“ไม่หยุดนิ่ง ไม่ยอมแพ้” บทเรียนจากโควิดของร้านเครื่องสำอางออร์แกนิก All About You

TEXT : กองบรรณาธิการ
PHOTO : All About You




Main Idea
 
 
  • All About You คือร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์สกินแคร์และเครื่องสำอางออร์แกนิกชั้นดีจากทุกมุมโลก ที่อยู่ในสนามมาประมาณ 6 ปี พวกเขาคือธุรกิจที่มาก่อนกาล ในวันที่เครื่องสำอางออร์แกนิกยังห่างไกลความเข้าใจของคนไทย จนค่อยๆ ได้รับความสนใจมากขึ้น เมื่อโลกเคลื่อนสู่ยุคที่ความสวยปลอดภัยกลายเป็นเทรนด์ที่ทุกคนพูดถึง
 
  • แต่ทว่าหลังการมาถึงของวิกฤตโควิด-19 ธุรกิจที่กำลังจะไปได้สวยกลับต้องหยุดชะงัก พายุลูกใหญ่โถมใส่ความหวัง เมื่อหน้าร้านที่มีอยู่กว่า 30 สาขา ต้องปิดให้บริการลง พนักงานกว่าร้อยคนยังต้องอยู่ในความดูแล และกิจการยังต้องดิ้นรนเพื่อไปต่อ
 
  • บทเรียนจากไวรัสสอนพวกเขาให้ยอมรับและปรับตัว เร็วแต่รอบคอบ เดินหน้ากัดไม่ปล่อย คิดหาหนทางที่จะหลุดพ้นจากวิกฤตครั้งนี้ไปให้ได้ แม้วิกฤตจะหนักแต่ต้อง “ไม่หยุดนิ่ง” และ “ไม่ยอมแพ้”




      ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะลอยตัวจากสถานการณ์วิกฤตโควิด-19 แม้ธุรกิจนั้นจะอยู่ในเทรนด์หรือยังเป็นที่ต้องการอย่างธุรกิจเครื่องสำอางและความงาม เหมือนที่ผู้คนมักพูดกันว่า “ความสวยรอไม่ได้” และไม่ว่าวิกฤตจะหนักหนาแค่ไหน แต่ก็คงไม่มีใครอยากหยุดสวย     


      ทว่าสำหรับผู้ประกอบการแล้ว พายุลูกนี้ยิ่งใหญ่นัก ไม่ว่าจะเจอทางตรงหรือทางอ้อม หรือแม้แต่ปลายหางของพายุ ก็สั่นคลอนความอยู่รอดของธุรกิจได้ทั้งนั้น เช่นเดียวกับ  All About You ร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์สกินแคร์และเครื่องสำอางออร์แกนิกจากทุกมุมโลก


      ไวรัสโควิด-19 ทำให้หน้าร้านกว่า 30 สาขาในห้างสรรพสินค้าต้องปิดตัวลง รายได้จากช่องทางออฟไลน์หยุดนิ่ง ขณะที่ยังมีทีมงานอีกกว่าร้อยชีวิตรอคอยความหวัง พวกเขารับมือกับสถานการณ์นี้อย่างไร?






      SME Thailand มีโอกาสพูดคุยกับ “กฤษฎิ์พนธ์ เมฆภานุวัฒน์” ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด (All About You) บริษัท ยูเนียนเมดดิคอล (ประเทศไทย) จำกัด ระหว่างมาขึ้นเวทีสัมมนา COSMEX FORUM “อนาคต COSMETICS หลังวิกฤตโควิด-19 และการก้าวสู่ศตวรรษที่ 21” ที่ผ่านมา เขาเปิดใจถึงเรื่องนี้ว่าอย่างไร ไปติดตามกัน  
 





 
เผชิญหน้าวิกฤตด้วยสติ ค่อยๆ คิด ค่อยๆ แก้ปัญหา


      วินาทีแรกที่เจอกับวิกฤตโควิด-19 เป็นอย่างไร กฤษฎิ์พนธ์ ยอมรับว่าหวั่นใจกับสถานการณ์เมื่อต้องมาคิดว่า จะประคองธุรกิจให้อยู่รอดต่ออย่างไร จะดูแลพนักงานที่มีอยู่ประมาณ 110 ชีวิต กันแบบไหน เมื่อหน้าร้านที่มีอยู่ต้องหยุดขาย รายได้ที่เคยมีต้องสะดุด  


      “เรามีพนักงานหน้าร้านประมาณ 50 คน หลังร้านอีกประมาณ 60 คน รวมๆ ก็ประมาณ 110 คน พนักงานหน้าร้านที่หยุดขายเพราะสาขาปิดไปเราจะทำยังไงให้ทุกคนยังสามารถทำงานตามปกติ และประคองธุรกิจเราไปต่อได้ ก็ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ตั้งสติ แล้วแก้ไขปัญหาไปทีละเปลาะ อันดับแรกเลยคือเรารวมตัวพนักงานทุกฝ่าย แล้วอธิบายให้ทุกคนฟังว่าถ้ายังอยากจะสู้กันต่อ ไม่อยากถูกลดเงินเดือนจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เราจะต้องสู้กันยังไง ซึ่งในตอนนั้นหน้าที่ของแต่ละคนมันไม่ได้มีชัดเจนแล้วว่าใครทำอะไร แต่ใครช่วยอะไรได้ก็ต้องช่วย ทำอะไรได้ก็ต้องทำ จากที่เคยทำงาน 5 วัน กลายเป็นว่าเสาร์-อาทิตย์ ก็ต้องมาทำงาน ซึ่งเมื่อทำให้ทุกคนเห็นภาพเดียวกันและเข้าใจสถานการณ์ของเราได้แล้ว ธุรกิจก็ไปต่อ” เขาเล่า
 

      พนักงานหน้าร้านที่ปิดไป พวกเขาเปลี่ยนบทบาทมาเป็น Call Center ทำหน้าที่โทรหาลูกค้าที่เป็นสมาชิก All About You ซึ่งอยู่ในฐานข้อมูล โดยเริ่มจากมาค้นดูว่าลูกค้าคนไหนที่ขาดสินค้า พวกเขามีประวัติเคยซื้ออะไรจากที่ร้าน แล้วทำโปรโมชั่นเข้าไปนำเสนอ โดยเขาเน้นว่า ต้องเสนอขายด้วยความสุภาพ และไม่ยัดเยียด ส่วนพนักงานแบ็กออฟฟิศก็มาช่วยแพ็กสินค้า เพื่อให้สามารถส่งของถึงลูกค้าได้รวดเร็วขึ้น ซึ่งวิธีเหล่านี้ก็ทำให้ยอดขายที่เคยหยุดนิ่งค่อยๆ กระเตื้องขึ้นมาได้

 



 
บุกออนไลน์ กระจายช่องทางขายไปในทุกที่ที่มีโอกาส


        ระหว่างที่ปรับบทบาทการทำงานของพนักงานใหม่ พวกเขาก็มองหาโอกาสจากช่องทางที่ยังขายได้ในวิกฤตไวรัส ซึ่งหนีไม่พ้นช่องทางออนไลน์ กลยุทธ์ที่ต้องใช้คือ ไปในทุกที่ที่มีโอกาส


        “All About You เรามีหน้าร้านออฟไลน์ตามห้างสรรพสินค้าต่างๆ ประมาณ 30 สาขา และเรามีช่องทางจัดจำหน่ายผ่านเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ไลน์ ที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงและเข้ามาคุยกับเราได้อยู่แล้ว ซึ่งอันนี้เราทำมาตั้งแต่ก่อนโควิด พอเกิดเหตุการณ์โควิดขึ้นมา เราก็ทำเพิ่มขึ้น รวมถึงเอาตัวเองเข้าไปสู่ Marketplace อื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น Shopee, Lazada, Konvy, Beauti Cool  ฯลฯ เราพยายามขยายช่องทางของตัวเองให้มากขึ้น ซึ่งต้องบอกว่าโชคดีที่เราทำไว้บ้างอยู่แล้ว  พอเกิดโควิด-19 การที่เราสวิตช์มาเป็นออนไลน์ได้ทันที ทำให้เราไม่พลาดโอกาสจากการที่ร้านต้องปิดไปในช่วงโควิด” เขาบอก
 

       แต่การขายออนไลน์ แตกต่างจากการขายหน้าร้าน และความคาดหวังของลูกค้าก็ต่างกันด้วย กฤษฎิ์พนธ์ บอกเราว่าเรื่องของความรวดเร็วสำคัญ โจทย์ของพวกเขาคือทำอย่างไรถึงจะสามารถนำส่งสินค้าให้ถึงมือลูกค้าได้เร็วที่สุด เพื่อตอบสนองความรู้สึกพึงพอใจได้มากที่สุด จึงต้องมาปรับกระบวนการทำงานให้เร็วขึ้น แพ็กสินค้าให้ไวขึ้น โดยพยายามส่งสินค้าให้ลูกค้าได้ภายในไม่เกิน 3 วัน ไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหน ส่วนลูกค้าในกรุงเทพฯ สั่งวันนี้วันรุ่งขึ้นก็ควรจะได้ของเลย


       “เราจะต้องพยายามเร่งความเร็ว (Speed up)  และไม่ใช่แค่เร็วอย่างเดียว แต่เราจะต้องอยู่รอดด้วย ซึ่งทางหนึ่งที่ทำให้เรารอดก็คือการขยายช่องทางจัดจำหน่ายทั่วทั้งหมดที่ทำได้ในออนไลน์” เขาเล่า


      ในอดีตคนทำธุรกิจเหมือนหรือคล้ายคลึงกันก็คือคู่แข่ง แต่สำหรับวันนี้ All About You มองว่าไม่มีใครที่เป็นคู่แข่งแต่สามารถช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้


       “อย่างพวก Marketplace เข้าได้ก็ควรเข้าเพราะว่ามันเป็นที่ที่มีโอกาสจริงๆ แม้แต่ All About You  เองซึ่งเรามีร้านของเราเอง แต่เราก็ไม่เคยคิดว่าใครเป็นคู่แข่งเลย เรามองว่าเราสามารถช่วยเหลือกันได้หมด สามารถร่วมมือกันและเอื้อประโยชน์ต่อกัน ช่วยกันขาย เราจึงพยายามหา Partner ให้เยอะ โลกนี้มันไม่มีคู่แข่ง พยายามหาเพื่อนซึ่งเพื่อนเยอะๆ มันช่วยเราได้”
 



 
New Normal คือการปรับตัวไวแต่รอบคอบ
               

       ในวันนี้อุตสาหกรรมอื่นต้องซบเซาลงเพราะวิกฤต แต่อุตสาหกรรมเครื่องสำอางและความงามก็ยังคงเติบโต ซึ่งกฤษฎิ์พนธ์ ให้ข้อมูลว่า ตัวเลขล่าสุดตลาดความงามยังคงเติบโตที่ประมาณ  6-7 เปอร์เซ็นต์ แม้ว่าจะเกิดสถานการณ์โควิดจนทำให้บางช่องทางจัดจำหน่ายต้องปิดไป แต่ก็ยังได้อานิสงส์จากช่องทางออนไลน์ผลักดันยอดขายให้เติบโตขึ้น แม้จะยังไม่กลับมาคึกคักเท่าสถานการณ์ปกติก็ตาม แต่ธุรกิจความงามยังคงเดินต่อไปได้ในวิกฤต
                 

       ทว่าการทำธุรกิจในยุค New Normal แตกต่างไปจากโลกวันเก่า กฤษฎิ์พนธ์ บอกเราว่าผู้ประกอบการต้องปรับตัวให้ไว มองหาโอกาส แต่ทำอย่างรอบคอบและรัดกุม


       “New Normal หรือ Now Normal เราในฐานะผู้ประกอบการ ผมมองว่ามันคือการปรับตัว คือการ Dynamic เป็นการที่เราจะต้องอยู่กับการปรับตัวให้ได้อย่างแท้จริง ต้องคิดตลอดเวลา และต้องมองหาโอกาส แต่ต้องรอบคอบและรัดกุมด้วยไม่ใช่แค่เห็นโอกาสแล้วกระโจนเข้าไป บางทีสิ่งที่คนอื่นทำแล้วสำเร็จ แต่เราอาจจะไม่สำเร็จก็ได้ เพราะมันอาจมีประเด็นบางอย่างที่เขาไม่ได้บอกเรา นี่เป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการควรระวังไว้”


       เมื่อตลาดความงามยังคงเติบโต และการสวยจากธรรมชาติ สวยแบบปลอดภัยยังเป็นเทรนด์ของโลก จึงเป็นโอกาสของพวกเขา กฤษฎิ์พนธ์ บอกเราว่า จะยังยึดมั่นในวิถีนี้แต่จะทำตลาดให้กว้างขึ้น โดยจากสินค้าออร์แกนิก ก็จะขยายไปสู่ Clean Beauty หรือสินค้าที่มีความปลอดภัยมากขึ้น เวลาเดียวกันก็จะเปิดรับเทคโนโลยีตลอดเวลา และกล้าที่จะพัฒนา ซึ่งต่อไปเราอาจจะเห็นแอปพลิเคชั่นที่เป็นของ All About You โดยเฉพาะก็ได้ เหมือนที่ผู้บริหารย้ำกับเราว่า


      “เราจะไม่หยุดแสวงหาหนทางที่จะทำให้เราเติบโต”





       ในวันที่เจอกับโควิด คงเป็นเรื่องปวดใจของผู้ประกอบการหลายคน แต่กฤษฎิ์พนธ์บอกว่า เขาเชื่อว่า ทุกปัญหามีทางออกเสมอ ขอแค่ไม่หยุดนิ่งและไม่ยอมแพ้


      “พยายามคิดอย่างรอบคอบ ค่อยๆ ก้าวต่อไป และพยายามหาโอกาส บางทีเราอาจจะมาเร็วไปหรือช้าไป บางครั้งอาจจะเป็นจังหวะหรือโชค แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตามพยายามรักษาความมุ่งมั่นนี้เอาไว้ และต้องกัดไม่ปล่อย มันไม่มีใครซัคเซสเพราะความขี้เกียจ หรือไม่พยายาม ต้องไม่ย่อท้อ เราไม่รู้หรอกว่าสถานการณ์จะกลับมาปกติได้เมื่อไร แต่ไม่ว่าจะยังไงก็ตามเราจะอยู่กับปัจจุบันและตั้งต้นกับปัจจุบัน พยายามที่จะรับมือกับสถานการณ์แล้วผ่านมันไปให้ได้ ถามว่า เหตุการณ์ครั้งนี้มันสอนอะไรเรา ก็สอนให้ปรับตัวนี่แหละ สอนให้เราไม่หยุดนิ่งและไม่ยอมแพ้” เขาย้ำในตอนท้าย
 


 
 
www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี
 

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

ทำธุรกิจซัก-รีด ยังไงให้มีรายได้สาขาละแสน ล้วงความลับกับเจ้าของแบรนด์ ตั้งใจซัก

หนึ่งในธุรกิจที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “เสือนอนกิน” นั้นต้องมีธุรกิจเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญติดในลิสต์เป็นอันดับต้นๆ ทำให้ธุรกิจนี้เติบโตเป็นพิเศษโดยเฉพาะในช่วงโควิดที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการที่สนใจเปิดธุรกิจนี้มากมาย แต่ถึงแม้จะเป็นธุรกิจเสือนอนกิน ใช่ว่าทุกคนจะเป็นเสือที่ได้กินธุรกิจนี้ง่ายๆ

Erabica Coffee ผู้ปักหมุด กาแฟน่าน ให้เป็นที่รู้จักระดับประเทศ

นี่คือสองสามีภรรยา ที่อยากมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่น่าน คิดสร้างแบรนด์กาแฟของตัวเองขึ้นมาในชื่อ Erabica (เอราบิก้า) กลายเป็นการยกระดับกาแฟน่านเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น

HEH ร้านอาหารย่านภูเก็ต เชฟใช้เวลาในครัวให้เหมือนอยู่ในสนามแข่ง ไม่อยากเป็นแค่ Just Another Restaurant

“HEH (เห)” ร้านอาหารสไตล์  Australian Contemporary กลางเมืองภูเก็ต สร้างเมนูอาหารให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะไม่อยากเป็นเพียง แค่ร้านอาหารร้านหนึ่ง