10 คือร้านที่เรากำลังพูดถึง


     “จุดเริ่มต้นครั้งแรก จริงๆ เราเปิดขายที่ตลาดนัดสวนจตุจักรมาก่อน โดยสินค้าทุกอย่างในร้านเราเป็นคนผลิตและออกแบบเอง แต่ด้วยความที่ขายได้เฉพาะแค่วันเสาร์ – อาทิตย์ ทำให้ในวันธรรมดาที่ไม่ได้ขาย สินค้าก็ถูกก๊อบปี้ออกมาขายเต็มไปหมด จึงรู้สึกเหนื่อย เลยคิดว่าน่าจะมีร้านที่เราสามารถเปิดขายได้ทุกวัน จนมาได้ที่สยามสแควร์ ซึ่งอยู่ใกล้กับที่ทำงานด้วย ตั้งแต่นั้นก็ขายที่นี่มาตลอด เริ่มตั้งแต่เปิดร้านเล็กๆ อยู่ตรงโบนันซ่า จากนั้นก็ขยายมาที่สยามสแควร์ ซอย 5 จนต้องปิดเพราะเหตุการณ์ไฟไหม้เมื่อปี 2553 จนถึงร้านปัจจุบันนี้” สุรีรัตน์ เกษมรัตน์ หรือ “พี่เบ๊นซ์” เจ้าของร้านโบพี่เบ๊นซ์เล่าที่มาให้เราฟัง




     โดยจุดเริ่มต้นที่ทำให้สนใจทำธุรกิจร้านโบ ริบบิ้น และเครื่องประดับผมของสตรีนั้น มาจากการที่เธอเป็นคนชอบทำงานประดิดประดอย โดยเป็นร้านขายโบแรกๆ ในย่านสยามสแควร์ที่มีการทำโบสำเร็จรูปออกมาขาย


     ลูกค้าหลักของร้าน คือ กลุ่มนักเรียนนักศึกษา เริ่มตั้งแต่ประถม มัธยม มหาวิทยาลัย ไปจนถึงคนวัยทำงาน  สินค้าที่วางขายในร้าน ได้แก่ โบสำเร็จรูป ริบบิ้น กิ๊บติดผม ที่คาดผม ยางรัดผม ไปจนถึงต่างหู สร้อยคอ เรียกได้ว่าครบทุกความต้องการของผู้หญิง




     พี่เบ๊นซ์เล่าว่าจุดเด่นของร้านที่ทำให้แตกต่างจากคู่แข่งและเป็นที่ต้องการของลูกค้า คือการมีสินค้าที่หลากหลาย โดยแต่ละรูปแบบนั้นทางร้านจะเป็นผู้จัดหาและคิดประดิษฐ์ขึ้นมาเอง รวมถึงยังรับทำตามออเดอร์ งานตามสั่งให้กับลูกค้าได้ด้วย จึงเรียกว่าได้ครบจบทุกอย่างที่นี่ที่เดียว


     “สินค้าที่นี่เรามีทั้งแบบโบสำเร็จรูป โบตามสั่ง โดยลูกค้าสามารถเลือกริบบิ้นด้วยตัวเอง เพื่อให้เราทำโบให้ ซึ่งเขาสามารถรอรับกลับได้เลย ลูกค้าของเราจึงมีค่อนข้างหลากหลายนอกจากน้องๆ นักเรียนนักศึกษาแล้ว บางครั้งก็ได้ออเดอร์จากโรงพยาบาล สายการบิน โรงเรียนมาสั่งทำด้วย” 




     อีกเรื่องที่ถือเป็นหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจของร้านพี่เบ๊นซ์ คือแม้จะเป็นร้านขายโบที่เริ่มต้นมาจากร้านเล็กๆ แต่ก็ให้ความสำคัญกับเทรนด์แฟชั่นโลก โดยพี่เบ๊นซ์มีการอัพเดตเทรนด์ใหม่ๆ เข้ามาอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ลูกค้าได้ใช้สินค้าที่ทันสมัย ไม่ตกเทรนด์ อยู่เสมอ


     “แต่ไหนแต่ไรมาแล้ว ทางร้านจะเป็นคนสร้างเทรนด์ใหม่ๆ ขึ้นมาเสมอ อย่างช่วงฮิตโบใหญ่ๆ เราก็มี ช่วงไหนฮิตโบเป็นเส้นเอาไปผูกเอง เราก็มีขาย เราพยายามหาสิ่งใหม่มานำเสนอให้ลูกค้าเลือกอยู่ตลอดเวลา ซึ่งแต่ก่อนเราจะเดินทางไปดูงานที่ต่างประเทศค่อนข้างบ่อย ไปดูเทรนด์แฟชั่น สีสัน รูปแบบผลิตภัณฑ์ การจัดตกแต่งร้านต่างๆ จากนั้นจึงนำมาประยุกต์ใช้กับร้านของเรา อย่างในปีนี้ยุโรปฮิตใช้โทนสีอะไร เกาหลีใช้โทนสีอะไร เราก็มีให้ลูกค้าเลือกหมด ถึงแม้หลังๆ ไม่ค่อยได้ไปแล้ว แต่เราก็มีการติดตามเทรนด์อยู่ตลอดเวลา เช่น เกาหลี ไต้หวัน ญี่ปุ่นมีผ้าอะไรใหม่ๆ ออกมา เราก็มี เพราะให้เขาส่งแคตตาล็อกมาให้เลือก บางทีก็เอามาย้อมเพื่อให้เป็นสีของเราเอง ทำงานเกี่ยวกับแฟชั่นเราจะหยุดนิ่งไม่ได้ เพราะหยุด คือ จบ”


     ถามว่าอะไร คือ สิ่งที่ทำให้ร้านพี่เบ๊นซ์อยู่มาได้กว่า 30 ปี พี่เบ๊นซ์คนเดิมตอบให้ฟังว่า


     “ที่นี่เราจะไม่ใช่แค่แม่ค้าและลูกค้า แต่เราจะขายของแบบมีความเป็นพี่เป็นน้องด้วย เราดีใจนะเวลาเห็นลูกค้าใส่แล้วสวย ใส่แล้วออกมาดูดี เป็นความภูมิใจเป็นความสุขอย่างหนึ่ง สำหรับเราลูกค้า คือ คนในครอบครัวที่จะคอยมาให้การสนับสนุนเรา ถึงไม่มีลูกค้ากลุ่มนี้มา ก็ยังมีอีกกลุ่มหมุนเวียนสลับกันมา เลยทำให้ร้านเราอยู่มาได้จนถึงทุกวันนี้ ซึ่งสิ่งที่ทำให้เขาแวะเวียนมาหาเราอยู่เสมอ ก็คือ เวลามาที่นี่เขาจะได้ทุกอย่างที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นกิ๊บ ริบบิ้น โบ ที่หนีบผม ถ้าหาที่ไหนไม่มี แต่ที่นี่จะมีครบตลอด


     อีกเรื่อง คือ คุณภาพของสินค้า เราจะเลือกของดีที่สุดให้ลูกค้า ถ้าชำรุดอะไรเราก็ซ่อมให้ บางตัวดูเหมือนแพง แต่เทียบกับการใช้งานแล้วในคุณภาพเดียวกัน พี่เชื่อว่าพี่ขายถูกที่สุดแล้ว สินค้าบางอย่างเมื่อ 30 กว่าปีก่อนขาย 20-30 บาท วันนี้เราก็ยังขายราคาเท่านั้น เพราะลูกค้าเรา คือ น้องๆ นักเรียนนักศึกษา พี่ว่าสิ่งเหล่านี้ คือ สิ่งที่ทำให้ลูกค้าบอกต่อ เราภูมิใจและชื่นใจนะเวลามีลูกค้าบอกว่า พี่หนูเป็นลูกค้าพี่ตั้งแต่ม.1 นะ ดีใจจังผ่านมาสิบปีแล้วแวะมาก็ยังเจอพี่อยู่ บางคนแต่งงานมีลูกแล้ว ก็พาลูกมาเลือกซื้อ  รู้สึกโชคดีที่ตัวเองได้ดูแลลูกค้าเอาไว้อย่างดี ลูกค้าเลยไม่หายไปไหน ถ้าเรารักลูกค้า ลูกค้าก็จะรักเรา พี่เชื่ออย่างนั้น”




     และ นี่คือ เรื่องราวของร้านพี่เบ๊นซ์ ร้านโบในตำนานย่านสยามสแควร์ที่เปิดต้อนรับลูกค้ามารุ่นแล้วรุ่นเล่า และยังคงจะเปิดดำเนินการต่อไปอีกเรื่อยๆ 


      “เคยบอกตัวเองว่าวันหนึ่งถ้าไม่ได้ทำ เพราะเลิกรักมันแล้ว ก็ค่อยว่ากัน แต่ตอนนี้เรายังมีความสุขอยู่ ก็ทำต่อไป อยากฝากบอกผู้ประกอบการทุกคนว่า ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไรก็แล้วแต่ หากเราทำด้วยความรัก แล้วรักในสิ่งที่ทำ ให้เรารำลึกไว้เสมอว่า นี่คือ ช่วงเวลาที่มีค่าที่สุดแล้วให้เก็บเกี่ยวมันเอาไว้”





 
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

ทำธุรกิจซัก-รีด ยังไงให้มีรายได้สาขาละแสน ล้วงความลับกับเจ้าของแบรนด์ ตั้งใจซัก

หนึ่งในธุรกิจที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “เสือนอนกิน” นั้นต้องมีธุรกิจเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญติดในลิสต์เป็นอันดับต้นๆ ทำให้ธุรกิจนี้เติบโตเป็นพิเศษโดยเฉพาะในช่วงโควิดที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการที่สนใจเปิดธุรกิจนี้มากมาย แต่ถึงแม้จะเป็นธุรกิจเสือนอนกิน ใช่ว่าทุกคนจะเป็นเสือที่ได้กินธุรกิจนี้ง่ายๆ

Erabica Coffee ผู้ปักหมุด กาแฟน่าน ให้เป็นที่รู้จักระดับประเทศ

นี่คือสองสามีภรรยา ที่อยากมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่น่าน คิดสร้างแบรนด์กาแฟของตัวเองขึ้นมาในชื่อ Erabica (เอราบิก้า) กลายเป็นการยกระดับกาแฟน่านเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น

HEH ร้านอาหารย่านภูเก็ต เชฟใช้เวลาในครัวให้เหมือนอยู่ในสนามแข่ง ไม่อยากเป็นแค่ Just Another Restaurant

“HEH (เห)” ร้านอาหารสไตล์  Australian Contemporary กลางเมืองภูเก็ต สร้างเมนูอาหารให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะไม่อยากเป็นเพียง แค่ร้านอาหารร้านหนึ่ง