สำรวจสถานการณ์ทุเรียน ไทยจะยังเป็นเจ้าตลาดหรือไม่? เมื่อลูกค้ารายใหญ่อย่างจีนปลูกได้เอง

TEXT : วิมาลี วิวัฒนกุลพาณิชย์

Main Idea

  • คงไม่ปฏิเสธว่าจีนคือ ลูกค้ารายใหญ่ที่ทำให้ทุเรียนไทยขายได้ขายดี

 

  • หลายคนอาจสงสัยว่าการที่จีนสามารถปลูกทุเรียนได้เองแล้วนั้นจะสนองความต้องการในประเทศจนไม่ต้องนำเข้าทุเรียนจากที่อื่นหรือเปล่า แล้วจะกระทบกับไทยแค่ไหน

 

   หลังจากที่กลายเป็นข่าวดังกรณีอินฟลูเอนเซอร์จีนที่รู้จักกันในชื่อ “ซินบา” เจ้าของฉายา “ราชันนักขาย” ผู้ก่อตั้ง อี-คอมเมิร์ซชั้นนำด้านการถ่ายทอดสดในประเทศจีนได้เดินทางมาไลฟ์สดขายสินค้าต่าง ๆ ในไทย หนึ่งในนั้นคือทุเรียนหมอนทองที่ทำยอดขายปังสุด กวาดรายได้เกือบ 300 ล้านหยวนหรือราว 1,500 ล้านบาทจากยอดสั่งซื้อทุเรียน 1.62 ล้านลูก น้ำหนักรวมกว่า 4,800 ตัน

     ขายที่ไทยแต่กลายเป็นดราม่าที่จีน เนื่องจากพ่อค้าแม่ค้าทุเรียนคนจีนออกมาโวยว่าการไลฟ์สดของซินบาทำให้ราคาทุเรียนในจีนทะยานพุ่ง จนผู้ค้ารายย่อยไม่มีทุเรียนจะขาย ไม่เฉพาะที่จีน ผู้บริโภคในไทยเองก็ได้รับผลกระทบ อย่างหมอนทองที่เคยขายไม่เกิน 200 บาทต่อกิโลกรัม หลายร้านราคาขายขึ้นไปแตะกิโลกรัมละ 300 บาท แถมทุเรียนในไทยยังขาดตลาดอีกด้วย ไม่เฉพาะที่ไทย มาเลเซียเองก็เผชิญชะตากรรมไม่ต่างกัน จนมีคำพูดจากผู้บริโภคในมาเลเซียว่า “เดี๋ยวนี้ซื้อทุเรียนเหมือนซื้อทองคำ” หรือ “ทุเรียนมา ผ้าหลุด” เป็นต้น

จีนยังต้องนำเข้าทุเรียนไหม?

     หลายคนอาจสงสัยว่าที่จีนเองก็สามารถปลูกทุเรียนได้แล้วน่าจะสนองความต้องการในประเทศจนไม่ต้องนำเข้าทุเรียนจากที่อื่นหรือเปล่า ในเรื่องนี้ ลิม ชอน คี ผู้เชี่ยวชาญด้านทุเรียนจากมาเลเซียผู้ก่อตั้ง Durian Academy เล่าว่าเขาต้องบินไปจีนทุก 2 เดือนเพื่อให้คำแนะนำเกษตรกรจีนเกี่ยวกับการปลูกทุเรียนโดยเฉพาะรายที่ปลูกบนพื้นที่มากกว่า 1,000 เอเคอร์หรือประมาณ 2,500 ไร่

     ในฐานะที่มาเลเซียส่งออกทุเรียนแช่แข็งคุณภาพดีไปยังจีน ลิมให้สัมภาษณ์ว่าที่ยังเดินทางไปสอนเกษตรกรจีนปลูกทุเรียนด้วยความเต็มใจก็เพราะมั่นใจว่าผลผลิตทุเรียนในจีนก็ไม่เพียงพอจนสามารถลดการนำเข้าในเร็ววันนี้ อย่างไรก็ตาม มาเลเซีย ไทย ฟิลิปปินส์ และเวียดนามก็ยังควรจับตามองความก้าวหน้าของจีนในระยะยาวเพราะไม่แน่จีนอาจกลายเป็นคู่แข่งหลักในตลาดก็ได้

     สถานีโทรทัศน์ไชน่า เซ็นทรัล เทเลวิชั่นรายงานการปลูกทุเรียนในจีนเริ่มขึ้นที่มณฑลไห่หนานช่วงทศวรรษ 1950 รวมพื้นที่เกือบ 1.3 ล้านไร่ แต่การปลูกทุเรียนจนประสบความสำเร็จให้ผลผลิตและมีแนวโน้มจะกลายเป็นพืชทำเงินหลักให้เกาะไห่หนานเพิ่งเกิดขึ้นในปี 2020 นี่เอง โดยปีนี้จะสามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตทุเรียนรอบแรกได้และคาดว่าเดือนมิย.นี้ ทุเรียนจากไห่หนานจะวางขายในประเทศประมาณ 2,450 ตัน 

     ถึงกระนั้น ลิมซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านทุเรียนจากมาเลเซียก็มองว่ายังไงผลผลิตทุเรียนในจีนคงไม่สูงมากและไม่พอต่อความต้องการในประเทศเพราะยังมีอุปสรรค เช่น เกษตรกรที่ปลูกทุเรียนไม่ได้เป็นเจ้าของพื้นที่เองแต่ต้องเช่าที่ดิน การจ่ายค่าเช่าเป็นต้นทุนอย่างหนึ่ง และสภาพภูมิประเทศที่เป็นเกาะทำให้เกิดพายุไต้ฝุ่นในบางครั้งบางคราวทำให้ต้นทุเรียนที่ปลูกได้รับความเสียหาย ส่งผลให้จำนวนผลผลิตที่ได้ไม่แน่นอน

     ด้านแซม ชิน ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาบริษัทเอสแอนด์เอฟ โพรดิวซ์ กรุ๊ปในฮ่องกง ผู้ดำเนินธุรกิจด้านการเกษตรเสริมว่าที่สำคัญ สภาพอากาศกึ่งเขตร้อนของไห่หนานทำให้ทุเรียนที่ได้คุณภาพไม่สามารถเทียบเท่าทุเรียนไทยซึ่งมีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในหมู่ผู้บริโภคชาวจีน  

     นอกจากนั้น ยังมีข้อได้เปรียบของชาติอาเซียนที่ส่งออกทุเรียนไปจีนอีกอย่างคือการได้ประโยชน์จาก RCEP (Regional Comprehensive Economic Partnership) หรือข้อตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค อันเป็นความตกลงเขตการค้าเสรีระหว่าง 10 ชาติสมาชิกอาเซียน และ 5 ประเทศคู่เจรจาเกี่ยวกับการลดภาษีการค้าซึ่งเอื้อให้การส่งออกผลไม้หายากในจีนเข้าถึงผู้บริโภคจีนได้ง่ายขึ้น

     ข้อมูลระบุปี 2022 ที่ผ่านมา จีนนำเข้าทุเรียนสดมากกว่า 824,000 ตัน มูลค่า 4,000 กว่าล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มมากกว่าปี 2017 ถึง 4 เท่า ในจำนวนนี้เป็นทุเรียนนำเข้าจากไทยมากที่สุด คิดเป็นมูลค่า 3,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม บริษัทด้านการเกษตรที่ลงทุนปลูกทุเรียนในจีนก็กำลังหาวิธีการเพิ่มผลผลิตโดยการนำเทคโนโลยีมาใช้ เช่น การเร่งวงจรการเติบโตของต้นทุเรียนให้สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้จากภายใน 10 ปีเหลือเพียง 3 ปี รวมถึงพัฒนาเทคนิคการปลูก การให้นำ ให้ปุ๋ย และควบคุมสภาพอากาศ เรียกว่าการปลูกทุเรียนในจีนนั้นมีความซับซ้อนและต้องใช้ความพยายามมากกว่ามาก จีนจะพัฒนาเทคนิคการปลูกทุเรียนไปถึงไหน จะถึงขั้นส่งออกไปยังประเทศอื่นได้หรือไม่ คงต้องจับตามองต่อไป

ที่มา : https://shorturl.asia/tB3ns

 

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

ทำธุรกิจซัก-รีด ยังไงให้มีรายได้สาขาละแสน ล้วงความลับกับเจ้าของแบรนด์ ตั้งใจซัก

หนึ่งในธุรกิจที่ขึ้นชื่อว่าเป็น “เสือนอนกิน” นั้นต้องมีธุรกิจเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญติดในลิสต์เป็นอันดับต้นๆ ทำให้ธุรกิจนี้เติบโตเป็นพิเศษโดยเฉพาะในช่วงโควิดที่ผ่านมา มีผู้ประกอบการที่สนใจเปิดธุรกิจนี้มากมาย แต่ถึงแม้จะเป็นธุรกิจเสือนอนกิน ใช่ว่าทุกคนจะเป็นเสือที่ได้กินธุรกิจนี้ง่ายๆ

Erabica Coffee ผู้ปักหมุด กาแฟน่าน ให้เป็นที่รู้จักระดับประเทศ

นี่คือสองสามีภรรยา ที่อยากมาใช้ชีวิตบั้นปลายที่น่าน คิดสร้างแบรนด์กาแฟของตัวเองขึ้นมาในชื่อ Erabica (เอราบิก้า) กลายเป็นการยกระดับกาแฟน่านเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น

HEH ร้านอาหารย่านภูเก็ต เชฟใช้เวลาในครัวให้เหมือนอยู่ในสนามแข่ง ไม่อยากเป็นแค่ Just Another Restaurant

“HEH (เห)” ร้านอาหารสไตล์  Australian Contemporary กลางเมืองภูเก็ต สร้างเมนูอาหารให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เพราะไม่อยากเป็นเพียง แค่ร้านอาหารร้านหนึ่ง