สูตรลับทำธุรกิจให้อยู่รอดมาได้ 75 ปี ส.สะพานมอญ รร.สอนขับรถเก่าแก่ที่สุดในประเทศ

TEXT : นิตยา สุเรียมมา

PHOTO : เจษฎา ยอดสุรางค์

 

     ย้อนไปเมื่อสมัยที่ไทยมีถนนสายแรกอย่างเป็นทางการเกิดขึ้นในประเทศ ด้วยการมองการณ์ไกล “ส.สะพานมอญ” หนึ่งในโรงเรียนสอนขับรถจึงเปิดตัวขึ้นในยุคที่ผู้คนเริ่มหันมาขับขี่รถยนต์กันมากขึ้น หลังจากที่เปิดธุรกิจปั๊มน้ำมันเล็กๆ อยู่บนถนนเจริญกรุงได้ไม่กี่ปีก่อน

     จนถึงวันนี้ผ่านมาแล้ว 75 ปี กรุงเทพฯ มีถนนตัดผ่านมากกว่าหลายร้อยสาย โรงเรียนแห่งนี้ก็ยังคงเปิดดำเนินการอยู่ แถมยังเป็นโรงเรียนสอนขับรถเพียงแห่งเดียวในกรุงเทพฯ ที่มีพื้นที่สนามฝึกใหญ่กว่า 4 ไร่ และตั้งอยู่ย่านใจกลางเมือง ทำให้เดินทางไปมาสะดวก อะไร คือ Key Success ทำให้ธุรกิจอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ได้ ลองมาหาคำตอบจาก ฑิตยาภรณ์ ทาบทอง หรือ “ครูแต่ม” ทายาทรุ่นที่ 2 ครูใหญ่ประจำโรงเรียนคนปัจจุบัน และ พิศริยาภรณ์ ทาบทอง - “อาร์ททิส” ทายาทรุ่นที่ 3 กัน

ซึมซับอยู่ในสายเลือด

     ส.สะพานมอญ เริ่มก่อตั้งธุรกิจในปี พ.ศ. 2490 โดยเริ่มต้นจากกิจการปั๊มน้ำมันเล็กๆ ย่านถนนเจริญกรุง ต่อมาภายหลังจึงเริ่มเปิดกิจการสอนขับรถยนต์ควบคู่กันไปด้วย โดยจดทะเบียนก่อตั้งเป็นโรงเรียนสอนขับรถขึ้นมาอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2498 กระทั่งมีการออกกฎหมายห้ามไม่ให้มีการเปิดปั๊มน้ำมันอยู่ริมถนน จึงได้เลิกกิจการไป เหลือเพียงโรงเรียนสอนขับรถมาจนถึงปัจจุบัน

     โดยตัวครูแต่มเองนั้นเริ่มเข้ามาผูกผันกับโรงเรียนสอนขับรถตั้งแต่เด็กๆ เลิกเรียนเสร็จก็ไปรอคุณพ่อคุณแม่ที่โรงเรียน ถึงแม้เมื่อเติบโตขึ้นหน้าที่การงานไม่ได้มาเกี่ยวกับธุรกิจ แต่ก็มีความผูกพันมาได้เห็นมาตลอด ทุกอย่างเหมือนซึมซับอยู่ในสายเลือด จนวันหนึ่งเมื่อจังหวะชีวิตลงตัว และเวลาที่เหมาะสมก็ได้กลับเข้ามาช่วยฟื้นฟูกิจการอีกครั้งหนึ่ง พร้อมกับ ครูสัน - สันติสุข ทาบทอง สามีผู้คอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง

     “ถึงไม่ได้เข้ามาช่วยดูตั้งแต่แรก แต่เราก็ผูกพันกับโรงเรียนสอนขับรถมาโดยตลอด ตั้งแต่เด็กครูเรียนอยู่รร.ราชินี เลิกเรียนเสร็จก็จะไปรอคุณพ่อคุณแม่อยู่ที่สำนักงาน พอเรียนจบกฎหมายได้ทำงานเป็นทนายความ ที่ทำงานก็อยู่ใกล้กับโรงเรียนอีก ทุกอย่างค่อยๆ ซึมซับเข้ามา จนเมื่อย่างเข้าอายุ 50 เราเริ่มวางมือจากหลายๆ อย่าง ได้เห็นคุณแม่ท่านยังไปทำงานที่โรงเรียนเกือบทุกวันจนอายุเกือบ 90 เลยคิดว่าเราต้องทำอะไรสักอย่าง คุณพ่อกับคุณแม่ท่านรักโรงเรียนนี้มาก ตอนก่อนคุณพ่อเสียท่านได้สั่งเสียไว้ว่าไม่อยากให้ทิ้ง อยากให้ทำต่อ และก็ชี้มาที่ครูว่าให้ช่วยสานต่อ เราเลยอยากทำให้ดี ให้ธุรกิจไปต่อได้” ครูแต่มเล่า

 

     โดยหลังจากตัดสินใจเข้ามาช่วยดูแลกิจการครอบครัว สิ่งแรกที่ครูแต่มทำ คือ การสำรวจจุดเด่นจุดด้อยของธุรกิจ โดยพบว่าสาเหตุที่คนมาเรียนน้อยลง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะระบบการสอบใบขับขี่ที่มีการปรับให้มีความเข้มงวดมากขึ้น เพื่อเพิ่มความปลอดภัยบนท้องถนน

    “แต่ก่อนการสอบใบขับขี่ คือ เช้าสอบข้อเขียน บ่ายก็สอบภาคปฏิบัติ ทำให้จบภายใน 1 วันได้ ต่อมาเริ่มมีการกำหนดให้อบรมเข้ามาจาก 1 ชั่วโมง ก็เพิ่มเป็น 3 ชั่วโมง ทำให้เปิดอบรมได้เพียงแค่ 2 รอบ จำนวนนักเรียนที่จะไปสอบก็อั้น และยังให้นักเรียนทำการจองเอง โรงเรียนไม่สามารถจองให้ได้ ทำให้การพานักเรียนไปสอบไม่เป็นกลุ่มเป็นก้อน ถ้าได้คิวไม่ตรงกัน ก็ต้องพยายามหาวันใหม่ จึงเกิดความยุ่งยากมากกว่า ลูกค้าก็เริ่มน้อยลง เพราะเขาอยากได้โรงเรียนที่หาวันสอบให้ได้เลย แต่เราไม่ได้ถนัดวิ่งเต้นแบบนั้น”

     จนกระทั่งที่กรมการขนส่งทางบกเริ่มเปิดให้โรงเรียนสอนขับรถที่มีคุณภาพและมาตรฐานขอยื่นเรื่องเข้าระบบเปิดสอบใบขับขี่แทนได้ จึงกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญอีกครั้งหนึ่งที่ทำให้ ส.สะพานมอญไปต่อได้

     “จริงๆ เราติดต่อทำเรื่องขอมาก่อนหน้านั้นเป็นเกือบสิบปีแล้ว แต่ด้วยความไม่พร้อม ยกตัวอย่างเช่น เครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อให้นักเรียนได้กดทำข้อสอบ ณ เวลานั้นมีมูลค่ากว่าเครื่องละหลายแสนบาท ถ้าซื้อสิบเครื่องให้นักเรียนสอบ ต้องลงทุนเป็นล้าน เราไม่ได้มีเงินทุนมากขนาดนั้น เลยไม่ได้ตามเรื่อง จนต่อมาภายหลังกรมขนส่งเริ่มเปิดใจมากขึ้นให้โรงเรียนเอกชนไปยื่นขอสอบได้ เราจึงเริ่มปรับตัวโดยเริ่มย้ายมาสร้างโรงเรียนและสนามฝึกใหม่ย่านจรัญสนิทวงศ์แล้ว ในพื้นที่ 4 ไร่ เพื่อขยายโรงเรียนให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมและให้ได้มาตรฐาน โดยได้รับใบอนุญาตในปี 2558 ถึงเราไม่ได้เป็นโรงเรียนแรกที่ แต่เราก็เป็นโรงเรียนตัวอย่างให้โรงเรียนอื่นได้มาศึกษาดูงาน ซึ่งน่าจะเป็นโรงเรียนสอนขับรถแห่งเดียวในกรุงเทพ ก็ว่าได้ที่มีสนามฝึกกว้างเป็นของตัวเองยู่ใจกลางเมือง เดินทางไปมาก็สะดวก อยู่ใกล้รถไฟฟ้า”

หลอมรวมเก่า – ใหม่เข้าไว้ด้วยกัน

     นอกจากมีการพัฒนาเพิ่มบริการให้ตอบโจทย์ผู้เรียน และได้มาตรฐานมากขึ้น ส.สะพานมอญ ยังมีอีกกำลังสำคัญจากทายาทรุ่นที่ 3 พิศริยาภรณ์ ลูกสาวคนเดียวของครูแต่มเข้ามาช่วยทำให้โรงเรียนมีความทันสมัยมากขึ้น ตอบโจทย์ลูกค้าได้หลากหลายมากขึ้น มีการนำระบบออนไลน์เข้ามาใช้ในการเรียนการสอน จนถึงการพัฒนาการสอนภาษาอังกฤษ ตอบโจทย์ชาวต่างชาติที่ต้องการเรียนและทำใบขับขี่ในไทย นอกจากนี้ยังรวมไปถึงการปรับภาพลักษณ์แบรนด์ให้ดูแข็งแกร่งขึ้นประสานคุณค่าความเก่าและใหม่เข้าไว้ด้วยกัน

     “อาร์ทเริ่มเข้ามาช่วยดูก่อนช่วงโควิดนิดนึง เมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว ถือเป็นจังหวะที่ดีเลย ซึ่งโรงเรียนกำลังเจอวิฤต เพราะต้องปิดตามมาตรการัฐ ผู้มาเรียนก็ไม่ค่อยมี เราก็นำออนไลน์เข้ามาช่วยพอดี เพื่อติดต่อสื่อสารกับลูกค้าและทำการเรียน นอกจากนี้เรายังนำระบบการเรียนการสอนที่เป็นภาษาอังกฤษเข้ามาด้วย เพื่อจับกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่เข้ามาอยู่ในไทย ทำให้เราได้ลูกค้ากลุ่มนี้เพิ่มเข้ามา จนตอนนี้ถ้าเสิร์ชในกูเกิ้ลโรงเรียนสอนขับรถที่สอนภาษาอังกฤษจะเห็นได้ว่าเราติด Top Ranking  อันดับต้นๆ เลย

     “นอกจากนี้เรายังมีการผสานคุณค่าจากสิ่งเดิมที่ดีอยู่แล้วกับสิ่งใหม่เข้าไปด้วย โดยจุดเด่นของ ส.สะพานมอญ คือ 1. เรามีชื่อเสียงมานานกว่า 75 ปี ดังนั้นย่อมมีการบอกต่อในครอบครัวแนะนำให้ลูกหลานเขามาเรียนอยู่แล้ว 2. อีกข้อที่เป็นจุดเด่นของเรามากๆ ก็คือ มาตรฐานการสอน เราสอนเต็มที่ ไม่เคยรับเงินมา แล้วไม่สอน ลูกค้าที่เคยมาเรียนก็ไปบอกต่อปากต่อปาก

     “อีกข้อสำคัญที่เป็นเอกลักษณ์ของ ส.สะพานมอญ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเราจะมีการนำรถจี๊ปทหารสมัยโบราณมาใช้สอน มีการยกเครื่องใหม่ โดยใน 2 ชั่วโมงแรกของการเรียน นักเรียนทุกคนจะต้องฝึกจากรถจี๊ปก่อน เป็นแบบเกียร์ธรรมดา พวงมาลัยไม่พาวเวอร์ เพราะเราอยากให้เขาได้เรียนรู้พื้นฐานจากเกียร์ธรรมดาก่อนที่จะไปใช้รถออโต้ ซึ่งน่าจะเป็นโรงเรียนสอนขับรถแห่งเดียวในไทยตอนนี้ที่มีการนำรถโบราณมาใช้”

     ในส่วนของการสร้างแบรนด์นี้ ความจริง ส.สะพานมอญ ก็ให้ความสำคัญ และทำมาตั้งแต่ยุคเริ่มแรก โดยหลังจากเริ่มต้นทำธุรกิจได้ไม่กี่ปี คุณแม่ของครูแต่ม (พิศพงศ์ ยังเจริญ) ได้มีการลงทุนจ้างนักแต่งเพลงและนักร้องเพลงโฆษณา “นคร มงคลายน” ในราคา 10,000 บาทให้ทำเพลงโฆษณาให้ เพื่อเผยแพร่ผ่านทางวิทยุ ซึ่งถือว่าเป็นเงินจำนวนไม่น้อยเลยเมื่อเทียบกับค่าเรียนในราคา 15 บาท โดยเป็นเพียงธุรกิจไม่กี่รายในยุคนั้นที่มีเพลงโฆษณาเป็นของตัวเอง จึงทำให้ชื่อเสียงของ ส.สะพานมอญ เป็นที่รู้จักไปทั่วประเทศ

ไม่ลดราคา ไม่ลดคุณภาพ

     โดยหากเทียบค่าเรียนของโรงเรียนสอนขับรถทุกแห่งแล้ว ส.สะพานมอญ ถือว่ามีราคาสูงกว่าโรงเรียนอื่นๆ เรื่องนี้ครูแต่มกล่าวไว้ว่า

     “ส.สะพานมอญ เราเป็นโรงเรียนที่ไม่ค่อยมีโปรโมชั่นอะไร และค่าเรียนสูงกว่าที่อื่นๆ เพราะเราต้องการเน้นคุณภาพ ไม่ใช่แค่ให้ขับรถเป็น แต่ต้องเป็นผู้ขับรถที่ดีออกไป”

     โดยค่าเรียนขับรถของ ส.สะพานมอญ ปัจจุบันอยู่ราคาที่ 6,500 บาท ในขณะที่โรงเรียนทั่วไปอยู่ที่ราว 4,000 – 5,000 บาท จากการสอนไม่จำกัดจำนวนครั้ง ก็มีการปรับให้เป็นภาคปฏิบัติ 10 ชั่วโมง ทฤษฎี 5 ชั่วโมง เพื่อให้เหมาะสมกับการบริหารจัดการธุรกิจในยุคปัจจุบันมากขึ้น

     “จริงๆ ตั้งแต่ที่คุณพ่อคุณแม่ทำมา ท่านไม่อยากจำกัดจำนวนครั้งในการเรียน เพราะเข้าใจดีว่าแต่ละคนเรียนได้ไม่เหมือนกัน บางคนเป็นเร็ว เป็นช้า แต่คนยุคนี้บางคนไม่เหมือนกับคนยุคก่อน คือ เรียนแล้วไม่จบ บางคนเป็นแล้ว แต่ไม่มาต่อเนื่อง พอจะสอบก็มาขอเรียนใหม่ เพราะลืมไปแล้ว ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายไม่จบ เราเลยปรับมาเป็นจำกัดจำนวนชั่วโมงเรียน แต่คุณภาพการสอนก็ยังเหมือนเดิม หลายคนส่งลูกหลานมาเรียนที่นี่ เพราะเขาเชื่อมั่นในชื่อเสียงของเราที่มีมานาน เรื่องราคาเขาไม่เกี่ยง เพราะต่างกันนิดเดียว แต่สิ่งที่ได้คือ ความปลอดภัย เมื่ออยู่บนท้องถนนมากกว่า”

อาชีพที่แขวนอยู่บนเส้นด้าย

     ในมุมมองของคนภายนอก อาจมองว่าการเรียนกับโรงเรียนสอนขับรถอาจไม่จำเป็นบ้าง บ้างก็ว่าเป็นธุรกิจที่เหมือนได้เงินมาง่ายๆ ไม่ต้องลงทุนอะไรเยอะ แต่ความจริงรายละเอียดที่ซ่อนอยู่ คือ

     “การสอนขับรถยนต์ถือว่าเป็นอาชีพที่มีความเสี่ยงมาก การที่ต้องพาคนที่ขับรถไม่เป็นมาก่อนออกสู่ท้องถนนได้ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ที่ใครจะกล้าเสี่ยง หรือรับผิดชอบได้ แม้แต่ภาครัฐยังไม่ทำ ภารกิจเหล่านี้จึงตกมาอยู่ที่ภาคเอกชน โรงเรียนสอนขับรถต่างๆ ที่ต้องสร้างบุคลากรครูผู้สอนที่มีความชำนาญและปลอดภัยในการฝึกฝนนักเรียน ยกตัวอย่างเช่นในธุรกิจของเรากว่าจะฝึกสอนครูคนหนึ่งให้พานักเรียนออกถนนได้ ครูผู้ฝึกสอนคนนั้นต้องใช้เวลาสอนนักเรียนอยู่ในสนามฝึกถึง 7 ปี เราจึงจะให้ออกถนนได้ ซึ่งต้องใช้ทั้งเวลาและเงินลงทุน การสอบ License หรือขอใบอนุญาตก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ขณะเดียวกันก็ต้องบริหารจัดการแสวงหารายได้เข้ามา เราต้องรับมือจากหลายทาง

     “อีกอย่างถามว่าทำไมพวกบริษัทผลิตรถยนต์ต่างชาติต่างๆ ไม่กล้าลงทุนในธุรกิจนี้ทั้งที่เขามีความพร้อมทั้งยานพาหนะ สถานที่ เงินทุน เพราะค่าเรียนสอนขับรถในไทยถูกมาก ไม่คุ้มที่จะลงทุน อย่างญี่ปุ่นค่าเรียนขับรถประมาณ 7-8 หมื่นบาททีเดียว ดังนั้นต้องนับถือใจโรงเรียนภาคเอกชนต่างๆ มากที่กล้ามาลงทุนทำในธุรกิจนี้” ครูแต่มเล่าความสำคัญของอาชีพที่คนภายนอกอาจมองไม่เห็น

มากกว่าใบขับขี่ คือ ต้องเป็นผู้ขับขี่ที่ดี

     หนึ่งในเป้าหมายสำคัญของนักเรียนที่มาเรียนขับรถ ก็คือ ต้องการสอบใบขับขี่ให้ได้ แต่สำหรับ ส.สะพานมอญแล้วไม่ใช่แค่นั้น การสร้างนักเรียนออกไปแต่ละรุ่น ก็เหมือนสร้างผู้ขับขี่ที่ดีออกสู่สังคม

     “เมื่อสิบกว่าปีก่อนไทยเคยติดอันดับ 1 ของประเทศที่มีการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุบนท้องถนนมากที่สุดในโลก จนกรมการขนส่งทางบกต้องส่งเสริมให้มีการเปิดโรงเรียนสอนขับรถกันมากขึ้น เพื่อให้ประชาชนเกิดความรู้ความเข้าใจในการใช้รถใช้ถนนมากขึ้น จนปัจจุบันลดลงเหลืออันดับที่ 9

     “การมาเรียนที่ ส.สะพานมอญ เป้าหมายของเราไม่ใช่แค่การทำให้นักเรียนสอบผ่านได้ใบขับขี่ แต่เพื่อสร้างผู้ขับขี่ที่ดีบนท้องถนน นี่คือ หัวใจหลักของธุรกิจเราเลย ใบขับขี่ใครๆ ก็มีได้ แต่การที่เขาขับรถไม่ชน มีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมท้องถนน มันคือ การช่วยลดอุบัติเหตุ นักเรียนทุกคนก็เหมือนลูกหลานของเรา เรารักลูกเรายังไง ก็รักพวกเขาแบบนั้น อยากให้ปลอดภัยทุกคน นี่คือ สิ่งสำคัญ”

     และทั้งหมดนี้จึงเป็นคำตอบว่า เพราะเหตุผลว่าทำไมธุรกิจเก่าแก่อย่าง ส.สะพานมอญ จึงอยู่มาได้จนถึง 75 ปี เป้าหมายไปให้ถึงร้อยปี ดูจะไม่ไกลเกินจริงเลย

     “เคยมีคนบอกเอาไว้นะว่าแบรนด์เราเป็นเหมือนประวัติศาสตร์ที่ยังมีชีวิต หลายธุรกิจอาจกลายเป็นตำนานไปแล้ว มีเพลง แต่ตัวธุรกิจไม่อยู่แล้ว แต่สำหรับเราเพลงอยู่ ตัวธุรกิจก็ยังอยู่” ครูใหญ่ของโรงเรียนทิ้งท้ายเอาไว้

    “ถ้าอยากขับรถต้องเรียนเสียก่อน ส.สะพานมอญ สอนให้ได้ผล อยากเป็นช่างฟิต ซ่อมฟิต เครื่องยนต์ ขอเชิญทุกคนเรียนที่ ส.สะพานมอญ เชี่ยวชาญการขับรถ รู้กฎของการจราจร แก้ไขเครื่องได้แน่นอน สอนลัดรู้เร็วนักหนา”

     เพลง ส.สะพานมอญยังดังก้องอยู่ในโสตประสาท พร้อมกับเรื่องราวของแบรนด์ที่ดำเนินต่อไป

ส.สะพานมอญ

โทร. 086 421 4438

Facebook : https://web.facebook.com/s.sapanmorn

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

 

 

 

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

อย่างอาร์ต! MAMAD แบรนด์แฟชั่น X ศิลปะ วาดลวดลายสไตล์ Semi Abstract สร้างความแปลก ออกแบบ “ศิลปะที่สวมใส่ได้”

“Me As My Art Daily” ศิลปะคือส่วนหนึ่งของตัวตนเราในทุกวัน คือนิยามของแบรนด์แฟชั่นสุดอาร์ตอย่าง MAMAD ที่นำเอาศิลปะและแฟชั่นมาผสานกัน กลายเป็นกระเป๋า เสื้อผ้า และหมวกที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ ความแปลกตา และสไตล์ที่ไม่ซ้ำใคร

Nyana Nyana Eco Fashion อดีตสถาปนิกนักสู้มะเร็ง สู่เจ้าของแบรนด์แฟชั่นออร์แกนิก เป็นมิตรต่อผู้สวมใส่ และสิ่งแวดล้อม

Nyana Nyana Eco Fashion แบรนด์แฟชั่นของอดีตสถาปนิกหญิงสิงคโปร์ที่ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา แม้พบว่าป่วยเป็นมะเร็ง แต่ “Clara Simanjuntak” กลับใช้เป็นแรงบันดาลใจ เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิต ทำสิ่งดีๆ รวมถึงการสร้างแบรนด์เสื้อผ้าจากผ้าออร์แกนิก

บ้านโอบอุ่น ธุรกิจเล็กๆ ของนักศึกษาพยาบาล ที่ทำให้คนแปลกหน้ากลายเป็นเพื่อนกัน

พาไปรู้จักบ้านโอบอุ่น ธุรกิจโฮมสเตย์เล็กๆ ที่ปลูกขึ้นกลางทุ่ง ของ อั้ม-พัชราภา อ่ำปั้นนักศึกษาพยาบาล ที่นั่งรถไฟจากพิษณุโลกไปเชียงดาวทุกสัปดาห์เพื่อมาทำโฮมสเตย์เล็กๆ ที่เปลี่ยนคนแปลกหน้าให้กลายเป็นเพื่อนกัน