Anita มาดอนน่าเอเชีย บทสรุปความสำเร็จในอาชีพการงาน ทุกอย่างย่อมเป็นไปได้ ตราบใดที่มีศรัทธา

TEXT : อรุษา กิตติวัฒน์

Main idea

  • "Anita" หรือ อนิต้า...เสียงนี้ที่โลกต้องรัก (ฉายทางสตีมมิง Disney+ Hotstar มีให้เลือกดูทั้งแบบภาพยนต์ตอนเดียวจบ และแบบ Director’s Cut ที่เป็นมินิซีรีส์ 5 ตอนจบ)

 

  • สร้างจากเส้นทางชีวิตของ “อนิต้า เหมย” หรือ เหมยเยี่ยนฟาง นักร้องนักแสดงอันดับหนึ่งของฮ่องกงในยุค 90 ที่ได้รับการยกย่องให้เป็นมาดอนน่าเอเชีย

 

  • แม้จะไม่ใช่คนยุค 90 ไม่เคยรู้จักซูเปอร์สตาร์คนนี้ ก็สนุกไปกับเรื่องราวชีวิต มิตรภาพ ความรัก และอาชีพการงานที่ถ่ายทอดไว้ในหนังเรื่องนี้ได้

 

     เหมยเยี่ยนฟาง เริ่มขึ้นเวทีหาเลี้ยงชีพครั้งแรกตอน 4 ขวบ ชนะเลิศประกวดร้องเพลงสมัครเล่นตอนอายุ 18 ปี  หลังจากนั้นเส้นทางชีวิตของเธอก็ทะยานสู่ฟ้า กลายเป็นซูเปอร์สตาร์ จนกระทั่งจากไปตอนอายุ 40 ปี และกลายเป็นตำนานอีกบทของฮ่องกง

     ความสำเร็จของเธอมาจากปัจจัยหลายอย่างประกอบกัน แมวมองที่เห็นความเป็นศิลปิน ค่ายเพลงที่คัดเลือกเพลง สไตลิสต์ที่สร้างภาพลักษณ์ความเป็นเหมยเยี่ยนฟางให้เด่นชัด ประกอบเข้ากับการแสดงที่โดดเด่น จึงเข้าไปอยู่ในหัวใจคนฮ่องกง และแฟนเพลงในอีกหลายประเทศ และนี่คือ บทสรุปปัจจัยความสำเร็จในอาชีพการงานของเหมยเยี่ยนฟางจากหนังอิงชีวประวัติบุคคลเรื่องนี้

1. ทำสิ่งที่คุณทำได้ดี และอย่าไปฟังคนที่บอกว่าคุณทำสิ่งนี้ไม่ได้

     เหมยเยี่ยนฟาง มีโทนเสียงที่แตกต่างจากนักร้องหญิงในยุคนั้น ซึ่งมาจากการที่เธอต้องร้องเพลงหาเงินเลี้ยงครอบครัว เธอจับคู่พี่สาวเป็นนักร้องดูโอ วิ่งรอกร้องเพลงในร้านอาหาร ไนต์คลับ จนเส้นเสียงอักเสบ หลังผ่าตัดรักษาเส้นเสียง เสียงเธอเปลี่ยนไป หมอบอกว่าเธอร้องเพลงเป็นอาชีพไม่ได้แล้ว ให้หางานอื่นทำ  เธอไม่ยอมแพ้ พยายามฝึกฝนการร้องเพลงในโทนเสียงที่ต่ำลง แต่ก็ไม่มีพลังพอ แมวมองจากค่ายเพลงบังเอิญได้ยินเธอซ้อมเพลง จึงแนะนำให้ร้องเสียงต่ำคอนทราลโต และยืนยันว่าเธอร้องเพลงได้ “ทำสิ่งที่คุณทำได้ดี”

     จากนั้นจึงแนะนำตัวเองพร้อมบอกข่าวการจัดประกวดของค่ายเพลง สองพี่น้องไปสมัครประกวดร้องเพลง พี่สาวตกรอบไม่ได้เข้าร่วมแข่งขัน ส่วนเธอชนะการประกวด แม้จะมีอายุแค่ 18 ปี แต่ก็มีประสบการณ์ร้องเพลงหาเลี้ยงชีพสั่งสมมาสิบกว่าปี เธอจึงคุมเวทีอยู่ แสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติโดยไม่เสียสมาธิ และมีเสียงที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ชัดเจน


2. กุญแจสู่ความสำเร็จในวงการบันเทิง คือ ความเป็นเอกลักษณ์ และได้คนที่ช่วยนำเสนอออกมา

     เหมยเยี่ยนฟาง ได้เซ็นสัญญาเป็นศิลปินของค่ายเพลงและสถานีโทรทัศน์ทีวีบี โปรดิวเซอร์ของค่ายเพลงเห็นว่าเสียงของเธอโดดเด่น แต่รูปลักษณ์ยังไม่ดี เธอมีชื่อในวงการว่า Anita และถูกส่งตัวไปให้ เอ็ดดี้ หลิว สไตลิสต์ที่เก่งที่สุดในฮ่องกง ให้ดูแลเรื่องรูปลักษณ์ เขาดึงตัวตนของเธอออกมา ความคิด ความฝัน ทัศนคติ ความรัก ความรู้สึก และรสนิยม ออกแบบเสื้อผ้าหน้าผม สร้างภาพลักษณ์ของ อนิต้า เหมย ที่โลกรู้จัก

3. แสดงบนเวที 3 นาที ต้องซ้อมหลังเวทีเป็นสิบปี

     ไอดอลคนแรกตั้งแต่วัยเด็กของอนิต้า เป็นนักร้องหนุ่มที่ร้องได้ทั้งเพลงจีน ฝรั่ง และญี่ปุ่น รุ่นพี่ในโรงละครบอกเธอว่า  “การแสดงบนเวที 3 นาที ต้องซ้อมหลังเวทีเป็นสิบปี” ให้เธอเรียนเพลงต่างประเทศสักเพลงสองเพลงไว้ใช้ในอนาคต เมื่อถูกค่ายเพลงส่งไปขึ้นแสดงครั้งแรกแทนนักร้องดังที่ป่วยกะทันหันที่ไนต์คลับแห่งหนึ่ง พร้อมกับนักร้องหน้าใหม่อีกคน คือ เลสลี่ จาง เธอรับรู้ว่าลูกค้าในร้านมีชาวไต้หวันและญี่ปุ่นด้วย จึงร้องเพลงภาษาจีนกลางและญี่ปุ่นที่เคยหัดเรียนไว้ ทำให้ลูกค้ากลุ่มนี้พึงพอใจ ทั้งยังรับมือกับลูกค้าห่ามๆ ได้ดีเพราะเคยเจอลูกค้ามาแล้วทุกรูปแบบจากการร้องเพลงหาเลี้ยงชีพ แต่เลสลี่กลับถูกโห่ใส่ เธอให้กำลังใจเขา ทั้งคู่กลายเป็นเพื่อนสนิทในวงการ มีความฝันร่วมกันว่าวันหนึ่งจะได้ไปแสดงในเวทีที่ใหญ่ที่สุดในฮ่องกง  

4. การต่อรองเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ

     อนิต้าถูกทาบทามให้แสดงหนังเรื่องใหม่ Rouge (ล่ารัก 59 ปี) เธอถามถึงนักแสดงนำฝ่ายชายที่ผู้สร้างมองไว้ คิดว่าบุคลิกดูเป็นฮีโร่เกินไป และเสนอ เลสลี่ จาง ซึ่งคาแรกเตอร์เหมาะกับบทพระเอกของเรื่องนี้ แม้ทีมผู้สร้างจะเห็นด้วยกับเธอ แต่ก็เป็นไปได้ยาก เพราะเขาติดสัญญากับค่ายหนังอื่นอยู่ อนิต้าเสนอทางออกให้ลองติดต่อค่ายหนังนั้นพร้อมข้อต่อรองว่าเธอจะไปเล่นหนังให้เรื่องหนึ่งเป็นการแลกเปลี่ยน ในที่สุดเธอก็ได้ร่วมงานกับเลสลี่ Rouge กลายเป็นหนึ่งในหนังที่ดีที่สุดในชีวิตการแสดงของทั้งคู่ หนังเรื่องนี้ทำให้อนิต้าคว้ารางวัลม้าทองคำนักแสดงหญิงยอดเยี่ยมของฮ่องกงมาได้ และรางวัลจากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเอเชียแปซิฟิค

5. ทำเรื่องที่รู้สึกว่ามีคุณค่า ด้วยประสบการณ์ของตัวเอง

     อนิต้าประสบความสำเร็จในการงาน ได้รางวัลในฐานะนักร้องยอดเยี่ยมทุกปี เธอถอนตัวจากการรับรางวัลเพื่อเปิดโอกาสให้ศิลปินรุ่นหลัง จนกระทั่งคืนหนึ่งมีเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงชีวิตของเธอ เมื่อไปร่วมงานวันเกิดเพื่อนที่คาราโอเกะแห่งหนึ่ง และไปขัดแย้งกับนายทุนหนังที่ทำตัวอันธพาล อนิต้าต้องหนีจากวงการบันเทิงไปซ่อนตัวในเมืองไทยกว่าครึ่งปี เป็นช่วงที่ยากลำบากที่สุดในชีวิต แต่ก็เริ่มมาคิดถึงเรื่องราวในชีวิต เมื่อเอ็ดดี้ไปหาเธอที่เชียงใหม่ แจ้งข่าวว่าทุกอย่างคลี่คลายแล้ว เธอจึงบอกเขาว่าถ้ามีโอกาสเริ่มต้นชีวิตใหม่ เธอไม่อยากเป็นแค่ศิลปินนักร้องนักแสดง เขาบอกว่านอกจากการแสดงและร้องเพลงแล้ว ยังมีอีกเรื่องที่สำคัญ คือ ประสบการณ์ชีวิต เธอสามารถทำเรื่องที่รู้สึกว่ามีคุณค่า ด้วยประสบการณ์ของตัวเอง

     อนิต้าค้นพบแล้วว่าชีวิตต้องการอะไร หลังจากกลับไปฮ่องกง เธอจึงมุ่งหน้าทำงานด้านการกุศล ด้วยความตระหนักถึงสิ่งที่ได้รับมาในชีวิต และต้องการแบ่งปันให้คนอื่น ถ่ายทอดประสบการณ์ให้กับคนรุ่นหลัง   

6. ถ้าเชื่อมั่นว่าทำสิ่งที่ถูก อุปสรรคทั้งหลายก็จะหลีกทางให้ และตราบใดที่เรามีศรัทธา ทุกอย่างย่อมเป็นไปได้

     ในปี 2003 ฮ่องกงเผชิญกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่ SARs อนิต้าได้รับการวินัจฉัยว่าเป็นมะเร็งปากมดลูกเหมือนกับพี่สาวที่จากไปสามปีก่อนหน้า เธออยากมีชีวิตอยู่ให้นานกว่านี้ เพราะรู้สึกว่ายังมีเรื่องที่ต้องทำอีกมาก ท่ามกลางโรคระบาด คนแห่กันกักตุนอาหารและยา เศรษฐกิจตกต่ำ รัฐบาลเตรียมประกาศเขตโรคระบาด เธอยังสูญเสียเพื่อนสนิทที่เป็นเหมือนครอบครัวไป เมื่อ เลสลี่ จาง ตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง

     อนิต้าเป็นแม่งานขับเคลื่อนการจัดคอนเสิร์ต 1:99 รวบรวมเหล่าศิลปินในวงการมาร่วมแสดง ระดมทุนช่วยผู้ป่วยโรคซาร์กับครอบครัวให้กลับมายืนได้อีกครั้ง และส่งกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ เธอมอบหมายงานให้ทีมงานรุ่นน้องๆ ใช้บ้านเป็นออฟฟิศ รักษาตัวไปพร้อมกับการบริหารโปรเจกต์ กินยา เข้านอนตรงเวลา

     ทีมงานทำงานอย่างหนัก แต่อุปสรรคสำคัญ คือ ภาครัฐยังไม่อนุญาตให้จัดงานในพื้นที่ปิด อนิต้าต่อรองขอใช้สนามกีฬาฮ่องกงแทน ให้คำมั่นว่าถ้ามีใครร้องเรียนเรื่องเสียงรบกวนจะไปขอโทษทุกคนด้วยตัวเอง

     เหล่าเพื่อนในวงการมาช่วยงาน ทว่าน้องๆ ทีมงานที่ได้รับโอกาสทำงานกลับเต็มไปด้วยความกังวล ไม่มั่นใจตัวเอง และกลัวว่าจะขายตั๋ว 40,000 ที่นั่งไม่หมด

     “ถ้าพวกเธอเชื่อมั่นว่าทำสิ่งที่ถูก อุปสรรคทั้งหลายก็จะหลีกทางให้” อนิต้าบอกทีมงานด้วยความเชื่อมั่นในตัวพวกเขา และเชื่อมั่นในคนฮ่องกงว่าจะมาสนับสนุนคอนเสิร์ตครั้งนี้ ซึ่งทุกอย่างสำเร็จด้วยดี สามารถระดมทุนได้ 22 ล้านเหรียญฮ่องกง นำไปสมทบทุนด้านการศึกษาให้เด็กจากครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจาก SARs ในฮ่องกง 

     หลังจบคอนเสิร์ต อนิต้าเข้ารับคีโม และวางแผนจัดคอนเสิร์ตของตัวเอง แม้โปรดิวเซอร์และเอ็ดดี้ต่างไม่เห็นด้วย แต่เธอยืนยันว่าจะร้องเพลงจนวาระสุดท้าย ความฝันสูงสุดในชีวิตของเธอ คือ การแต่งงาน อำลาวงการในขณะที่ดังสุดๆ ไปเป็นแม่บ้าน แม้ว่าความฝันไม่เคยเป็นจริง ก็ได้รับความรักจากแฟนเพลงมาเติมเต็ม เธอจะแต่งงานกับเวที กับการร้องเพลง ขอให้เอ็ดดี้ออกแบบชุดแต่งงานเพื่อเป็นเจ้าสาวบนเวที

     ต้นเดือนกันยายน อนิต้าประกาศว่าป่วยเป็นมะเร็งปากมดลูก และแจ้งเรื่องคอนเสิร์ตที่ในเดือนพฤศจิกายน เธออยากพิสูจน์ให้เห็นว่า ตราบใดที่เรามีศรัทธา ทุกอย่างย่อมเป็นไปได้  

     คอนเสิร์ต Anita Classic Moment Live 2003 ได้รับการตอบรับจากแฟนเพลงที่มาให้กำลังใจล้นหลาม จนต้องเพิ่มรอบแสดงจาก 4 รอบเป็น 8 รอบ เธอบอกรักและอำลาแฟนเพลงด้วยคอนเสิร์ตครั้งสุดท้าย เธอจากไปในวันที่ 30 ธันวาคม 2003 หลังจากการแสดงคอนเสิร์ตรอบสุดท้าย 45 วัน

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

กว่าจะเป็น สุขกับป๊อกกี้ ร้านลับ ชื่อเท่ เมืองสัตหีบ ที่ใครมาก็ต้องได้ความสุขกลับไป

“สุขกับป๊อกกี้” คาเฟ่ & ร้านอาหารชื่อแปลกหู อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ที่แค่ฟังก็รู้ว่าต้องเป็นพื้นที่แห่งความสุข

บ้านอยู่ดีมีความสุข เกาะสีชัง กับแนวคิดทำธุรกิจให้มีขยะน้อยที่สุด

เราไม่สามารถลดขยะให้เป็นศูนย์ได้ แต่สามารถลดให้น้อยลงได้ แค่ลองตั้ง Mindset ค่อยๆ ลงมือทำไปทีละนิด ไม่ว่าใครก็ทำได้ เหมือนกับ “บ้านอยู่ดีมีความสุข” ที่พักเล็กน่ารักบนเกาะสีชัง จ.ชลบุรี ที่เริ่มต้นทำจากจุดเล็กๆ ไปทีละอย่าง

บ้านๆ น่านๆ ตำนานที่พัก+ห้องสมุด รายแรกของไทย ใช้สิ่งที่รักต่อยอดธุรกิจโตกว่าทศวรรษ

เพราะความรู้ ความบันเทิง ความรื่นรมย์ไม่ได้อยู่แค่ในหนังสือ แต่มันอยู่ในชีวิตเราทุกรูปแบบ นี่คือ เหตุผลที่ทำให้ "ชโลมใจ ชยพันธนาการ" (ครูต้อม) อดีตครูสอนวิชาภาษาไทยผันตัวมาเป็นเจ้าของที่พัก “บ้านๆ น่านๆ” ที่มีจุดขาย คือ มีห้องสมุดไว้สำหรับหนอนหนังสือเป็นรายแรกของไทย