ทำธุรกิจยุคนี้ขายแค่อย่างเดียวไม่พอ เมื่อยักษ์ใหญ่ Starbucks ต่อยอด ทำเครื่องดื่มชูกำลังครั้งแรกจากกาแฟ

TEXT : กองบรรณาธิการ

 

      เพราะหนึ่งในนิยามการทำธุรกิจ คือ การแสวงหาโอกาสให้กับตัวเอง โดยเฉพาะการกระโดดออกไปในพื้นที่ใหม่ๆ เพื่อสร้างความแตกต่างและแปลกใหม่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

     เหมือนเช่น Starbucks แบรนด์ยักษ์ใหญ่ด้านกาแฟจากอเมริกาที่ดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 50 ปีที่ลุกขึ้นมาเปิดตัวผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มชูกำลังครั้งแรกของตัวเองในชื่อ “Starbucks BAYA Energy” เอาใจผู้บริโภคสายง่วงที่หากความเข้มของกาแฟไม่เพียงพอ ก็สามารถดื่มเครื่องดื่มชูกำลังนี้เป็นทางเลือกได้

     โดยแนวคิดดังกล่าวเกิดขึ้นมาจากการที่หนึ่งในผู้บริหารของสตาร์บัคส์ Chanda Beppu รองประธานฝ่ายพัฒนาช่องทางการตลาดของอเมริกาได้มองเห็นโอกาสจากตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในสหรัฐอเมริกาที่นับวันจะเติบโตเพิ่มสูงขึ้น โดยมีรายงานจาก Euromonitor International บริษัทวิจัยการตลาดเปิดเผยว่าในปี 2564 ที่ผ่านมา ตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในสหรัฐฯ มีมูลค่ากว่า 1.8 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 5.9 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ซึ่งมีมูลค่าอยู่ที่ 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์หรือ 5.2 แสนล้านบาท

     จึงมีความสนใจคิดที่จะขยายพอร์ตผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มพร้อมดื่มออกไป ซึ่งหากมาลองวิเคราะห์ดูแล้วจริงๆ การเปิดตัวเครื่องดื่มตัวใหม่ของสตาร์บัคส์ ก็ไม่ได้ฉีกออกไปจากเดิมจนเป็นคนละเรื่องกันแบบไม่อิงกับองค์ความรู้ที่มีอยู่เลย เพราะในเครื่องดื่มชนิดใหม่ที่ทำออกมานั้นก็มีส่วนผสมจากคาเฟอีนพบตามธรรมชาติในผลกาแฟ เช่นเดียวกับวิตามินซีที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระและเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายด้วย ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการทำธุรกิจของสตาร์บัคส์อยู่แล้ว เมื่อผู้บริโภคดื่มเข้าไปแล้วจึงรู้สึกเหมือนได้รับพลังงานที่ดีจากธรรมชาติ

     ซึ่ง Starbucks BAYA Energy ถูกทำออกมาจำหน่ายในรูปแบบเครื่องดื่มกระป๋อง มีให้เลือก 3 รสชาติ ได้แก่ มะม่วงฝรั่ง มะนาวราสเบอร์รี่ และเสาวรสสับปะรด ขนาด 12 ออนซ์ ให้พลังงาน 90 แคลอรี และคาเฟอีน 160 มิลลิกรัม จำหน่ายที่ราคา 2.89 ดอลลาร์ หรือประมาณ 95 บาท โดยจะเริ่มวางจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์และร้านค้าต่างๆ ในอีกไม่กี่วันนี้ และวางจำหน่ายที่ร้านสตาร์บัคส์ทั่วสหรัฐฯ ในวันที่ 1 มีนาคมนี้

     คงต้องติดตามดูกันต่อไปว่าเครื่องดื่มชูกำลังตัวแรกของสตาร์บัคส์นี้จะได้รับการตอบรับเช่นไร จะว่าไปก็ทำให้นึกถึง Kombucha หรือ ชาหมักของบีทาเก้น ที่เพิ่งวางตลาดในบ้านเราสดๆ ร้อนๆ ได้ไม่กี่วันนี้เช่นกัน ซึ่งเดิมก็จำหน่ายผลิตภัณฑ์จากนมเปรี้ยวเป็นหลัก แต่กลับต่อยอดมาทำชาหมัก ซึ่งมองดูเผิ่นๆ เหมือนจะไม่เกี่ยวกันเลย แต่ลองมองดูคุณค่าของผลิตภัณฑ์แล้วกลับทำหน้าที่ไม่แตกต่างกัน เป็นการช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ เพื่อการทำงานที่ดีของลำไส้ ทั้งระบบย่อยอาหารและการขับถ่ายให้ดีขึ้นได้เช่นกัน

     SME เองก็ลองมองหาลู่ทางต่อยอดธุรกิจดูบ้าง ลองทำอะไรที่แตกต่าง ขณะเดียวกันก็หาจุดเชื่อมต่อที่สามารถอิงกับความสามารถหรือเชี่ยวชาญที่มีอยู่ เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้บริโภค น่าจะเป็นอีกวิธีหนึ่งเพื่อช่วยขยายธุรกิจให้เติบโตได้ยั่งยืนต่อไป

ที่มา :

https://www.businessinsider.com/starbucks-energy-drinks-baya-pepsico-cans-beverage-caffeine-oat-milk-2022-1?fbclid=IwAR0Et27Y83TBg5u5s2EsWyqPmEXpJqcBqPHVXgHfrGGTCNOwXSH4-9FlmAs

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

ศัตรูตัวจริงที่ฆ่าธุรกิจที่อยู่มานาน คือ ความเคยชิน และ วิธีคิด ของเจ้าของ

หยุดโทษตลาด คู่แข่ง หรือภาวะเศรษฐกิจ! เพราะศัตรูที่อันตรายที่สุดที่กำลังฆ่าธุรกิจคุณอย่างช้าๆ อาจไม่ใช่เศรษฐกิจ เทคโนโลยีใหม่ๆ แต่เป็นสิ่งที่เคยทำให้คุณรวยในอดีต นั่นคือ "ความเคยชิน" และ "วิธีคิดที่ติดกับดักความสำเร็จ" ของตัวคุณเอง

จาก Street Food ข้างทาง สู่แฟรนไชส์ที่มีมาตรฐาน “ต้มเส้นตีนไก่” เริ่มง่าย คืนทุนไว

จากร้านอาหารเวียดนาม สู่การต่อยอดเมนูสตรีทฟู้ดอย่าง “ต้มเส้นตีนไก่” ให้กลายเป็นธุรกิจแฟรนไชส์ที่กำลังเติบโต ด้วยการวางเป็นระบบ มาตรฐานครัวกลาง การควบคุมคุณภาพ และโมเดลแฟรนไชส์ที่ลงทุนไม่สูง แต่กลับสร้างผลตอบแทนเร็วเกินคาด

คุยกับ อรกานต์ - โทมาช โพรคาสคา สองผู้ร่วมก่อตั้งที่พา Pynpy’ กางเกงในอนามัย บุกเบิกและครองตลาดไทยเป็นเจ้าแรก    

มาฟัง อรกานต์ และ โทมาช โพรคาสคา สองผู้ร่วมก่อตั้งแบรนด์ Pynpy’ เจ้าของนวัตกรรมกางเกงในอนามัยและกางเกงซึมซับปัสสาวะเล็ด ทำยังไงถึงยังครองตำแหน่งผู้นำตลาดในปัจจุบัน พร้อมทัศนะในเรื่องของการแจกผ้าอนามัยฟรีแ