เปิดแผนโกงตาย หงส์ไทย แบรนด์ยาดมที่รอด 9 วิกฤต ด้วยกลยุทธ์ธุรกิจฉบับแมว 9 ชีวิต

Text: Neung Cch.


     ถ้าคุณคิดว่า “ยาดม” ธรรมดาๆ ที่กลายเป็นของคู่กาย ลิซ่า BLACKPINK จนพาแบรนด์เล็กๆ อย่าง “หงส์ไทย” โด่งดังไปทั่วโลกว่าน่าทึ่งแล้ว เบื้องหลัธุรกิจนี้อาจมีเรื่องน่าทึ่งไม่แพ้กัน

      เพราะในรอบเกือบสองทศวรรษบริษัทต้องเจอวิกฤตถึง 9 ครั้ง และก็สามารถรอดมาได้ทุกครั้ง

     แม้ปีนี้ที่ใครๆ ต่างบอกว่าเป็นปีที่น่ากลัวกว่าโควิด แต่หงส์ไทยกำลังมีแผนลงทุนสร้างโรงงานแห่งใหม่เพื่อรองรับการส่งออกในภูมิภาคอาเซียนซึ่งตั้งอยู่บริเวณพุทธมณฑลสาย 4 โดยคาดว่าไม่เกินปี 2569 โรงงานนี้จะเดินเครื่องเต็มระบบ

     ทั้งหมดนี้คือผลลัพธ์ของวิสัยทัศน์และการวางกลยุทธ์อย่างเป็นระบบ โดย เก่ง–ธีระพงศ์ ระบือธรรม ผู้บริหารเบื้องหลังความสำเร็จของหงส์ไทย ที่มีกลยุทธ์ที่เจ้าตัวเรียกมันว่า “แผน 10 ชั้น” นับเป็นหัวใจที่ทำให้ธุรกิจไม่ใช่แค่อยู่รอด แต่แกร่งขึ้นกว่าเดิม

ยิ่งวิกฤต ยิ่งต้องสู้ หยุดไม่ได้

      “ผมผ่านวิกฤตมา 9 รอบ และแต่ละครั้งสอนให้รู้ว่า ถ้าคุณหยุด คุณตาย” ธีระพงศ์ กล่าวถึงวิกฤตที่ตัวเขาเจอมากหลากหลาย ไปจนถึงโควิด-19 วิกฤตรอบที่ 8 ซึ่งเขาบอกว่าหนักหน่วงที่สุด เมื่อยอดขายลดลงไปถึง 85% ในปี 2563 แต่ผู้บริหารหงส์ไทยเลือกไม่หยุดนิ่ง แถมยังมีนโยบายไม่ปลดพนักงานและปรับการทำงานเป็นกะ 15 วัน ส่งผลให้บริษัทพลิกฟื้นตั้งแต่ปี 2564 ยอดขายเติบโตและพนักงานเพิ่มจาก 200 เป็น 600 คน

     “เราไม่รอให้วิกฤตจบ เราเริ่มสู้ตั้งแต่วันแรก” เขายกตัวอย่างวิธีรับมือกับปัญหา

ไขสูตร “แผน 10 ชั้น” สร้างภูมิต้านทานให้ธุรกิจ

     อย่างไรก็ดีวิกฤตเศรษฐกิจเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ หงส์ไทยก็เช่นกัน เมื่อบริษัทต้องเผชิญกับวิกฤตจะว่าไม่กระทบก็ไม่ได้ เจ้าตัวยอมรับว่ามีเซบ้างแต่ไม่ทรุด ที่เป็นเช่นนี้เพราะ การเตรียมพร้อมที่ เขาเรียกแผนนี้ว่า ‘กลยุทธ์แผนการตลาด 10 ชั้น’” ที่ธีระพงศ์มีการวางแผนไว้ล่วงหน้า 5-6 ปี เพื่อรับมือวิกฤตจนถึงปี 2570 กลยุทธ์นี้เปรียบเสมือนกำแพงหลายชั้น ครอบคลุมทุกมิติ เขาได้ยกตัวอย่างของการทำแผนนี้ อาทิ

     กระจายช่องทางการขาย หงส์ไทยไม่ได้เลือกพึ่งพาช่องทางจำหน่ายเพียงช่องทางเดียว 100% เพราะหากวันหนึ่งช่องทางนั้นเกิดปัญหา จะกระทบต่อยอดขาย ดังนั้นเพื่อป้องกันความเสี่ยง หงส์ไทยลงทุนสร้างทีมเซลส์ของตัวเอง กระจายครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ แม้ว่าการลงทุนนี้จะยังไม่ให้กำไรในทันที แต่ธีระพงศ์ มองว่า “นี่คือการลงทุนเพื่อความมั่นคงในอนาคต ถ้าวิกฤตเราอาจมีเกราะป้องกันไว้ 2-3 ชั้นช่วยค้ำไว้”

     ปลดหนี้ให้เร็วที่สุด “ผมไม่ชอบติดหนี้ หรือดึงเช็ค ผมพยายามใช้หนี้ให้หมด เพราะผมอยากรู้ว่าเงินผมจริงๆ เหลืออยู่เท่าไหร่” นั้นคือแนวคิดของเจ้าของแบรนด์หงส์ไทย

พลิกวิกฤตเป็นโอกาส สร้างภูมิคุ้มกันองค์กร สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

     นอกจากนี้ทุกครั้งที่เกิดวิกฤต หัวเรือใหญ่ของ “หงส์ไทย” จะย้ำกับทุกคนในองค์กรเสมอว่า ต้อง “สู้ให้มาก พยายามให้มาก และวิเคราะห์ให้มาก”

     โดยเฉพาะการรู้ลึก รู้จริงในสิ่งที่ตัวเองรับผิดชอบ เพื่อหาทางออกได้อย่างถูกวิธี

     “วิกฤตโลกก็คือวิกฤต แต่เราสามารถเปลี่ยนมันให้กลายเป็นโอกาสได้ วิกฤตทำให้เราได้คิดมากขึ้น สู้มากขึ้น พยายามมากขึ้น และที่สำคัญคือได้วัดว่า เราสู้สำเร็จหรือไม่ ถ้าเราไม่สู้ ปล่อยให้มันผ่านไป แล้วมานั่งเสียดายทีหลังว่า ‘รู้งี้น่าจะทำตอนโควิด’... มันก็สายไปแล้ว แต่ถ้าคุณสู้ตอนที่เกิดวิกฤต คุณจะได้สร้างภูมิคุ้มกัน ไม่ใช่แค่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อทั้งองค์กรเพราะถ้าทุกคนสู้ไปพร้อมกัน รอดไปพร้อมกัน นั่นแหละคือความสำเร็จที่แท้จริง”

     ผลลัพธ์จากการสู้ในวิกฤตอย่างจริงจัง คือ ตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา หงส์ไทย ผลิตสินค้าไม่ทัน ความต้องการของตลาด ยอดขายเพิ่มขึ้นทุกปี และยังเติบโตต่อเนื่องจนถึงวันนี้

     แม้ยังไม่ได้รุกตลาดต่างประเทศอย่างเต็มที่ เพราะความต้องการในประเทศยังล้นจนผลิตไม่พอ แต่ตอนนี้บริษัทกำลังลงทุนสร้างโรงงานแห่งใหม่เพื่อรองรับการส่งออกในภูมิภาคอาเซียนซึ่งตั้งอยู่บริเวณพุทธมณฑลสาย 4 โดยคาดว่าไม่เกินปี 2569 โรงงานนี้จะเดินเครื่องเต็มระบบ และหงส์ไทยจะพร้อมรุกตลาดส่งออกอย่างเต็มศักยภาพ

วิกฤตปีนี้… สัญญาณเตือนเริ่มตั้งแต่ปีที่แล้ว

     ถ้าถามว่าวิกฤตปีนี้อยู่ในจุดที่น่ากลัวหรือยัง เพราะจากภาพข่าวที่รายงานถึงภาวะย่ำแย่ของเศรษฐกิจ ธุรกิจหลายแห่ง หลายร้านต้องปิดป้ายขายกิจการ หลายบริษัทเริ่มทยอยให้พนักงานออก ฯลฯ สัญญาณอันตรายที่หลายคนบอกว่าปีนี้เป็นปีที่ย่ำแย่สุดๆ ไม่เว้นแม้แต่ แบรนด์หงส์ไทย ที่เริ่มเห็นสัญญาณนี้มาตั้งแต่ปีที่แล้วเช่นกัน

     “จริงๆ สถานการณ์นี้มันมาตั้งแต่เดือนเมษายน ซึ่งปกติเป็นช่วงที่ยอดขายของเราจะพุ่งสูงสุด เพราะเป็นช่วงเทศกาลที่หลายคนจะซื้อฝากหรือซื้อเป็นของขวัญให้ญาติผู้ใหญ่ แต่มันกลับลดลงอย่างเห็นได้ชัด สาเหตุหลักส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ลดการซื้อฝากและหันมาใช้จ่ายเพื่อตัวเองมากขึ้น”

3 แกนสำคัญ สร้างภูมิคุ้นกันให้หงส์ไทย

     - วางแผนล่วงหน้าหลายชั้น ไม่รอให้ปัญหามาถึงค่อยรับมือ

     - บริหารการเงินแบบไร้หนี้ ความมั่นคงคืออาวุธลับในวิกฤต

     - สร้างทีมที่พร้อมสู้ทั้งองค์กร เพราะพายุก็ซัดทั้งบริษัท ไม่ใช่แค่ CEO

     โลกธุรกิจไม่มีใครไม่เจอวิกฤต

     แต่มีไม่กี่คน… ที่เปลี่ยนมันให้กลายเป็น ‘จุดเริ่มต้นของพลังใหม่’

     หงส์ไทยทำได้ แล้วคุณล่ะ จะยอมแพ้หรือจะสร้างตำนานของตัวเอง?

www.smethailandclub.com
ศูนย์รวมข้อมูลธุรกิจเอสเอ็มอี

 

RECCOMMEND: ENTREPRENEUR

ขายดีจนต้องจำกัดการซื้อ! LoafyCo Bakery ขายขนม 2,000 ชิ้นต่อวัน เพราะคนต่อคิวซื้อไม่หยุด

ไม่ง่ายเลยที่ร้านเบเกอรี่เล็กๆ ย่านชานเมืองจะมีคิวแน่นหน้าร้านทุกวัน จนต้องจำกัดจำนวนการซื้อ แต่ LoafyCo Bakery House คือข้อยกเว้นนั้น จากจุดเริ่มต้นเล็กๆ สู่ยอดขายวันละ 1,000-2,000 ชิ้น และรายได้ 4 ล้านต่อเดือน..ทำได้อย่างไร?

“แหนมวาสนา” จากรสมือแม่..สู่แบรนด์อาหารอีสาน ที่มุ่งมั่นพัฒนาส่งต่อวัฒนธรรมอาหารอีสานสู่ครัวโลก

ในทุกคำของแหนมวาสนา ไม่ได้มีแค่รสเปรี้ยวกลมกล่อมของอาหารอีสาน แต่ยังเต็มไปด้วยความรักและความตั้งใจของครอบครัว ที่ส่งต่อจากรุ่นแม่สู่รุ่นลูก นิชา-ณัฐธีรยา ชัยวิสิทธิ์  ที่พลิกโฉมแหนมวาสนาให้กลายเป็นแบรนด์อาหารพื้นถิ่นที่ก้าวสู่เวทีระดับโลก